เมื่อไม่นานมานี้ Boeing ได้สร้างเว็บไซต์ที่ชื่อว่า Watch US Fly เพื่อเป็นการโปรโมทยานอวกาศและจรวดของพวกเขา ซึ่งในนั้นก็มีบทความโจมตีจรวด Falcon Heavy ว่ามีขนาดเล็กเกินไปอีกด้วย
อ่านบทความนั้นได้ที่นี่
“แม้ Falcon Heavy จะได้ฤกษ์ปล่อยไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่จรวดของ SpaceX ก็ยังมีขนาดเล็กเกินกว่าที่จะผ่านเกณฑ์ของ NASA ได้ และเมื่อ SLS ของพวกเขาถูกปล่อยขึ้นใช้งานจริง มันจะกลายเป็นจรวดที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา” คือส่วนหนึ่งที่ถูกกล่าวไว้ในบทความข้างต้น ซึ่งถูกอ้างอิงมาจากคำพูดของ Bill Gerstenmaier หัวหน้าทีมดูแลภารกิจสำรวจอวกาศของมนุษย์ที่ NASA แต่เอาเข้าจริงแล้วเขาเองก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไม NASA ถึงจำเป็นจะต้องใช้ SLS เพราะพวกเขายังไม่ได้สร้างยานอวกาศลำไหนที่สามารถใช้ประโยนชน์จากมันได้เต็มที่เลยสักลำเดียว
แม้เว็บโปรโมตจะกระหน่ำโปรยคำหยอดต่าง ๆ เกี่ยวกับความสามารถของ SLS แต่ก็ควรรู้ไว้ว่ามันจะไม่ได้ฤกษ์ปล่อยในเร็ววันนี้แน่ ๆ เพราะตัว booster ยังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 ปีในการผลิตกว่าจะสามารถปล่อยได้ รวมทั้งการปล่อยครั้งแรกที่จะถึงนี้ก็ไม่ใช่รุ่นที่ ทรงพลังที่สุดในโลก แต่อย่างไร และรุ่นที่ทรงพลังที่สุดในโลกนั้นยังคงต้องรออีกหลายปี แม้จะมองโลกในแง่ดีที่สุดแล้ว (ซึ่งใช้ไม่ค่อยได้กับการทำข่าวอวกาศสักเท่าไหร่)
จรวดที่ทรงพลังที่สุดในโลก
ปัจจุบันตำแหน่งนี้เป็นของจรวด Saturn V ที่ส่งคนไปดวงจันทร์ มันมีความสามารถเพียงพอที่จะส่ง payload หนัก 118 ตันสู่วงโคจรต่ำรอบโลก และ SLS รุ่น 1 จะมีความสามารถส่ง payload หนัก 70 ตัน สู่วงโคจรเดียวกันได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ยังทรงพลังกว่า Falcon Heavy ที่มีความสามารถส่งได้เพียง 64 ตันเท่านั้น
ตัว SLS รุ่นต่อ ๆ ไปจะได้รับการอัพเกรดความสามารถเป็น 105 ตัน แต่เราจะต้องรอถึงช่วงปี 2025 หรือหลังกว่านั้นอีกด้วย ยังไม่รวมตัวที่ Boeing อวยนักอวยหนาว่าทรงพลังที่สุดในโลก (ความสามารถของมันคือ 130 ตัน) ที่ยังไม่มีกำหนดการณ์เป็นชิ้นเป็นอันแต่อย่างไร และอาจต้องรออีกทศวรรษเป็นอย่างน้อยกว่าจะถูกปล่อย
ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นมันก็จะได้พบกับคู่แข่งรายใหญ่ในตลาดที่กำลังถูกพัฒนาอยู่อย่าง BFR ของ SpaceX ซึ่งพร้อมส่ง payload หนักกว่า 250 ตันสู่วงโคจรได้ และทาง SpaceX เองก็กำลังพัฒนาอย่างเอาจริงเอาจังอยู่ด้วยในตอนนี้
ทั้งนี้การเปรียบเทียบจรวดที่ทรงพลังที่สุดในโลกที่ใช้งานได้ในเวลานี้ มีค่าส่งต่อเที่ยวประมาณ 135 ล้านเหรียญสหรัฐ กับโครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่ มีกำหนดปล่อยอย่างเร็วคือเดือนธันวาคมปี 2019 พร้อมกับงบประมาณที่กำลังบานปลายอาจดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม เราควรให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าจรวด SLS จะได้ฤกษ์บินในตอนไหน โดยเที่ยวบินแรกของมันจะถูกส่งไม่เร็วไปกว่าวันที่ 15 ธันวาคม 2019 และรุ่นที่ทรงพลังที่สุดในโลก (ถ้ายังไม่โดน BFR ตัดหน้าไปก่อนนะ) จะได้ฤกษ์บินในปี 2029 เป็นอย่างเร็ว
ในขณะที่ BFR วางแผนเที่ยวบินแรกในปี 2022 พร้อมกับภารกิจทดสอบอย่างเร็วคือปีหน้านี้
อ้างอิง: