ในเดือน มิถุนายน 2021 NASA ตรวจพบการเพิ่มขึ้นอุณหภูมิพื้นผิวบริเวณฝั่งแปซิฟิกตะวันตกของสหรัฐฯ และแคนาดาอย่างรุ่นแรง โดยหลาย ๆ เมืองสามารถวัดอุณหภูมิได้สูงจนทำลายสถิติอุณหภูมิสูงสุดเท่าที่เคยวัดได้ในรายปี บางเมืองสูงสุดเป็นประวัติการณ์) โดยเมืองที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก
ข้อมูลจาก ECOSTRESS (ECOsystem Spaceborne Thermal Radiometer Experiment on Space Station) ซึ่งเป็นอุปกรณ์วัดการแผ่รังสี Infrared จากพื้นผิวของโลกเพื่อประมาณค่าอุณหภูมิพื้นผิวของพื้นที่ต่าง ๆ บนโลก (อุณหภูมิพื้นผิวกับอุณหภูมิในอากาศแตกต่างกัน ซึ่งอาจร้อนกว่าหรือเย็นกว่าก็ได้) พบว่าอุณหภูมิพื้นผิวโลกเริ่มเพิ่มขึ้นในช่วงวันที่ 25 มิถุนายน 2021 หลังเที่ยงโดยใน Seattle มีอุณหภูมิสูงสุดถึง 49 องศาเซลเซียส ตามมาด้วย Tacoma และ Olympia ที่อยู่ใกล้เคียง
ในวันที่ 26 มิถุนายน 2021 มีการประกาศการเฝ้าระวังคลื่นความร้อนในพื้นที่ของ Washington, Oregon และทางตอนเหนือของ Northern California
ต่อมาในวันที่ 27 มิถุนายน 2021 ข้อมูลจาก GEOS (Goddard Earth Observing System) พบการเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติของอุณหภูมิอากาสทั่วทวีปอเมริกาเหนือและแคนาดา โดยเพิ่มขึ้นสูงสุดในพื้นที่ชายฝั่งแปซิฟิกตะวันตก เมื่อนำข้อมูลอุณหภูมิจาก GEOS มาเปรียบเทียบกับอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปี 2014-2020 จะได้เป็นแผนที่ดังนี้
ข้อมูลจาก GEOS อาศัยการคำนวณและประมาณค่าอุณหภูมิอากาศร่วมกับค่าทางกายภาพอื่น ๆ ของบรรยากาศ เช่น ค่าความชื้น หยาดน้ำฟ้า ปริมาณเมฆ และลมเพื่อให้การคำนวณใกล้เคียงกับค่าความจริงมากที่สุด
อย่างไรก็ตามสถานีวัดอุณหภูมิภาคพื้นก็วัดอุณหภูมิพื้นผิวได้ใกล้เคียงกับที่ GEOS และ ECOSTRESS รายงาน โดยในวันที่ 27 มิถุนายน 2021 Seattle มีอุณหภูมิสูงสุดถึง 40 องศาเซลเซียสทำลายสถิติของเมือง รวมถึงเมือง Oregon และ Portland ที่ร้อนถึง 44 องศาเซลเซียส
ในแคนาดา อุณหภูมิที่ Lytton, British Columbia แตะ 47 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิสูงสุดเท่าที่เคยบันทึกได้ในประวัติศาสตร์ของแคนาดา โดยสถิติก่อนหน้านี้คือ 45 องศาเซลเซียวในเมือง Yellow Grass และ Midale, Saskatchewan เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 1937
นักวิทยาศาสตร์ด้านบรรยากาศระบุว่าปรากฏการณ์คลื่นความร้อนครั้งนี้น่าจะเป็นผลมาจากตัวแปรหลาย ๆ อย่าง เช่น ความกดอากาศสูงในบริเวณชายฝั่งของทวีปและความกดอากาศในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้เกิดกระแสลมอย่างรุนแรงจากตะวันออกไปตะวันออกซึ่งผลักอากาศเย็นจากมหาสมุทรออกไปและได้อากาศร้อนมาแทนที่ นอกจากนี้เมื่ออากาศร้อนพัดผ่านบริเวณ Cascade Range มันยิงร้อนขึ้นเพราะการจมตัวของอากาสลงไปในบริเวณหุบเขาของ Cascade Range
ผลจากการพยากรณ์พบว่าอุณหภูมิอาจเพิ่มขึ้นได้มากกว่านี้ก่อนที่ลมจากทางใต้ไปยังทางตะวันตกเฉียงใต้จะช่วยเอาอากาศเย็นเข้ามาแทนที่อีกครั้ง
เรียบเรียงโดย ทีมงาน SPACETH.CO
อ้างอิง