เช้าของวันที่ 28 มกราคม 1986 ถูกปกคลุมด้วยหมอกมืดในจิตใจของใครหลายคน ที่ได้เห็นกระสวยอวกาศระเบิดออกต่อหน้าต่อตา โดยเฉพาะกับเด็กนับล้านทั่วสหรัฐ ฯ ที่ต้องเห็นคุณครูคนแรกที่กำลังจะเดินทางขึ้นไปสู่อวกาศได้จบชีวิตลงขณะเดินทางขึ้นสู่อวกาศ
Ronald Reagan ประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ ในขณะนั้น ก็เป็นหนึ่งในผู้คนที่ช็อกกับเหตุการณ์นี้เหมือนกัน ซึ่งท่านกำลังอยู่ระหว่างเตรียมตัวก่อนกล่าว State of the Union หรือก็คือการแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาสหรัฐ ฯ ที่มีกำหนดจัดในเย็นวันเดียวกัน
และนี่เป็นครั้งแรกที่ State of the Union ถูกเลื่อนไปจากกำหนดเดิม 1 สัปดาห์ โดยแม้ประธานาธิบดี Reagan จะเป็นที่จดจำในฐานะผู้ที่มีวาทะศิลป์ที่สุดยอด แต่บทพูดในวันนั้นของเขานั้นถูกเขียนโดย Reggy Noonan ผู้เป็น Chief of Staff ของเขา
การแถลงต่อประชาชนเกิดขึ้นในเวลา 5 โมงเย็นของวันนั้น เพียง 6 ชั่วโมงให้หลังการสูญเสีย จากห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว ซึ่งนี่คือคำแปลจากบทพูดดังกล่าว
“สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ ข้าพเจ้าวางแผนจะกล่าวกับท่านในค่ำคืนนี้ ณ การกล่าวแถลงนโยบายประจำปี ทว่ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ได้ทำให้ข้าพเจ้าตัดสินใจเปลี่ยนแผนดังกล่าว วันนี้จะเป็นวันที่เราไว้อาลัยและจดจำผู้สูญเสีย
โศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศชาเลนเจอร์ทำให้ Nancy (ภรรยาของ Ronald Reagan) และข้าพเจ้าเจ็บปวดไปถึงขั้วดวงใจ พวกเราเข้าใจดีว่าเรานั้นเจ็บปวดไม่ต่างกันกับสิ่งที่เกิดขึ้น นี่คือการสูญเสียของประเทศชาติที่แท้จริง
เมื่อสิบเก้าปีที่แล้ว เราสูญเสีย 3 นักบินอวกาศในอุบัติเหตุร้ายแรงบนฐานปล่อย แต่เราก็ไม่เคยสูญเสียนักบินอวกาศในระหว่างภารกิจ เราไม่เคยเผชิญกับโศกนาฏรรมแบบนี้มาก่อน และเราอาจลืมความกล้าหาญที่บรรดาลูกเรือกระสวยอวกาศต้องเผชิญ แต่พวกเขา ลูกเรือของชาเลนเจอร์ทั้ง 7 ทราบเป็นอย่างดีถึงความเสี่ยงนี้ แต่ก็ก้าวข้ามมันไปและทำหน้าที่ของพวกเขาได้เป็นอย่างดี เราอาลัยให้กับฮีโร่ทั้ง 7 Michael Smith, Dick Scobee, Judith Resnik, Ronald McNair, Ellison Onizuka, Gregory Jarvis และ Christa McAuliffe เราไว้อาลัยในการสูญเสียนี้ไปด้วยกันทั้งประเทศ
สำหรับครอบครัวของพวกเขาทั้ง 7 เราอาจไม่ได้แบกรับความรุนแรงของการสูญเสียนี้ได้เหมือนกับที่พวกคุณได้รับ แต่เรารู้สึกและสัมผัสได้ถึงการสูญเสีย และระลึกถึงพวกคุณเป็นอย่างมาก คนที่พวกคุณรักนั้นกล้าหาญเป็นอย่างยิ่ง และพวกเขามีจิตวิญญาณที่งดงาม ที่พิเศษ ที่บอกว่า “โยนคำท้ามา และฉันจะรับมันอย่างยินดี” พวกเขามีความกระหายจะสำรวจจักรวาลและค้นพบความจริง พวกเขาปรารถนาที่จะรับใช้ และพวกเขาทำมันได้ พวกเขารับใช้พวกเราทุกคน
ในศตวรรษนี้ เราเติบโตและคุ้นชินกับสิ่งแปลกใหม่ และมันอาจทำให้เราหลงเคลิ้มไปกับมัน ในเวลา 25 ปีที่ผ่านมา โครงการอวกาศของสหรัฐ ฯ นั้นทำให้เราคุ้นชินกับการออกเดินทางไปสู่อวกาศ จนบางทีเราลืมไปว่าเราแค่เพิ่งเริ่มต้น เรายังเป็นเพียงผู้บุกเบิก พวกเขา ลูกเรือของกระสวยอวกาศชาเลนเจอร์ ก็เป็นผู้บุกเบิก
และข้าพเจ้าอยากกล่าวอะไรบางอย่างกับเด็กนักเรียนที่ได้รับชมถ่ายทอดสดการปล่อยกระสวยอวกาศเมื่อเช้านี้ ข้าพเจ้าทราบดีว่ามันยากที่จะเข้าใจ แต่บางครั้งเรื่องราวอันเจ็บปวดแบบนี้ก็เกิดขึ้น มันคือส่วนหนึ่งในความคืบหน้าของการออกสำรวจ มันคือส่วนหนึ่งของการใช้โอกาสและขยายขอบฟ้าความเข้าใจของมนุษยชาติ อนาคตไม่สมควรเป็นของผู้ใจเสาะ มันเหมาะสมกับผู้กล้าหาญ ลูกเรือของกระสวยอวกาศชาเลนเจอร์ดึงพวกเราไปสู่อนาคต และพวกเราจะยังคงตามรอยพวกเขาไป
ข้าพเจ้ามีความศรัทธาและเคารพในโครงการอวกาศของเราตลอดมา และสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ได้บ่อนทำลายมันลงเลย เราไม่ปิดบังเรื่องราวในโครงการอวกาศ เราไม่เก็บความลับและปกปิดความจริง เราทำทุกอย่าง ๆ เปิดเผยต่อหน้าสาธารณะ นั่นคือวิถีของอิสรภาพ และในเวลานี้เราจะยังไม่เปลี่ยนมัน
เราจะยังคงเสาะแสวงหาต่อไปในอวกาศ จะยังมีภารกิจกระสวยอวกาศอีกมากมาย ลูกเรืออีกมากมาย และใช่ อาสาสมัคร ประชาชน และคุณครูอีกมากมายที่จะออกเดินทางขึ้นไปในอวกาศ ไม่มีอะไรสิ้นสุดลงตรงนี้ ความหวังและการเดินทางของพวกเรายังคงอยู่ต่อไป
ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะกล่าวกับทุกคนที่ทำงานให้กับ NASA หรือผู้คนที่ทำงานอยู่กับภารกิจ และบอกกับพวกเขาว่า “ความมืออาชีะและการอุทิศตนให้กับงานของพวกคุณทำให้พวกเราประทับใจมาเป็นทศวรรษแล้ว พวกเราเข้าใจในความทุกข์ทรมานกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี และพวกเรารู้สึกแบบเดียวกับคุณ”
มีความบังเอิญว่าในวันนี้เมื่อ 390 ปีที่แล้ว Sir Francis Drake นักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่ ได้เสียชีวิตบนเรือนอกชายฝั่งปานามา ในช่วงชีวิตของเขา พรหมแดนอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์คือมหาสมุทร และนักประวัติศาสตร์กล่าวถึงเขาว่า “เขาใช้ชีวิตบนมหาสมุทร ตายบนนั้น และถูกฝังอยู่ในนั้น” ในวันนี้เราอาจกล่าวแบบเดียวกันกับลูกเรือของกระสวยอวกาศชาเลนเจอร์ได้ การอุทิศตนของพวกเขา เช่นเดียวกับที่ Drake เคยทำ ได้สำเร็จสมบูรณ์ลงแล้ว
ลูกเรือของกระสวยอวกาศชาเลนเจอร์ให้เกียรติกับพวกเราในวิธีที่พวกเขาใช้ชีวิต เราจะไม่มีวันลืมพวกเขา และช่วงเวลาที่เราเห็นเขาเป็นครั้งสุดท้าย ในเช้าวันนี้ ที่พวกเขาเตรียมตัวสำหรับการเดินทาง ก่อนจะโบกมืออำลา และ “หลุดจากพันธนาการต่าง ๆ ของโลก” เพื่อ “สัมผัสยันใบหน้าของพระผู้เป็นเจ้า”
แด่ทุกวีรชนนักสำรวจ ผู้รับรู้ถึงความเสี่ยงในการออกเดินทาง และก้าวเดินไปบนเส้นทางนั้นเพื่อพวกเราทุกคน
Ad astra per aspara – ไม่มีเส้นทางง่ายดาย อันนำทางไปสู่ดวงดาว
เรียบเรียงโดยทีมงาน Spaceth.co
อ้างอิง: