สรุปกรณี Curiosity พบโมเลกุลอินทรีย์สายยาวที่สุดที่เคยเจอบนดาวอังคาร สำคัญอย่างไร

ย้อนกลับไปในปี 2013 ยานสำรวจ Curiosity ของ NASA ได้เจาะหินโคลนโบราณก้อนหนึ่งในบริเวณที่ชื่อว่า “Yellowknife Bay” ซึ่งอยู่ในหลุมอุกกาบาต Gale Crater บนดาวอังคาร ตัวอย่างหินที่ได้จากตรงนั้นถูกตั้งชื่อว่า “Cumberland” และมันกลายเป็นหนึ่งในหินที่นักวิทยาศาสตร์ “เล่นซ้ำ” มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการสำรวจดาวเคราะห์ และเมื่อไม่นานมานี้ นักวิจัยจากฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกาได้ย้อนกลับมาวิเคราะห์เจ้า Cumberland อีกครั้งด้วยวิธีใหม่ ๆ ในห้องปฏิบัติการขนาดจิ๋วที่ฝังอยู่ในตัว Curiosity เองที่ชื่อว่า Sample Analysis at Mars หรือ SAM

ผลที่ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ นักวิจัยค้นพบโมเลกุลอินทรีย์สายยาวที่สุดที่เคยเจอบนดาวอังคาร ได้แก่ Decane (C10H22), Undecane (C11H24), และ Dodecane (C12H26) ซึ่งเป็นสารประกอบในกลุ่ม “อัลเคนสายยาว” ที่บนโลกเราพบได้ในไขมันและน้ำมัน

รูจากการเจาะตัวอย่าง Cumberland เพื่อศึกษาองค์ประกอบของดาวอังคาร ที่มา – NASA/JPL-Caltech

ก่อนหน้านี้ SAM เคยตรวจพบโมเลกุลอินทรีย์ขนาดเล็ก ๆ เช่น Benzene หรือ Thiophene ซึ่งก็น่าตื่นเต้นในตัวของมันอยู่แล้ว เราเคยเล่าไปใน Curiosity พบว่าหินใน Gale Crater มีปริมาณของอินทรีย์คาร์บอนสูงกว่าบางภูมิภาคบนโลก แต่ในงานวิจัยล่าสุดที่เพิ่งตีพิมพ์ในเดือนมีนาคม 2025 ที่มีชื่อว่า Long-chain alkanes preserved in a Martian mudstone ตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences (PNAS) ทีมนักวิจัยได้รายงานว่าอัลเคนสายยาวที่เพิ่งเจอนั้น มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็น “เศษชิ้นส่วน” ที่หลุดมาจากกรดไขมันสายยาว (Long-Chain Fatty Acids) ฟังดูแล้วเหมือนจะเฉย ๆ ใช่ไหม แต่ถ้าเราบอกว่า กรดไขมันเป็นส่วนหนึ่งของเยื่อหุ้มเซลล์ และถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของชีวิตทุกชนิดบนโลก

นั่นแปลว่า แม้เราจะยังไม่เจอ “สิ่งมีชีวิต” บนดาวอังคารโดยตรง แต่เจ้าโมเลกุลที่อยู่ใน Cumberland อาจเป็นหลักฐานทางเคมีว่า เคยมีปฏิกิริยาเคมีในระดับที่ใกล้เคียงกับ “ชีวิต” เกิดขึ้นที่นั่น หรืออย่างน้อย มันก็แสดงให้เห็นว่าดาวอังคารเคยมี “สภาพแวดล้อม” ที่เหมาะจะเกิดสิ่งมีชีวิตได้ อ่านบทความ มหาสมุทรที่เคยอยู่บนดาวอังคารหายไปไหน

เคมีก่อนสิ่งมีชีวิต การศึกษาต้นกำเนิดของชีวิต

Prebiotic Chemistry หรือ “เคมีก่อนสิ่งมีชีวิต” คือกระบวนการทางเคมีที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีสิ่งมีชีวิตจริง ๆ บนโลก หรือในที่อื่น ๆ อย่างดาวอังคาร ดาวเสาร์ ดวงจันทร์ของดาวพฤหัสฯ หรือแม้แต่ในอุกกาบาตที่ลอยไปลอยมาในอวกาศ คิดง่าย ๆ ว่า มันคือ “การเตรียมวัตถุดิบ” ของชีวิต เป็นช่วงที่โมเลกุลอินทรีย์เล็ก ๆ เริ่มรวมตัวกันเป็นสารที่ซับซ้อนขึ้น เช่น กรดอะมิโน (ส่วนประกอบของโปรตีน) กรดนิวคลีอิก (ส่วนประกอบของ DNA) และกรดไขมัน (ที่เป็นเยื่อหุ้มเซลล์)

แม้การค้นพบนี้จะน่าตื่นเต้น แต่นักวิจัยก็ระบุชัดว่า ยังไม่มีทางฟันธงได้ว่าโมเลกุลเหล่านี้เกิดจากสิ่งมีชีวิตจริง ๆ หรือไม่เพราะกรดไขมันสามารถเกิดขึ้นได้จากกระบวนการทางเคมีธรรมดา เช่น การปะทะกันของน้ำร้อนกับแร่ในปล่องไฮโดรเทอร์มอล หรือ Hydrothermal Vents ซึ่งเคยเกิดขึ้นในอดีตของดาวอังคารในยุคที่มีน้ำ หรือเกิดขึ้นในดาวที่มีทะเลอย่างโลก หรือบนดวงจันทร์ Europa Clipper

ทีมวิจัยเลยทำการทดลองในห้องแล็บบนโลก โดยจำลองสภาพแวดล้อมแบบดาวอังคาร เอา กรดไขมัน Undecanoic Acid ผสมกับดินเหนียว แล้วอบให้ร้อนแบบเดียวกับที่ SAM ทำบนดาวอังคาร โดยเครื่อง SAM ประกอบด้วย 3 ระบบหลัก เตาอบ หรือ Oven ใช้เผาตัวอย่างที่เก็บมาให้ระเหยหรือสลายสารอินทรีย์ออกมา ต่อด้วยการทำ Gas Chromatograph แยกสารต่าง ๆ ออกจากกัน และสุดท้ายใช้ Mass Spectrometer หรือ ตรวจวัดมวลและพฤติกรรมกับแสงของโมเลกุลเพื่อระบุชนิดของสารว่าคืออะไร

อุปกรณ์ SAM บนยาน Curiosity ช่องที่ใช้ใส่ Sample เข้าไป ที่มา – NASA/JPL-Caltech

ผลก็คือได้ Decane ออกมาจริง ๆ ซึ่งแปลว่าบนดาวอังคารก็อาจมีกรดไขมันเหล่านี้มาก่อน แล้วพอมันโดนความร้อนจาก SAM ก็เลยแตกตัวออกเป็นอัลเคนสายสั้น ๆ ที่ตรวจเจอได้

ที่น่าสนใจคือโดยปกติ กระบวนการที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตมักสร้างกรดไขมันสายสั้นไม่เกิน 12 คาร์บอน แต่ในกรณีนี้นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า โมเลกุลที่พบนั้นมีความยาวตั้งแต่ 10 ถึง 12 คาร์บอน ซึ่งแปลว่าอาจจะมีกรดไขมันสายยาวกว่านี้ด้วย แต่ SAM ยังตรวจไม่เจอเพราะความสามารถจำกัด

ทางเดียวคือนำหินกลับโลก

แม้ SAM จะเก่งแค่ไหนและถูกออกแบบมาให้เป็นห้องวิจัยเคลื่อนที่ได้บนดาวอังคาร แต่มันก็มีขีดจำกัด เพราะต้องทำงานในสภาพอากาศที่โหดร้ายที่สุดแห่งหนึ่งในระบบสุริยะ และอาศัยพลังงานจากเครื่องปฏิกรณ์เล็ก ๆ การจะยืนยันว่าโมเลกุลเหล่านี้มีต้นกำเนิดจากสิ่งมีชีวิตหรือไม่จึงยังเป็นเรื่องที่ ต้องรอการนำตัวอย่างหินจากดาวอังคารกลับมายังโลก ซึ่งเป็นเป้าหมายของโครงการ Mars Sample Return ที่กำลังดำเนินการร่วมกันระหว่าง NASA และ ESA NASA อัพเดท Mars Sample Return ศึกษาสองความเป็นไปได้ ไม่ใช้ JPL ก็ใช้เอกชน

Curiosity ขณะทำงานอยู่บนดาวอังคาร ที่มา – NASA/JPL-Caltech

และนั่นคือสิ่งที่ Caroline Freissinet นักวิจัยจาก CNRS ในฝรั่งเศสซึ่งเป็นหัวหน้าทีมวิจัยชุดนี้ กล่าวไว้ใน NASA’s Curiosity Rover Detects Largest Organic Molecules Found on Mars ว่า “งานวิจัยของเราพิสูจน์ว่าทุกวันนี้ เรายังสามารถตรวจพบร่องรอยของเคมีชีวิตจากตัวอย่างหินของดาวอังคารได้ ถ้าหากว่าชีวิตเคยเกิดขึ้นที่นั่นจริง ๆ”

หินก้อนเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Cumberland ซึ่งเคยเป็นเพียงจุดพักระหว่างทางของ Curiosity กลับกลายเป็นขุมทรัพย์ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์เคมีของดาวอังคารได้ลึกซึ้งกว่าที่เคยคาดคิด และแน่นอนว่าการค้นพบนี้จะนำไปสู่โจทย์วิจัยใหม่ ๆ ในอนาคตแน่นอน

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.