บทความได้รับการสนับสนุน
บทความนี้ผมพาทุกคนมาบุกที่ NASA Kennedy Space Center อีกครั้งแต่รอบนี้เรียกได้ว่าพิเศษมาก ๆ เพราะผมไม่ได้มาคนเดียวอีกต่อไป แต่เรามาในฐานะของ “ทีมชาติไทย” ที่ทางบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือที่เราคุ้นชินกันในชื่อ CP หรือ CPF นั้นพาพวกเรามาส่ง “ไก่ไทย” ในรูปแบบของอกไก่รสกะเพรา ซึ่งจะเป็นหนึ่งใน Payload ชิ้นสำคัญที่จะเดินทางขึ้นสู่อวกาศกับเที่ยวบิน Axiom Mission 4 เที่ยวบินเอกชนที่จะพาลูกเรือ 4 คนเดินทางสู่สถานีอวกาศนานาชาติ ซึ่งความพิเศษคือนี่จะเป็นครั้งแรกที่อาหารไทย จากแบรนด์ไทย จะได้เดินทางขึ้นสู่อวกาศเพื่อเป็นอาหารให้กับลูกเรือในภารกิจดังกล่าว โดยในบทความนี้ เราจะมาร่วมกันเดินทางมาส่ง “ไก่ไทย” ถึง ฐานปล่อย LC-39A ณ NASA Kennedy Space Center กัน
ก่อนหน้านี้เราได้รายงานไปในบทความเรื่อง ไก่ CP เตรียมเดินทางสู่อวกาศกับยาน SpaceX Dragon ภารกิจ Axiom-4 บอกเล่าถึงความสำคัญและที่มาที่ไปของภารกิจนี้กันไปแล้ว ดังนั้นในตอนนี้เราจะมาเริ่มต้นตั้งแต่การเดินทางมายังแหลมคะเนอเวอรัล ในฟลอริดา อันเป็นที่ตั้งของ NASA Kennedy Space Center ฐานปล่อยสำคัญของ SpaceX ที่เป็นผู้รับจ้างนำส่งลูกเรือทั้ง 4 รวมถึงการทดลองจำนวนหนึ่งขึ้นสู่สถานีอวกาศนานาชาติ

ในภารกิจครั้งนี้นั้น ทีมงานสเปซทีเอชนั่นก็คือตัวผมเอง “เติ้ล ณัฐนนท์ ดวงสูงเนิน” ได้ร่วมเดินทางในฐานะผู้ให้คำปรึกษาในฝั่งคอนเทนต์ ให้กับทีม CPF ที่เดินยกชุดมาทั้งทีมฝั่งสื่อสารและฝั่งผู้บริหาร รวมถึงมีทีมจาก BT Beartai สื่อออนไลน์ด้านเทคโนโลยีเจ้าใหญ่ของเมืองไทย พร้อมกับนักเล่าเรื่องอย่าง “หนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์” มาเป็นพิธีกรประจำทริป พร้อมกับทีมช่างภาพและโปรดิวเซอร์มากประสบการณ์ นำเอาเรื่องราวจากแหลมคะเนอเวอรัล กลับไปฝากผู้ชมทางบ้าน ซึ่งทุกคนสามารถรอรับชมกันได้ทาง BT Beartai
การเดินทางของไก่ไทยจากความฝันสู่ความจริง
ในระหว่างการเดินทางนี้เอง บนเที่ยวบินไปยังสหรัฐอเมริกา ผมยังได้นั่งชมภาพยนตร์เรื่อง Uranus2324 ซึ่งเป็นภาพยนต์อวกาศสัญชาติไทย ซึ่งทีมงานสเปซทีเอช ได้เข้าไปร่วมมีบทบาทในการปรับปรุงบทภาพยนตร์ และให้คำปรึกษาเชิงเทคนิคต่าง ๆ หากยังจำกันได้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ จะมีการพูดถึง “ไก่” ซึ่งเป็นอาหารให้กับลูกเรือในยานที่อยู่ในภารกิจสำรวจอวกาศระยะยาวบนสถานีอวกาศ Lunar Gateway

ในภาพยนตร์เราจะเห็นตัวละครหลัก รับประทานไก่ CP พร้อมกับให้ความรู้คนดูว่าอาหารอวกาศนั้นประกอบไปด้วย 2 แบบ แบบที่ต้องพึ่งพาทรัพยากรบนอวกาศ หรือ In-Situ Resource Utilization เช่น การปลูกพืชหรือการเลี้ยงเนื้อเยื่ออย่าง Lab Grown Meat และอีกแบบคือการพึ่งพาทรัพยากรจากบนโลก ซึ่งไก่ CP นั้นเป็นทางเลือกในฝั่งการพึ่งพาทรัพยากรจากบนโลก เนื่องจากสามารถเก็บได้ในระยะเวลานานและมีความปลอดภัยสูง
การที่ได้เห็นว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ตอนนั้นเวลาผ่านมาแค่ 1 ปี ไก่ไทย กำลังจะได้กลายเป็นอาหารของนักบินอวกาศในภารกิจการเดินทางไปยังสถานีอวกาศนานาชาติจริง ๆ ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เพราะนี่อาจจะเป็นหมุดหมายสำคัญของอุตสาหกรรมอาหารไทย ที่วันหนึ่งอาจจะได้กลายเป็น “แหล่งทรัพยากรบนโลกที่ถูกพึ่งพาสำหรับภารกิจการสำรวจอวกาศในระยะยาว” ก็ได้
เดินทางถึงสหรัฐฯ อุ่นเครื่องด้วยการชมการปล่อยจรวด
วันที่ 6 มิถุนายน 2025 เมื่อทีมงานทั้ง 4 ได้แก่ ผม, พี่หนุ่ย พงศ์สุข และพี่ ๆ ทีมงานเบื้องหลังอย่าง พี่เอ๊ะ ฉัตรชัย พึ่งทองคำ โปรดิวเซอร์ และพี่ซัน วีรพล มานะกล้า ช่างภาพ เดินทางมาถึงดินแดนที่เรียกว่า “Space Coast” หรือชายฝั่งสู่ห้วงอวกาศ เราก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยบรรยากาศของการปล่อยจรวด เราทั้งสี่เดินทางไปลงทะเบียนกับ NASA Kennedy Space Center Badging Station ทันที ก่อนที่จะเดินทางไปยังบริเวณลงทะเบียนสื่อของบริษัท Axiom Space เพื่อรับบัตรสื่อ สำหรับการตามติดภารกิจในครั้งนี้
และช่วงเวลานี้เองที่ทำให้เราได้พบกับเพื่อนร่วมทริปอีกหนึ่งคนที่ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่ก็คือ กร กรทอง วิริยะเศวตกุล ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตบรรณาธิการบริหารสเปซทีเอช ที่เดินทางมาในเที่ยวบินเดียวกันนี้ ทำให้ทริปนี้เรียกได้ว่าเป็นการรวมตัวกันของ “นักทำคอนเทนต์อวกาศบนโลกออนไลน์รุ่นบุกเบิก” ก็ว่าได้ ซึ่งก็ต้องยินดีกับ กรมาก ๆ ที่ถึงตอนนี้กลายเป็นนักสร้างคอนเทนต์ที่มีผลงานบนสื่อหลายหัวไม่ว่าจะเป็น The Standard หรือบนช่องส่วนตัว โดยในทริปนี้ก็คือการเดินทางมาเยือนแหลมคะเนอเวอรัลครั้งแรกของกรด้วยเช่นกัน

สำหรับมื่อเที่ยงวันนี้เราไปรับประทานอาหารกันที่ร้าน Fishlips ซึ่งเป็นร้านโปรดของผมที่ท่าเรือคะเนอเวอรัล ความพิเศษก็คือนอกหน้าต่างร้าน คือภาพของฐานปฏิบัติการทางทะเลของ SpaceX ที่ใช้ในการเก็บกู้จรวด Falcon 9 ซึ่งก็ถือว่าโชคดีมาก ๆ ที่วันนี้ มีจรวด Falcon 9 ถึงสองลำอยู่ระหว่างการนำขึ้นจากเรือโดรน Just Read the Instruction ที่เพิ่งกลับมาจากการทำภารกิจไม่กี่วันก่อนหน้า

ในวันนี้นั้นพี่หนุ่ย พงศ์สุข ยังใจป๋า พาพวกเราทั้ง 5 คนขึ้นเฮลิคอปเตอร์บนชมบรรยากาศแหลมคะเนอเวอรัล ซึ่งนอกจากการเป็นฐานปฏิบัติการที่สำคัญของวงการอวกาศแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมเรือสำราญนานชาติรวมถึง Disney Cruise Line อันโด่งดัง ซึ่งจังหวะที่เราบินชมบรรยากาศยามบ่ายของแหลมนั้นก็ตรงกับช่วงที่เรือสำราญหลายลำกำลังออกจากท่าพอดี

และแน่นอนว่าความพิเศษของวันแรกที่เป็นการอุ่นเครื่อง พร้อมรับบรรยากาศความเป็นอวกาศจัดเต็มกับหลายวันที่จะถึงนี้ ก็คือการได้ชมการปล่อยจรวด ซึ่งในวันนี้ SpaceX มีกำหนดปล่อยดาวเทียมวิทยุให้กับบริษัท SiriusXM ผู้ให้บริการวิทยุผ่านดาวเทียมเจ้าใหญ่ในสหรัฐฯ ในภารกิจ SXM-10 ด้วยจรวด Falcon 9 ทำให้ในช่วงดึกของวันนี้ เรามาดักรอชมการปล่อยในบริเวณริมน้ำของเมือง Titusville ซึ่งอยู่ห่างจากฐานปล่อยที่ใช้สำหรับภารกิจในวันนี้มากกว่า 15 กิโลเมตร แต่เนื่องจากปรากฎการณ์ทางแสงที่น่าตื่นเต้นของการปล่อยในยามค่ำคืน ทำให้นี่เป็นการต้อนรับพวกเราสู่ Space Coast อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

ในการเดินทางมายังแหลมคะเนอเวอรัล ในช่วงหลัง ๆ นี้บอกได้เลยว่าหากมีเวลา 2-3 วันในการอยู่ที่นี่ เราก็มีโอกาสสูงมาก ๆ ที่จะได้รับชมการปล่อยจรวดซึ่งยุคปัจจุบันเกิดขึ้นบ่อยเนื่องจากการมาของเทคโนโลยีจรวดที่นำกลับมาใช้ใหม่จากจรวด Falcon 9 ของ SpaceX และการเดินหน้าส่งดาวเทียม Starlink ในแบบรายสัปดาห์นั่นเอง
พาบุก NASA Kennedy Space Center พร้อมเซอร์ไพรส์สุดพิเศษ
ในวันที่ 8 มิถุนายน เป็นวันที่ผมและทีมงาน Beartai ได้เจอกับบรรดาชาวไทยที่ทาง CPF เชิญชวนมาร่วมส่งไก่ไทยไปอวกาศ ณ แหลมคะเนอเวอรัลแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น มิ้นท์ มณฑล กสานติกุล (I Roam Alone), ดาร์ท ธนทร ศิริรักษ์ (Yes iam Dart) นพ. ธนีย์ ธนียวัน หรือหมอแทน (Doctor Tany) และพี่น้องสายคอนเทนต์อีกหลายเจ้า เรียกได้ว่าพร้อมกันเอาเนื้อหาอวกาศจากแถวหน้ามาส่งตรงไปถึงทุกคนให้ได้ชมกันตามสไตล์การเล่าเรื่องของแต่ละคนเลยทีเดียว
ในวันนี้ทาง CPF ได้จัดทริปให้พวกเราไปเยี่ยมชม NASA Kennedy Space Center Visitor Complex ที่เปรียบได้กับเป็น Disney Word สำหรับคนชอบอวกาศก็ว่าได้ แต่ความพิเศษไม่ได้อยู่แค่การพาไปเที่ยว แต่เป็นผู้ร่วมทริปสุดพิเศษอย่าง คุณประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ผู้เป็น ประธานคณะผู้บริหาร หรือ CEO แห่งบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร CPF มาต้อนรับทุกคนอย่างอบอุ่น และไม่ใช่แค่นั้น ยังมีนักบินอวกาศ Mike Massimino อดีตนักบินอวกาศ NASA ผู้เดินทางขึ้นไปซ่อมกล้องโทรทรรศน์อวกาศ Hubble ในภารกิจ STS-125 อยู่กับพวกเราตลอดทั้งทริป

เราทุกคนได้ใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยและแลกเปลี่ยนความรู้ ในมุมที่แต่ละคนเชี่ยวชาญ ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากที่บริษัทอาหารชั้นนำของประเทศ นักบินอวกาศ สื่อออนไลน์ระดับแถวหน้าจะได้มาเจอกัน ถ้าไม่ใช่เพราะทุกคนต้องมาร่วมกันส่ง “ไก่ไทยไปอวกาศ” ภาพพวกนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

หลังจากพูดคุยกันแล้ว ในช่วงเช้า แต่ละคนก็ต่างแยกย้ายกันเดินชม NASA Kennedy Space Center Visitor Complex ซึ่งถ้าหากใครที่อยากรู้ว่าด้านในมีอะไรบ้างก็สามารถอ่านบทความที่เราเคยพาชมได้ใน พาเที่ยว NASA Kennedy Space Center แต่ที่เรียกได้ว่าพิเศษและเป็นเซอไพรส์ของวันนี้ก็คือทางทีม CPF ได้ประสานงานกับ Visitor Center เพื่อจัด Private Tour ให้กับพวกเราขณะชาวไทย ได้เข้าไปในรั้วหลัง NASA ซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้ามพิเศษ ในแบบเป็นส่วนตัวสุด ๆ โดยไม่ต้องนั่งกับใครเลย ทั้งคันมีแค่พวกเราเท่านั้น

ซึ่งในการนั่งรถ Private Tour นี้ก็ทำให้เราได้เข้าใกล้กับฐานปล่อย LC-39A ที่จะถูกใช้สำหรับการปล่อยจรวด Falcon 9 พาเอายานอวกาศ Dragon ที่ด้านในมี “ไก่ไทย” เดินทางสู่อวกาศ นับว่าเป็นการเข้าใกล้กับฐานปล่อยมากที่สุดที่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถเข้าถึงได้ ทำให้ทุก ๆ คนในการทัวร์นั้นตื่นเต้นกันอย่างมาก
และที่เรียกได้ว่าพิเศษสุด ๆ ก็คือทุกคนมาหยุดอยู่ตรงหน้าอาคาร Vehicle Assembly Building อาคารประกอบจรวดขนาดยักษ์ที่ NASA ใช้ในการประกอบจรวด Saturn V ที่พามนุษย์เดินทางไปยังดวงจันทร์ในยุค Apollo ตลอดมาจนถึงยุคกระสวยอวกาศ และในตอนนี้ด้านในอาคารกำลังมีจรวด Space Launch System หรือ SLS เตรียมพร้อมสำหรับภารกิจ Artemis II อยู่ด้านใน ซึ่งในช่วงต้นปี 2025 เราได้พาทุกคนไปเยี่ยมชมแล้วในบทความ NASA พาทีมงานสเปซทีเอช ชมการประกอบจรวด SLS ในอาคาร VAB

และพื้นที่ตรงนี้เองที่เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ว่าทุกคนมาถึง NASA Kennedy Space Center เป็นที่เรียบร้อย กับภารกิจการพา “ไก่ไทย” มาส่งเพื่อเดินทางสู่อวกาศกับภารกิจ Axiom Mission 4 นี้ เราได้เห็นบรรดาผู้บริหาร ทีมงานและบรรดาสื่อต่าง ๆ พร้อมใจกันถ่ายภาพเพื่อร่วมเฉลิมฉลองให้กับโอกาสพิเศษในครั้งนี้

คุณประสิทธิ์ ในฐานะผู้มีวิศัยทัศน์และสนับสนุนโครงการที่ “กล้า” ที่จะทำนี้ กล่าวขอบคุณทุกคนที่มาร่วมกันส่งไก่ไทยไปอวกาศกับภาพประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นวันนี้ ซึ่งเราก็พูดได้เต็มปากกว่าภารกิจนี้นั้นไม่ใช่ว่าแค่มีเงินแล้วจะทำได้ แต่การทำงานอวกาศจำเป็นต้องผ่านความยากลำบากมาก ๆ ในการทำตัวเองให้ผ่านมาตรฐานต่าง ๆ อย่างเราทำ Payload กันมาหลายชิ้นก็น่าจะรู้ว่าแต่ละชิ้นกว่าจะขึ้นไปบนอวกาศได้นั้นยากแค่ไหน และยิ่งเป็นเรื่องของอาหารที่ไม่ใช่แค่นักบินอวกาศจะต้องมา “สัมผัส” แต่ต้อง “รับประทานจริง ๆ” กว่าจะมาถึงวันนี้นั้นไม่ง่ายเลย

และผมเองก็ไม่แพ้กันได้ใช้โอกาสนี้ในการถ่ายภาพกับ “ไก่ CP” ที่มาในรูปแบบของซองแบบเดียวกับกับที่เดินทางขึ้นไปบนอวกาศกับภารกิจ Axiom Mission 4 ด้วย โดย ณ ตอนนี้ซองไก่ของจริงที่จะเดินทางขึ้นไป ก็ได้ถูกบรรจุอยู่ในยาน Dragon ณ ฐานปล่อย LC-39A ที่เราผ่านกันมาเมื่อซักครู่นี้เรียบร้อยแล้ว

ไม่ใช่แค่ตัวผมเอง แต่สัมผัสได้เลยว่าทุกคนที่ร่วมทริปกันมาในครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่การมาทำข่าวหรือมาทำคอนเทนต์ แต่มาร่วมเก็บเกี่ยวประสบการณ์และความตื่นเต้นกลับไปบอกเล่า เพราะว่าอวกาศนั้นจริง ๆ แล้วก็คือความฝันของใครหลายคน และอวกาศเป็นเรื่องที่ยาก แม้กระทั้งการมาอยู่ ณ พื้นที่ตรงนี้ หน้าอาคาร Vehicle Assembly Building ถ้าใครที่ติดตามพวกเรามาก็น่าจะรู้ว่าคือความฝันของพวกเรามาโดยตลอด กว่าสเปซทีเอชจะฝ่าฝันจนมาเก็บคอนเทนต์ไปฝากทุกคนได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่นี้คือ CPF ไม่ได้แค่ส่งของไปอวกาศได้ แต่เล่นใหญ่และทำถึงพาเอาทุกคนมายืนตรงนี้ได้ เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ

ตัวผมเองได้มีโอกาสพูดคุยต่อกับทีมงานอย่างพี่ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ถึงที่มาที่ไปของโครงการนี้ ทุกคนเล่าให้ฟังว่าจริง ๆ แล้วที่มาที่ไปของโครงการไม่ซับซ้อน เนื่องจาก CPF นั้นผ่านมาตรฐานความปลอดภัยของเนื้อไก่มาแล้วหลากหลายมาตรฐานทั่วโลก จึงเกิดโจทย์ที่ว่าถ้าบนโลกผ่านหมดแล้ว “เราจะไปอวกาศบ้าง” จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในครั้งนี้ และ CPF ก็ทำถึงจริง ๆ ด้วยการส่งไก่ไทยไปอวกาศได้จริง ๆ

เรียกได้ว่าหลังจากเต็มอิ่มกับบรรยากาศการฉลองความสำเร็จด้านหน้าอาคาร Vehicle Assembly Building กันแล้ว ทุกคนก็ได้รับทั้งแรงบันดาลใจและความรู้กับการทำงานอวกาศ ว่าการทำงานอวกาศนั้นไม่ได้ง่าย ในตอนเย็นของวันนั้นทาง CPF ยังได้จัดงานเลี้ยงฉลอง และให้พวกเราทุกคนได้กล่าวความในใจและแชร์มุมมองต่อภารกิจในครั้งนี้ เป็นค่ำคืนที่แปลกใหม่ ซึ่งบอกได้เลยว่าจากประสบการณ์การทำข่าวอวกาศใน NASA มามากกว่าหนึ่งปี การมาที่แหลมคะเนอเวอรับลรอบนี้เป็นประสบการณ์ที่ผมจะไม่ลืมเลยจริง ๆ
เก็บคอนเทนต์คุยกับทีมนักวิทยาศาสตร์จาก Axiom Space
วันต่อมา นอกจากการเยี่ยมชม NASA Kennedy Space Center แล้ว ทาง CPF ยังได้จัดการสัมภาษณ์พิเศษให้พวกเราได้มีโอกาสพูดคุยกับหัวหน้าทีมวิทยาศาสตร์ของบริษัท Axiom Space อย่าง Lucie Low ผู้เป็น Chief Scientist ถึงความสำคัญของการทดลองต่าง ๆ ที่ Axiom Space ให้ความสนใจ รวมถึงโครงการ “ไก่ไทยไปอวกาศ” ที่เรามาร่วมเป็นสักขีพยานในวันนี้ด้วย โดยเราเดินทางมายังโรงแรม Hilton Cocoa Beach Oceanfront ซึ่งเป็นสถานที่รับรองแขก VIP ต่าง ๆ สำหรับภารกิจนี้

การคุยกันในวันนี้ พี่หนุ่ย พงศ์สุข ยังคงรับหน้าที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักสอบถามเก็บเอาข้อมูลและความรู้จากบริษัทอวกาศระดับโลกอย่าง Axiom Space มาฝากพวกเรา โดยประเด็นคำถามที่พี่หนุ่ย ถามกับคุณ Low นั้นก็ได้แก่เรื่องความสำคัญของงานวิจัยด้านอาหารอวกาศ โดยเฉพาะเมื่อโลกกำลังเข้าสู่การสำรวจอวกาศโดยเอกชน แนวทางการเลือกอาหาร และจัดสรรอาหารให้เหมาะสมกับภารกิจนั้นมีปัจจัยอะไรที่ต้องให้ความสำคัญบ้าง ซึ่งคำตอบก็ไม่อยากสปอย แต่สามารถรอชมในคอนเทนต์ชุดพิเศษที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ได้เลย

สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้นั้นก็เป็นบทพิสูจน์ว่าสิ่งที่ CPF ทำไม่ได้เป็นแค่การส่งของไปอวกาศอย่างเดียว แต่เป็นการทำให้เกิดการแชร์ความรู้ระหว่างหน่วยงานอวกาศระดับโลกกับคนไทย ซึ่งการได้เข้ามาร่วมติดตามภารกิจนี้ก็ถือว่าให้ความรู้เรามากพอสมควรเลยทีเดียว เป็นอีกหนึ่งวันที่ได้รับสาระความรู้ไปเต็ม ๆ
จริง ๆ แล้วทริปนี้ เรามีโอกาสที่จะได้ชมบรรยากาศการบินขึ้นของจรวด Falcon 9 ที่จะพาไก่ไทยเดินทางสู่อวกาศ อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้หลายคนน่าจะรู้กันแล้วว่า Axiom Space ตัดสินใจเลื่อนการปล่อยภารกิจ Axiom Mission 4 ออกไป เนื่องจากปัญหาสภาพอากาศและความพร้อมของตัวจรวด Falcon 9 ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ “ต้องเข้าใจ” เนื่องจากมาตรฐานการบินอวกาศนั้นเป็นสิ่งที่เข้มงวดมาก ๆ และความปลอดภัยถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดอันดับหนึ่ง แต่ก่อนที่จะเลื่อนการปล่อยนั้น ตอนที่กำหนดการณ์ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เราก็ได้เข้าไปยังฐานปล่อยเพื่อเตรียมตั้งกล้องบันทึกการบินขึ้น แม้การปล่อยจะยังไม่เกิดขึ้นก็ตาม
บุกฐานปล่อย LC-39A อีกครั้ง ชมจรวด Falcon 9 และยาน Dragon ระยะใกล้
วันต่อมาซึ่งเป็นหนึ่งวันก่อนที่เราจะพบว่า SpaceX ตัดสินใจเลื่อนการปล่อยภารกิจ Axiom-4 ออกไปเนื่องจากพบปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวจรวด Falcon 9 นั้น เราได้เดินทางเข้าไปยัง NASA Kennedy Space Center ในโซนที่เป็นเขตหวงข้ามเฉพาะ ร่วมกับสื่ออีกหลาย ๆ เจ้าในสหรัฐฯ และสื่อจากนานาชาติที่มาร่วมรอชมการปล่อย โดยเฉพาะโปแลนด์และฮังการี ที่สองชาติมีนักบินอวกาศร่วมบินในภารกิจนี้ด้วย
ภาพที่เราเห็นด้านล่างนี้ถ่ายจากบริเวณ Press Site ซึ่งเป็นลานที่ถ้าใครที่ติดตามรายงานบรรยากาศการปล่อยจากเราก็จะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นบริเวณที่เวลามีการปล่อยเราก็จะมายืนชมการปล่อยกันตรงนี้ เป้าหมายของเราในวันนี้จริง ๆ แล้วคือการเข้าไปตั้งกล้อง Remote Camera หรือการถ่ายภาพจรวดที่ฐานโดยใช้อุปกรณ์แบบพิเศษที่จะจับเสียงของตัวจรวดและสั่งถ่ายภาพอัตโนมัติ ซึ่งเราเคยแชร์ประสบการไปในบทความ ช่างภาพบันทึกภาพจรวดขณะบินขึ้นระยะใกล้ได้อย่างไร สอนการทำ Remote Camera

ทีมงาน Axiom Space พาเรานั่งรถเข้าไปยังฐานปล่อย LC-39A ซึ่งจะเป็นจุดที่เปิดโอกาสให้เราได้ตั้งกล้อง และถ่ายภาพจรวดจากระยะใกล้ ซึ่งเราก็จะได้นั่งรถผ่านบริเวณอาคารประกอบจรวดแนวนอนของ SpaceX ที่ฐานปล่อยซึ่งเป็นฐานปล่อยประวัติศาสตร์ของ NASA ก่อนที่ SpaceX จะเข้ามาเช่าใช้พื้นที่นี้เป็นฐานปฏิบัติการของตัวเอง เราจะเห็นหอด้านซ้าย เราเรียกหอนี้ว่า Crew Access Tower เป็นหอที่นักบินอวกาศจะขึ้นลิฟท์และเดินข้าม Crew Access Arm เข้าไปในยาน Dragon ในภาพตัวจรวด Falcon 9 จะถูกบังอยู่โดยโครงสร้างที่เรียกว่า Strongback ซึ่งเป็นโครงที่ใช้ยก Falcon 9 ขึ้นตั้งบนฐานปล่อย

หลังจากที่นั่งรถผ่านบริเวณฐานปล่อยแล้ว เราก็มาหยุดบริเวณที่ห่างจากฐานปล่อยประมาณ 800 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่เป็นสนามหญ้าที่เราจะตั้งกล้องกัน บริเวณนี้เราจะเห็นจรวด Falcon 9 และยาน Dragon ได้อย่างชัดเจน โดยปกติแล้วในกระบวนการปล่อยนั้น SpaceX จะเริ่มเคลียร์คนออกจากฐานปล่อยในระหว่างที่จรวด Falcon 9 กำลังเติมเชื้อเพลิง ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาประมาณ 45 นาทีก่อนการปล่อย ซึ่ง ณ ตอนนั้นลูกเรือทั้ง 4 จะขึ้นไปบนยาน Dragon เรียบร้อยแล้ว

จากภาพเราจะเห็นว่าจรวด Falcon 9 ลำนี้มีร่องรอยการผ่านการใช้งานมาแล้ว โดยจรวดลำนี้คือ Falcon 9 หมายเลข B1094 ซึ่งจริง ๆ ก็นับว่าเป็นการนำกลับมาใช้งานใหม่เป็นครั้งที่สองจากภารกิจครั้งแรกที่ถูกใช้งานก็คือการปล่อยดาวเทียม Starlink ในวันที่ 29 เมษายน 2025 ที่ผ่านมา

ในบรรยากาศการตั้งกล้อง Remote เราจะพบว่าท้องฟ้าวันนี้ค่อนข้างครึ้่มฟ้าครึ้มฝน และมีฝนตกบ้างในบางช่วงเวลา อย่างไรก็ตามปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การปล่อยถูกเลื่อนหรือไม่ถูกเลื่อนไม่ใช่ฝนแต่เป็นลม เนื่องจรวดจะไม่สามารถบินขึ้นได้หากความเร็วลมเกินกว่าที่กำหนดเพราะส่งผลต่อทิศทางการบินของจรวดนั่นเอง

เราเปลี่ยนจุดตั้งกล้องมายังอีกบริเวณนึงที่เป็นบริเวณพุ่มไม้ใกล้กับด้านข้างฐานปล่อย LC-39A ตรงนี้เป็นอีกหนึ่งจุดที่ช่างภาพสายถ่ายจรวดจะให้ความสนใจ เนื่องจากภาพที่ออกมาจะเป็นตัวจรวดบินขึ้นโผล่พ้นจากยอดไม้ รวมถึงเห็นรายละเอียดของตัว Crew Access Arm และ Crew Access Tower อย่างชัดเจน ในภาพด้านบนเราจะเห็นว่าช่างภาพในสหรัฐฯ จะนิยมใช้กล่องขนาดใหญ่คลุมกล้องเอาไว้เพื่อป้องกันฝนและฝุ่นต่าง ๆ

ซึ่งมุมนี้เราเองก็จะเห็นรายละเอียดของ Crew Access Arm ที่นักบินอวกาศทั้ง 4 จะต้องเดินขณะที่ไปขึ้นยาน ในภาพด้านบนหากสังเกตดี ๆ เราจะเห็นว่าด้านบนหอ Crew Access Tower จะมีคนยืนอยู่ด้วย ส่วนสายสลิงที่พาดยาวจำนวน 7 เส้นนั้นเป็นระบบการหนีฉุกเฉินหรือ Egress ในกรณีที่ลูกเรือและเจ้าหน้าที่ชุดสุดท้ายที่เข้าไปช่วยเหลือลูกเรือเข้ายานต้องอพยกฉุกเฉิน เช่น เกิดเหตุไฟไหม้หรืออันตรายอื่น ๆ หากสนใจประเด็นนี้สามารถอ่านต่อได้ใน Emergency Egress แผนการอพยพออกจากฐานปล่อยหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
หลังจากตั้งกล้องเรียบร้อยเจ้าหน้าที่ก็พาเราออกมาจากบริเวณหวงห้าม น่าเสียดายที่อย่างที่บอกไป กล้อง Remote Camera ของเราในรอบนี้ ไม่สามารถบันทึกภาพอะไรได้นอกจากจรวดตั้งอยู่บนฐานปล่อยนิ่ง ๆ เพราะการปล่อยถูกเลื่อนออกไป ช่วงบ่ายวันถัดมาเจ้าหน้าที่และทีมงาน Axiom Space ก็พาเราเข้าไปนำกล้องออกจากฐานปล่อยในที่สุด
ภารกิจการปล่อยยังคงดำเนินต่อไป เพราะอวกาศเป็นเรื่องยาก
นี่คือเรื่องราวของทริปหนึ่งสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยความรู้ใหม่ ๆ บรรยากาศใหม่ ๆ และการทำลายขีดจำกัดของความเป็นไปได้ทั้งในมุมของงานอวกาศ และการทำคอนเทนต์อวกาศ ณ ตอนนี้ Axiom Space ประกาศเวลาปล่อยใหม่ของภารกิจ Axiom Mission 4 เป็นวันที่ 25 มิถุนายน 2025 ซึ่งก็ขอให้ภารกิจในวันดังกล่าวเป็นไปได้ด้วยดี และลูกเรือทั้ง 4 เดินทางสู่สถานีอวกาศนานาชาติอย่างปลอดภัย

แม้ในรอบนี้เราจะได้ร่วมเป็นสักขีพยานการปล่อย ณ แหลมคะเนอเวอรัล แต่สเปซทีเอช ยังคงทำหน้าที่บรรยายสดการปล่อยเหมือนเช่นเคยร่วมกับทาง BT Beartai เพราะไม่ว่าจะยังไง สุดท้ายแล้วความปลอดภัยของการบินคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในวงการอวกาศ เราอาจจะเห็นในแคมเปญ “ไก่ไทยไปอวกาศ” พูดถึงแต่เรื่องความปลอดภัยว่าทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอวกาศต้องปลอดภัยที่สุด การที่เราได้เห็นกับตาว่าการเลื่อนการปล่อยจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อหากเจอข้อกังวลที่เล็กที่สุด เป็นสิ่งที่สะท้อนว่างานอวกาศนั้นยากแค่ไหน
แต่ความยากที่ว่านั้นคือสิ่งที่จะช่วยทลายข้อจำกัดหลาย ๆ อย่างของเรา อย่างในทริปนี้ ใครจะคิดว่าการพาเอาสื่อไทยมากกว่า 10 ชีวิต บุกมายังฐานปล่อย ณ NASA Kennedy Space Center จะเกิดขึ้นใน ขนาดยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องความยากของการทำ Payload และมาตรฐานที่ต้องฝ่าฟันเพื่อทำให้ “ไก่ไทย” ได้กลายมาเป็นอาหารของลูกเรือภารกิจ Axiom Mission 4 จริง ๆ นี่คือสิ่งที่บอกว่าการเดินทางรอบนี้คุ้มค่าแค่ไหน
เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co