รู้จัก Tranche-1 โครงการทดสอบดาวเทียมเฝ้าระวังของกองทัพอวกาศสหรัฐ

10 กันยายน 2025 ที่ผ่านมา SpaceX ปล่อยจรวด Falcon 9 จากฐานปล่อย SLC-4E ณ Vandenberg Space Force Base รัฐแคลิฟอร์เนีย ขึ้นสู่วงโคจรพร้อมกับดาวเทียม 21 ดวงแรกของชุด Tranche-1 ภายใต้โครงการ Proliferated Warfighter Space Architecture หรือ PWSA ของหน่วยงาน Space Development Agency หรือ SDA ความสำเร็จครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเพิ่มจำนวนดาวเทียมใหม่ในวงโคจร แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเครือข่ายสื่อสารทางทหารแบบใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมการป้องกันประเทศของสหรัฐฯ

นี่เป็นการบินครั้งที่หกของ Falcon 9 ลำนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ปล่อยภารกิจ Starlink มาแล้วห้าครั้ง หลังการแยกตัวกับจรวดท่อนที่สอง จรวด Falcon 9 ลำนี้ก็ได้ลงจอดบนเรือโดรน Of Course I Still Love You ซึ่งรออยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนดาวเทียมทั้ง 21 ดวงเดินทางถึงวงโคจรอย่างปลอดภัย Space Development Agency Completes Successful Launch of First Tranche 1 Satellites

จรวด Falcon 9 บินขึ้นจาก Vandenberg Space Force Base เพื่อนำส่งดาวเทียม Tranche-1 ที่มา – SpaceX

ดาวเทียม Tranche-1 ถูกออกแบบให้เป็นรากฐานของเครือข่ายสื่อสารยุคใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อทำงานในสนามรบโดยตรง ภารกิจหลักคือส่งข้อมูลความหน่วงต่ำ Low Latency ระหว่างหน่วยรบที่อยู่ห่างไกล  ไปจนถึงการติดตามขีปนาวุธขั้นสูงและอาวุธความเร็วเหนือเสียง Hypersonics จากวงโคจรต่ำ Low Earth Orbit ดาวเทียมถูกติดตั้งทั้งระบบสื่อสารแบบ Optical Communications และ Ka-band ทำให้เครือข่ายนี้เชื่อมโยงกันด้วยแสงเลเซอร์โดยตรง สร้างเป็น Optical Mesh Network ที่ทนทานต่อการโจมตีด้านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและมีเสถียรภาพสูง

Tranche-1 นั้นพัฒนาโดย York Space Systems บริษัทสัญชาติอเมริกันที่เติบโตจากสตาร์ทอัพสาย Commercial Satellite สู่ผู้เล่นหลักของกองทัพอวกาศ ดาวเทียมของ York ถูกออกแบบบนแพลตฟอร์มมาตรฐาน S-Class ซึ่งเน้นการผลิตจำนวนมาก ต้นทุนต่ำ แต่ปรับแต่ง Payload ได้ตามภารกิจ การที่ SDA เลือก York ให้เป็นผู้พัฒนาดาวเทียม Transport Layer หลัก จึงสะท้อนทิศทางใหม่ของสหรัฐที่หันมาใช้เทคโนโลยีเชิงพาณิชย์เป็น “กระดูกสันหลัง” ของยุทธศาสตร์ด้านอวกาศ แทนการพึ่งพาแต่ Prime Contractors รายใหญ่แบบเดิม

Tranche-1 ทั้ง 21 ดวงถูกติดต้ังลงบน Adapter สำหรับการปล่อย ก่อนนำไปติดตั้งบน Payload Fairing ของ Falcon 9 ที่มา – York Space Systems

Space Development Agency ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 โดยมีเป้าหมายผลักดัน “Disruptive Space Technology” หรือเทคโนโลยีอวกาศที่พลิกเกม โดย SDA อยู่ภายใต้การกำกับของ Space Force ตั้งแต่ปี 2022 และทำหน้าที่เป็นหน่วยงานตรงที่รายงานต่อ Space Force โดยตรง จุดเด่นของ SDA คือแนวคิดการพัฒนาแบบ Spiral Development คือทำเป็นรอบสั้น ๆ ทุกสองปี เรียนรู้จากรอบก่อน แล้วส่งดาวเทียมรุ่นใหม่ขึ้นไปทดแทนอย่างต่อเนื่อง ต่างจากระบบดาวเทียมราคาแพงที่ใช้เวลาพัฒนานานหลายสิบปี

Tranche-1 จะประกอบด้วยดาวเทียมปฏิบัติการ 154 ดวง แบ่งเป็น

  • 126 ดวง ใน Transport Layer สำหรับส่งข้อมูล Tactical
  • 28 ดวง ใน Tracking Layer สำหรับตรวจจับและติดตามขีปนาวุธ
  • 4 ดวง สำหรับการทดลองด้าน Missile defense

ดาวเทียมทั้งหมดจะถูกควบคุมจากศูนย์ปฏิบัติการ 2 แห่งที่ North Dakota และ Alabama และเชื่อมกับ Ground Entry Points ทั่วโลก เครือข่ายนี้ออกแบบมาเพื่อให้ “ข้อมูลถึงแนวหน้า” ได้เร็วกว่าเดิม ทั้งในบก ทะเล และอากาศ หลังการปล่อยชุดแรก 21 ดวงเมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา SDA มีแผนเดินหน้าปล่อยดาวเทียมต่อทุกเดือนเป็นเวลาราว 9 เดือน เพื่อให้ครบทั้ง Constellation ภายในปี 2026 เป้าหมายใหญ่ของ SDA คือสร้างเครือข่ายดาวเทียม LEO มากกว่า 1,000 ดวง ภายในปีนั้น ซึ่งจะรวมถึง Tranche 2 และรุ่นถัดไปที่จะเสริมขีดความสามารถด้านการสื่อสาร การเตือนภัย และการควบคุมการรบข้ามมิติหรือ JADC2

สิ่งที่น่าสนใจคือ SDA กำลังพลิกปรัชญา “ดาวเทียมทหารราคาแพงไม่กี่ดวง” ไปสู่ “ดาวเทียมเล็กจำนวนมากราคาถูก” แบบเดียวกับที่ Starlink พิสูจน์มาแล้ว ข้อดีคือ ความยืดหยุ่นและ Resiliency หากดาวเทียมบางดวงถูกโจมตีหรือทำลาย เครือข่ายยังคงทำงานต่อได้ ต่างจากสถาปัตยกรรมเก่า ๆ ที่เปราะบาง

ด้านขวาของภาพเราจะเห็น Optical Communication ของ Tranche ที่มา – Lockheed Martin

ในภาพรวมของ Tranche-1 ไม่ได้มีเพียง York เท่านั้น แต่ยังมี Northrop Grumman, Lockheed Martin และ L3Harris ร่วมเป็น prime contractors อยู่ด้วย การที่ SDA กระจายสัญญาไปยังหลายบริษัท แต่ละบริษัทมีจุดแข็งต่างกันไป Lockheed Martin และ Northrop Grumman เชี่ยวชาญด้านระบบอวกาศขนาดใหญ่และการบูรณาการเชิงซับซ้อน ส่วน L3Harris มีประสบการณ์ด้าน Payload และการสื่อสารความถี่สูง เมื่อมารวมกับสายการผลิตที่คล่องตัวของ York จึงทำให้ Tranche-1 กลายเป็นการผสมผสานทั้งยักษ์ใหญ่ดั้งเดิมและผู้เล่นเชิงพาณิชย์รายใหม่ใน Ecosystem เดียวกัน

อีกมิติที่ทำให้ Tranche-1 น่าสนใจคือมันไม่ใช่โปรเจ็กต์ที่โดดเดี่ยวจากสิ่งที่ Space Force และ DoD ทำมาก่อนหน้านี้ กองทัพอวกาศเองเพิ่งได้บทเรียนสด ๆ จากการทำงานกับ SpaceX ในโครงการ Starshield แพลตฟอร์มที่ถูกวางตัวให้เป็น “Starlink เวอร์ชันทหาร”

Starshield ใช้สถาปัตยกรรมเดียวกับ Starlink แต่ปรับแต่งเพื่อรองรับ Payload เสริม ไม่ว่าจะเป็นกล้อง เซนเซอร์สอดแนม หรือแม้แต่ช่องทางสื่อสารเข้ารหัสพิเศษ ความยืดหยุ่นตรงนี้สะท้อนแนวคิดใหม่ว่า “ดาวเทียมเชิงพาณิชย์ที่ Mass-Produce ได้” ไม่ได้เป็นแค่ทรัพยากรของเอกชนอีกต่อไป แต่สามารถกลายเป็น Building Block ของโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร ได้เช่นกัน

นี่คือสิ่งที่เชื่อมโยงกับ Tranche-1 โดยตรง เพราะ SDA กำลังเดินเกมด้วยปรัชญาเดียวกัน คือการเลือกใช้ ดาวเทียมขนาดเล็ก ราคาถูก แต่ยืดหยุ่น เหมือนกับที่ Starlink แสดงให้เห็นว่าทำได้จริงในเชิงอุตสาหกรรม ดังนั้นการที่เรามองเห็น Tranche-1 ขึ้นสู่วงโคจรในวันนี้ ก็คือการสะท้อนการปรับวิธีคิดของกองทัพอวกาศสหรัฐฯ ในยุคปัจจุบัน

อ่านเพิ่มเติม พาไปชมการฝึกปฏิบัติการทางอวกาศ ของกองทัพไทย และ US Space Force ใน Cobra Gold 2025

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.