ในช่วงเดือนกันยายน 2025 โลกของเรามีผู้มาเยือนใหม่ให้วงการดาราศาสตร์ได้ตื่นเต้นกันอีกครั้ง นั่นก็คือดาวหาง C/2025 R2 (SWAN) ที่เพิ่งถูกค้นพบเมื่อวันที่ 11 กันยายน โดยกล้อง SWAN หรือ Solar Wind Anisotropies บนยาน SOHO ของ NASA โดยนอกจาก SOHO แล้วยานตระกูลสำรวจดวงอาทิตย์อีกหลายลำเช่น STEREO ก็สามารถถ่ายภาพได้เช่นกัน
ชื่อ C/2025 R2 (SWAN) จริง ๆ เป็นเหมือนรหัสที่บอกตัวตนของดาวหางแบบละเอียดทุกชั้น เริ่มจากตัวอักษร C/ ที่แปลว่านี่คือ Non-Periodic Comet หรือดาวหางวงโคจรยาวที่ใช้เวลามากกว่า 200 ปีในการโคจรกลับมา หรือบางครั้งก็อาจไม่กลับมาอีกเลย ต่างจากดาวหางแบบ P/ ที่มีวงโคจรสั้นและคุ้นเคยกัน เช่น Halley ส่วนเลข 2025 คือปีที่ถูกค้นพบ ตามด้วยตัวอักษร R ซึ่งในระบบตั้งชื่อจะใช้ตัวอักษรแทนช่วงครึ่งเดือนที่ค้นพบ โดย R หมายถึงวันที่ 1–15 กันยายน สุดท้ายคือเลข 2 ที่บอกว่ามันเป็นดาวหางลำดับที่สองที่ถูกค้นพบในช่วงครึ่งเดือนนั้น และในวงเล็บ SWAN คือการระบุชื่อผู้ค้นพบหรือเครื่องมือที่ค้นเจอ ซึ่งก็คือกล้อง SWAN บนยาน SOHO ที่ปกติใช้ตรวจจับไฮโดรเจนรอบดวงอาทิตย์แต่บังเอิญเจอวัตถุนี้พุ่งเข้ามา
ดังนั้นถ้าอ่านชื่อเต็ม ๆ ออกมาแบบเป็นประโยค ก็เหมือนบอกว่า “นี่คือดาวหาง Non-Periodic ที่ค้นพบโดย SWAN ในครึ่งแรกของเดือนกันยายน 2025 เป็นดวงที่สองของช่วงนั้น”

สิ่งแรกที่ชวนว้าวคือวงโคจรของมัน ดาวหางดวงนี้เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดหรือ Perihelion เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ที่ระยะราว 0.5 AU หรือครึ่งหนึ่งของระยะโลก-ดวงอาทิตย์ และจะเคลื่อนเข้ามาใกล้โลกที่สุดในวันที่ 19–20 ตุลาคม ที่ระยะประมาณ 0.26 AU หรือราว 39 ล้านกิโลเมตร ฟังดูเหมือนใกล้ แต่จริง ๆ ถือว่าไกลจากโลกอยู่มาก แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือมันมีค่ากึ่งแกนเอกหรือ Semi-Major Axis ราว 800 AU หมายความว่านี่คือดาวหางวงโคจรยาวที่อาจมีบ้านเกิดจาก Oort Cloud เมฆน้ำแข็งที่ล้อมรอบระบบสุริยะของเราอยู่ห่างออกไปเกินพันเท่าของระยะโลก-ดวงอาทิตย์

คำถามที่หลายคนอยากรู้เวลาเจอดาวหางใหม่คือคือ “แล้วเราจะเห็นมันด้วยตาเปล่าได้ไหม” คำตอบตอนนี้คือยังไม่แน่ชัด ปัจจุบันความสว่างของมันมากพอให้ “กล้องส่องทางไกลสองตา” หรือกล้องถ่ายภาพเลนส์ยาวสัก 200 mm ขึ้นไปจับภาพได้ แต่ยังไม่ถึงระดับที่จะเป็น “Great Comet” ที่คนทั่วไปหันไปบนฟ้าแล้วเห็นหางพาดยาว ซึ่งความไม่แน่นอนนี่แหละคือเสน่ห์ของดาวหาง บางดวงอย่าง Hale-Bopp กลายเป็นตำนานเพราะสว่างจนสะดุดตาไปทั่วโลก ขณะที่บางดวงก็แตกสลายไปอย่างเงียบ ๆ ก่อนถึงจุดที่น่าจะโชว์ของ
บนเว็บไซต์ Universe Today ได้รวบรวมข้อมูลและภาพถ่ายของ C/2025 R2 เอาไว้อย่างน่าสนใจ ทั้งภาพถ่ายจากกล้องโทรทรรศน์บนโลกและกล้องบนยานอวกาศเช่นยาน STEREO Ahead ของ NASA

ดาวหาง SWAN ตอนนี้กำลังปรากฏอยู่แถวกลุ่มดาว Virgo ใกล้ดาว Spica ถ้าใครมีท้องฟ้ามืดพอ อาจลองส่องหาด้วยกล้องเล็ก ๆ ได้ ที่สำคัญคือต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงของมันอย่างต่อเนื่อง เพราะดาวหางมีนิสัยเหมือนแขกบ้านแขกเมืองที่เราไม่เคยรู้ล่วงหน้าว่าจะเอาอะไรมาโชว์ให้ดู บางทีอาจมี Outburst ที่สว่างขึ้นทันตา หรือบางทีอาจหายไปแบบที่นักดาราศาสตร์เองยังงง ๆ
แต่ไม่ว่ามันจะสว่างมากหรือน้อย ดาวหางดวงนี้ก็คือชิ้นส่วนวัตถุจากขอบจักรวาลเล็ก ๆ ที่เดินทางเข้ามาให้เราเห็น การได้ส่องมันไม่ใช่แค่การตามหาภาพสวย ๆ แต่เป็นการมองเข้าไปในไทม์แคปซูลที่เก็บรักษาวัตถุดิบดั้งเดิมของระบบสุริยะมาตลอด 4,600 ล้านปี วัตถุแบบนี้ไม่ค่อยได้เดินทางเข้ามาใกล้โลกบ่อย ๆ และทุกครั้งที่มันโคจรเข้ามา นักวิทยาศาสตร์สามารถใช้โอกาสนี้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับก๊าซ น้ำแข็ง และฝุ่นละอองที่ยังไม่ผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงมากนัก
สิ่งเหล่านี้ช่วยไขปริศนาว่าระบบสุริยะเกิดขึ้นจากการรวมตัวของเมฆก๊าซและฝุ่นอย่างไร ทำไมโลกถึงมีน้ำและองค์ประกอบที่เอื้อต่อการเกิดชีวิต และ Oort Cloud เองซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของดาวหางวงโคจรยาวก็ยังคงเป็นโครงสร้างลึกลับที่เรารู้จักมันเพียงผ่านเศษวัตถุที่หลุดออกมาเยือน การสังเกต C/2025 R2 (SWAN) จึงไม่ใช่แค่การเฝ้ามองหางที่ทอดยาวบนท้องฟ้า แต่คือการได้เพิ่ม “จุดข้อมูล” ใหม่ที่ต่อภาพใหญ่ของวิวัฒนาการจักรวาลใกล้ตัวเราหรือพูดให้ง่าย ๆ ดาวหางดวงนี้คือผู้ส่งสารจากขอบระบบสุริยะ ที่บอกเราว่าเรามาจากไหน และยังมีอะไรอีกมากที่รอให้เราค้นพบจากเศษฝุ่นเล็ก ๆ ที่แวะเวียนเข้ามาทักทายโลกเป็นครั้งคราว
รายงานจากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติระบุว่า มีนักดาราศาสตร์สมัครเล่นจากทั่วโลกสามารถถ่ายภาพได้ รวมถึงที่ประเทศไทยด้วย ทำให้การมาของ C/2025 R2 (SWAN) ถือว่าเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นพอสมควรสำหรับวงการดาราศาสตร์ และเป็นอีกหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญบนท้องฟ้าในเดือนกันยายนนี้ก็ว่าได้
เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co