ESA เปิดตัวจานรับสัญญาณอวกาศลึกแห่งใหม่ในออสเตรเลีย เข้าเครือข่าย Estrack

องค์การอวกาศยุโรป European Space Agency หรือ ESA เปิดตัว New Norcia 3 จานรับสัญญาณอวกาศลึก Deep Space Antenna ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 35 เมตรแห่งใหม่ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย จากรายงาน ESA inaugurates deep space antenna in Australia เสริมขีดความสามารถของยุโรปในการติดต่อสื่อสารกับยานอวกาศที่อยู่ไกลหลายพันล้านกิโลเมตรจากโลก และกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญอีกแห่งในเครือข่าย Estrack หรือ European Space Tracking Network

ชื่อ Estrack อาจไม่คุ้นหูเท่า Deep Space Network หรือ DSN ของ NASA แต่ในเชิงโครงสร้างแล้วทั้งสองคือระบบที่มีบทบาทเหมือนกัน เป็นเส้นเลือดใหญ่ในการเชื่อมต่อระหว่างโลกกับยานอวกาศทุกลำที่อยู่นอกวงโคจรใกล้โลก เครือข่าย Estrack ของ ESA มีสถานีหลักอยู่ทั่วโลก 4 แห่ง ได้แก่ Cebreros Station ในสเปน เปิดใช้ในปี 2005 เป็นสถานีที่รองรับภารกิจสำรวจดาวเคราะห์ใกล้ดวงอาทิตย์ เช่น BepiColombo ที่เดินทางไปดาวพุธ, Malargüe Station ใน อาร์เจนตินา เปิดใช้ในปี 2012 สำหรับภารกิจในซีกโลกใต้ เช่น ExoMars และ Solar Orbiter และสถานีในออสเตรเลียคือ New Norcia 1 เปิดใช้ในปี 2003 เป็นจานรับสัญญาณขนาด 35 เมตรแห่งแรกของ ESA ในซีกโลกใต้ และล่าสุดคือ New Norcia 3 จานใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวในปี 2025 ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับความต้องการสื่อสารที่เพิ่มขึ้นจากภารกิจจำนวนมากในทศวรรษหน้า

จานรับสัญญาณ New Norcia 3 แห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ที่มา – ESA

ทั้งสี่สถานีถูกออกแบบให้กระจายตำแหน่งบนโลกในลักษณะที่เมื่อโลกหมุน ยานอวกาศในระบบสุริยะจะไม่หลุดจากระยะสื่อสารของอย่างน้อยหนึ่งสถานีในเครือข่าย หลักการเดียวกับที่ DSN ใช้อยู่ ซึ่ง NASA นั้นนับว่าเป็นผู้บุกเบิกเครือข่าย Deep Space Network มาตั้งแต่ทศวรรษ 1960 โดยมีสถานีหลักอยู่สามแห่งคือ Goldstone ในสหรัฐฯ, Madrid ในสเปน และ Canberra ในออสเตรเลีย การมีสถานีในสามมุมของโลกทำให้สามารถสื่อสารกับยานอวกาศได้ตลอดเวลาโดยไม่ขาดช่วง ก่อนหน้านี้ NASA เองก็เพิ่ง อัปเกรด Deep Space Network รองรับ ปริมาณการสื่อสารระหว่างดาวที่เพิ่มขึ้น

ที่น่าสนใจคือ แม้ชื่อจะเรียงเป็น “New Norcia 3” แต่จริง ๆ แล้วไม่เคยมี “New Norcia 2” เกิดขึ้นมาก่อน โครงการจานลำที่สองของสถานีเคยอยู่ในแผนของ ESA ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2010 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้สถานีในออสเตรเลียรองรับภารกิจได้หลายลำพร้อมกัน แต่ภายหลัง ESA ตัดสินใจชะลอโครงการและย้ายการลงทุนไปสร้างสถานีในอาร์เจนตินาแทนเพื่อขยายความครอบคลุมของเครือข่ายไปยังซีกโลกใต้ จึงไม่มีการสร้าง New Norcia 2 จริง ๆ และเมื่อกลับมาเดินหน้าอีกครั้งในปี 2021

จานใหม่นี้จึงได้รับชื่อว่า New Norcia 3 ตามมาตรฐานการออกแบบรุ่นที่สามของระบบจานขนาด 35 เมตรในเครือข่าย Estrack ที่รวมเทคโนโลยี Cryogenic Receiver และ Beam Waveguide เข้าด้วยกัน ถือเป็น “เจนเนอเรชัน 3” ของเทคโนโลยีมากกว่าเป็นลำดับที่สามของสถานี

Estrack ของ ESA อาจยังไม่ครอบคลุมทั่วโลกเท่า DSN แต่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และการเปิด New Norcia 3 ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ยุโรปมีเครือข่าย “อิสระ” ของตัวเองอย่างแท้จริง โดยไม่ต้องพึ่งพาโครงสร้างของสหรัฐฯ ในการสื่อสารกับยานสำรวจระยะไกลอีกต่อไป นอกจากนี้ ESA ยังมีข้อตกลง “Cross-Support” กับ NASA, JAXA และ ISRO ซึ่งทำให้ทั้ง Estrack และ DSN สามารถช่วยกันรับส่งข้อมูลของภารกิจต่างชาติในช่วงเวลาที่อีกฝ่ายไม่สามารถมองเห็นยานได้ เป็นความร่วมมือที่สะท้อนการพึ่งพาเชิงเทคนิคในระดับโลกของยุคสำรวจอวกาศสมัยใหม่

New Norcia 3 ถือเป็นจานรับสัญญาณที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุดในเครือข่าย Estrack โดยภายในติดตั้ง ระบบรับสัญญาณแบบ Cryogenically Cooled ที่ถูกทำให้เย็นถึง -263 องศาเซลเซียส ใกล้ศูนย์สัมบูรณ์ เพื่อลด “Noise” ของวงจรอิเล็กทรอนิกส์จนเหลือเพียงระดับใกล้ศูนย์ ทำให้สามารถตรวจจับสัญญาณวิทยุที่อ่อนที่สุดจากยานอวกาศที่อยู่นอกวงโคจรดาวเคราะห์ชั้นนอกได้

จานรับสัญญาณ New Norcia 3 และ New Norcia 2 เดิม ที่มา – ESA

ตัวจานถูกออกแบบให้มีโครงสร้างแบบ Beam Waveguide Antenna ซึ่งมีระบบสะท้อนคลื่นวิทยุหลายชั้นภายในท่อลำแสงใต้ฐานจาน เพื่อให้สามารถติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณและเครื่องขยายสัญญาณได้อย่างมั่นคง ไม่ต้องขึ้นไปบนจานโดยตรง และทำให้สามารถบำรุงรักษาได้สะดวกในระยะยาว ด้วยความไวระดับนี้ จาน New Norcia 3 สามารถตรวจจับสัญญาณจากยานในระดับ Pico-watt (หนึ่งในล้านล้านวัตต์) ได้อย่างแม่นยำ นั่นหมายความว่าสัญญาณจากยานที่อยู่ไกลหลายพันล้านกิโลเมตร เช่น Juice ที่มุ่งหน้าไปดาวพฤหัสฯ ก็ยังสามารถรับได้อย่างชัดเจน

โครงการนี้ใช้งบประมาณกว่า 62.3 ล้านยูโร โดยมีบริษัท Thales Alenia Space ฝรั่งเศส และ Schwartz Hautmont จากสเปน เป็นผู้รับเหมาหลัก พร้อมด้วยบริษัทออสเตรเลียอย่าง TIAM Solutions, Thales Australia, Fredon และ Westforce Construction เข้าร่วม ซึ่งนอกจากจะเป็นความร่วมมือข้ามทวีปแล้ว ยังสะท้อนแนวทางใหม่ของ ESA ที่เน้นสร้าง “ยุโรปที่ทำงานร่วมกับโลก” มากกว่า “ยุโรปที่ทำด้วยตัวเอง” สถานีนี้จะถูกบริหารโดย CSIRO หน่วยงานวิทยาศาสตร์แห่งชาติของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้ดูแลสถานี DSN ของ NASA ที่ Tidbinbilla เช่นเดียวกัน จึงเรียกได้ว่า New Norcia 3 อยู่ในเครือข่ายการสื่อสารอวกาศลึกที่เชื่อมโยงกับสถานีทั่วโลกในระดับปฏิบัติการจริง

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.