ชีวิตในแดนอดีตศัตรู นักบินอวกาศสหรัฐฯ ในรัสเซีย ใน Star City, มอสโคว และคาซักสถาน

เบื้องหลังกำแพงสีแดงที่ไม่มีใครอาจเอื้อมถึง กำแพงที่สูงหนาที่ปิดกั้นการสำรวจอวกาศจากทั้งสองฟากโลกในช่วงระหว่างยุค 1950 จนถึงกลางทศวรรษ 1980s สหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกา คือศัตรู การสอดแนมด้วยเครื่องบินที่ออกแบบมาเป็นพิเศษอย่าง U-2 ทำให้พวกเขาได้ข้อมูลของฐานปล่อยเพียงน้อยนิด พวกเขารู้เพียงว่าพวกโซเวียตปล่อยจรวดกันกลางทะเลทรายในบริเวณที่ต่อมาถูกแบ่งเป็นเขตแดนของประเทศคาซักสถาน ยูริ กาการิน เดินทางขึ้นจากฐานปล่อยในไบคัวนอร์ คอสโมโดรม นำหน้าสหรัฐฯ เป็นชาติแรกในการสำรวจอวกาศ และพวกเขา (สหรัฐอเมริกา) ไม่รู้เลยว่าเมื่อเวลาผ่านไปครึ่งศตวรรษพวกเขาจะต้องเดินทางขึ้นสู่อวกาศจากฐานปล่อยเดียวกับกาการิน และจะต้องใช้ชีวิตในเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นดินแดนศัตรู

“ซึโวสนึย” (Звёздный) ภาษารัสเซียที่แปลว่าดวงดาว ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างออกไปนับพันกิโลเมตรจากฐานปล่อย เมืองนี้เคยเป็นเมืองต้องห้ามราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่จริง อเมริกันรู้จักเมืองที่พวกเขาเรียกตามภาษารัสเซียว่า “Star City” นี้ในช่วงยุคความร่วมมือแรกระหว่างอเมริกากับโซเวียตในโครงการ Apollo-Soyuz ในปี 1985 เท่านั้น และหลังจากนั้นเป็นต้นมา มันคือบ้านให้กับนักบินอวกาศอเมริกันหลายต่อหลายคน

การปล่อยจรวด Falcon 9 ของ SpaceX ในเที่ยวบิน Crew Demo 2 ซึ่งเป็นการปล่อยจรวดพามนุษย์ขึ้นสู่อวกาศครั้งแรกในรอบ 9 ปีจากแผ่นดินอเมริกาหลังจากการปลดระวางกระสวยอวกาศในปี 2011 เป็นการปิดฉากยุคที่พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพายานโซยุสของรัสเซีย ยานที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่อเมริกาเคยหวาดกลัวมากที่สุดแต่เมื่อไม่มีทางเลือกพวกเขาจึงต้องยอมจ่ายเงินหลายพันล้านเหรียญเพื่อโดยสารไปด้วย และการใช้ชีวิตใน Star City อย่างเต็มรูปแบบราวกับว่าอเมริกันคือลูกหลานของนักสำรวจอวกาศโซเวียตจึงเปิดฉาก

อนุเสารีย์ของเซอเกย์ คาราลอฟ ที่มา – Andrey Shelepin/Gagarin Cosmonaut Training Center

สามเมืองสำคัญที่เราจะพูดถึงกันในตอนนี้ได้แก่ ไบคัวนอร์ คอสโมโดรม อันเป็นที่ตั้งของฐานปล่อยและการทดสอบต่าง ๆ ซึโวสนึย โกโรด (Star City) อันเป็นบ้านหลังสุดท้ายของนักบินอวกาศก่อนการเดินทาง และมอสควา เมืองหลวงของรัสเซียอันเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ของการสำรวจอวกาศ

Star City

ในหนังสือ Endurance ของ Scott Kelly นักบินอวกาศอเมริกัน ได้เล่าเรื่องราวในเมือง Star City ของรัสเซีย Kelly บอกว่าเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ครั้งหนึ่งเมืองนี้เคยเป็นเมืองที่ถูกบอกว่าไม่อยู่จริง แต่วันหนึ่งมันกลับต้องมาเป็นบ้านของเขา และนักบินอวกาศอเมริกันอีกหลายคน 8 เดือน คือเวลาที่พวกเขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เรียนรู้ภาษารัสเซีย กิน อยู่ และซึมซับวัฒนธรรมหลาย ๆ อย่าง

การสร้างเมืองเพื่อมีวัตถุประสงค์ใดวัตถุประสงค์หนึ่งเป็นสิ่งที่พบได้มากในโซเวียต Star City ก็เช่นกัน นอกจากนักบินอวกาศแล้ว มันยังเป็นบ้านให้กับคนที่ทำงานที่เกี่ยวกับภารกิจสำรวจอวกาศ วิศวกร แพทย์ นักวิทยาศาสตร์ และอีกหลายต่อหลายตำแหน่งที่ใช้ชีวิตร่วมกันในเมืองที่มีจตุรัสกลางเมืองเป็นอนุเสารีย์จรวด

 Christina Koch คุยกับเพื่อน ๆ นักบินอวกาศของเธอ ในระหว่างงานแถลงข่าวที่ Star City ที่มา – NASA/Beth Weissinger

ในสารคดี 1 Year in Space ที่ TIME ถ่ายทำร่วมกับเที่ยวบินของ Kelly ภาพเผยให้เห็นถึงการใช้ชีวิตตามปกติของคนในเมือง มีเด็ก ๆ มาวิ่งเล่น คู่รักหนุ่มสาวกุมมือ ตกหลุมรัก และแต่งงานกัน รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ อาหาร เสียงดนตรี ความตลกสนุกสนานต่าง ๆ ที่เผยให้เห็นด้านของความเป็นมนุษย์ที่ครั้งหนึ่งเคยซ่อนอยู่หลังกำแพงหนาสีแดง

Ricky Arnold, Drew Feustel และ Oleg Artemyev ทำท่ารวมพลัง ในระหว่างการฝึกฝนการทำงานร่วมกับยานโซยุส ในศูนย์ฝึกที่ Star City ที่มา – NASA/Elizabeth Weissinger

นอกจากการฝึกฝนแล้ว เรายังได้เห็นธรรมเนียมปฏิบัติหลายอย่างที่เราบอกว่า ทำให้นักบินอวกาศสหรัฐฯ หรือชาติอื่น ๆ กลายเป็นลูกเป็นหลานของผู้บุกเบิกการสำรวจอวกาศ อนุเสารีย์ของนักบินอวกาศที่โด่งดัง เห็นได้ทั่วไปในเมือง Star City และเป็นเมืองที่บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ไว้มากมาย

นักบินอวกาศในภารกิจ Expedition 50-51 ประกอบไปด้วย 3 นักบินจริง และ 3 ตัวสำรอง ถ่ายรูปด้วยกันข้างหน้าอนุเสารีย์วลาดิเมียร์ เลนิน ผู้ก่อตั้งสหภาพโซเวียต ที่มา – NASA/Stephanie Stoll

ชีวิต 8 เดือนใน Star City พวกเขาทุ่มเทไปกับการเรียนรู้การทำงานของระบบการสำรวจอวกาศรัสเซีย ยานโซยุส การทำงานในชุดนักบินอวกาศของรัสเซีย และ Docking ตัวยานเข้ากับสถานีอวกาศนานาชาติ โครงสร้างของตัวสถานี จรวด โดยเจ้าหน้าที่ของ NASA และ Roskosmos จะดูแลพวกเขาอย่างใกล้ชิด

Christina Koch, Alexey Ovchinin และ Nick Hague นักบินอวกาศในภารกิจ Expedition 59 กำลังฝึก Docking ยานใน Simulator ที่มา – NASA/Victor Zelentsov

พวกเขายังถูกฝึกให้ใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อน ๆ ในกลุ่ม กินด้วยกัน นอนด้วยกัน ออกกำลังกาย และทำกิจกรรมธรรมดา ๆ ในแบบที่มนุษย์ทั่วไปจะทำ

จตุรัสแดง มอสโคว

นักบินอวกาศจะใช้ช่วงเวลาบางส่วนในการเดินทางไปเยือนกรุงมอสโคว เมืองหลวงของรัสเซีย ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเช่นกันมาตั้งแต่การเดินทางสู่อวกาศครั้งแรกของยูริ กาการิน พวกเขาจะไปวางดอกไม้ให้กับบุคคลสำคัญในวงการประวัติศาสตร์การสำรวจอวกาศ ณ จตุรัสแดง และเยี่ยมชมสถานที่สำคัญหลายต่อหลายที่

Nick Hague กำลังวางดอกไม้หน้ากำแพงเครมลิน ซึ่งเป็นหนึ่งในธรรมเนียมก่อนการบินขึ้นสู่อวกาศ ที่มา – Gagarin Cosmonaut Training Center/Andrey Shelepin and Irina Spektor
Christina Koch ในห้องสมุดของ Sergei Korolev บิดาแห่งการสำรวจอวกาศโซเวียต หัวหน้าโครงการสำรวจอวกาศโซเวียต ที่มา Andrey Shelepin/Gagarin Cosmonaut Training Center

ฐานปล่อยในคาซักสถาน

หลังจากนั้นเมื่อวันปล่อยใกล้เข้ามาพวกเขาจะเดินทางด้วยเครื่องบินจาก Star City ไปยังฐานปล่อยที่ไบคัวนอร์ ในคาซักสถาน ซึ่งจะเป็นที่อยู่สุดท้ายของพวกเขาก่อนเดินทางขึ้นสู่อวกาศ

Christina Koch, Alexey Ovchinin และ Nick Hague เดินทางมาถึงฐานปล่อยที่คาซักสถาน ที่มา – NASA/Victor Zelentsov
นักบินอวกาศ Drew Morgan, Alexander Skvortsov และ  Luca Parmitano ถือดอกไม้เพื่อนำมาวางเคารพอนุสารีย์ Yuri Gagarin นักบินอวกาศคนแรกของโลก ที่มา – NASA/JSC

หนึ่งในธรรมเนียมที่น่าสนใจก็คือ นักบินอวกาศทุกคน ไม่ว่าจะชาติไหน เมื่อเดินทางขึ้นสู่อวกาศก่อนที่พวกเขาจะจาก แผ่นดินแห่งนี้ไป พวกเขาจะปลูกต้นไม้คนละ 1 ต้น ระหว่างที่พวกเขาเดินมายังจุดปลูกต้นไม้ พวกเขาจะเดินผ่านต้นไม้ของผู้บุกเบิกหลายต่อหลายคน ชื่อแล้วชื่อเล่า ยูริ กาการิน, วาเลนตินา เทเรสโคฟวา, อเล็กเซย์ เลโอนอฟ ที่แม้หลายคนจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ต้นไม้ของเขายังเติบโตขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นร่มเงาให้กับนักสำรวจรุ่นถัดไป

ตามธรรมเนียมแล้ว พวกเขาจะปลูกต้นไม้คนละต้นก่อนที่จะเดินทางไปอวกาศ นักบินอวกาศที่จะเดินทางขึ้นจากแผ่นดินรัสเซียจะปลูกต้นไม้ทิ้งไว้ที่นี่ ที่มา – NASA/Victor Zelentsov

ภาพของนักบินอวกาศนานาชาติ ถือดอกไม้ไปเคารพอนุเสารีย์ต่าง ๆ เป็นภาพที่อาจจะหาดูยากสำหรับใครที่ไม่ได้ติดตามการสำรวจอวกาศอย่างใกล้ชิด ซึ่งนี่เองก็เป็นอีกมุมนึงที่แสดงให้เห็นด้านของความเป็นมนุษย์มากขึ้น อย่างไรก็ดี ถ้าเราสังเกตข้างหลัง ก็จะเห็นทหารถืออาวุธคอยรักษาความปลอดภัยซึ่งเป็นภาพที่ดูแล้วก็ยังไม่ทิ้งกลิ่นอายความเป็นรัสเซียเท่าไหร่

Alexey Ovchinin และ Nick Hague ใน “งานเลี้ยงน้ำชา” ที่จัดขึ้นตามประเพณีของคาซักสถาน ที่มา – NASA/Victor Zelentsov

ที่ไบคัวนอร์นี้เองที่เป็นฐานประกอบของจรวดโซยุสที่จะพาพวกเขาขึ้นสู่อวกาศ พวกเขาจะทำกิจกรรมต่าง ๆ เยี่ยมชมฐานปล่อย ทำความรู้จักกับวิศวกรที่ดูแลชีวิตของพวกเขา และท้ายที่สุดพวกเขาจะถูกกักตัวเพื่อป้องกันไม่ให้นำเชื้อโรคจากบนโลกขึ้นไปแพร่ระบาดบนสถานีอวกาศนานาชาติ ซึ่งจะได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด

Nick Hague กำลังแข่งหมากรุกกับ Alexey Ovchinin โดย มี Christina Koch นั่งดู พวกเขาทั้งสามคือนักบินอวกาศในภารกิจ Expedition 59 ภาพนี้ถ่าย 7 วันก่อนปล่อยในระหว่างที่พวกเขาเตรียมตัวเข้าสู่การกักตัว ที่มา – ASA/Victor Zelentsov
ยานโซยุส ณ ห้อง Clean Room บริเวณใกล้กับฐานปล่อยในคาซักสถาน ที่มา – NASA/Victor Zelentsov.

Ricky Arnold เซ็นชื่อบนกำแพงในมิวเซียมอวกาศ ณ ฐานปล่อยไบคัวนอร์ คอสโมโดรม ก่อนที่เขาจะเดินทางขึ้นสู่อวกาศ ที่มา – NASA/Victor Zelentsov

ในการกักตัวจะใช้เวลา 1 สัปดาห์ พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้สัมผัสกับบุคคลภายนอก เพื่อป้องกันไม่ให้ติดเชื้อโรค พวกเขาจะได้รับการดูแลจากแพทย์และนักระบาดวิทยาอย่างใกล้ชิดมาก ๆ ซึ่งปกติแล้วการเดินทางกับยานโซยุสจะมีนักบินอวกาศทั้งหมด 3 คนเดินทาง ดังนั้นพวกเขาจะทำกิจกรรมส่วนมากด้วยกันตั้งแต่อยู่บนโลกอยู่แล้ว ชีวิตของพวกเขาเพิ่งพากันและกัน

จรวดโซยุส ถูกเคลื่อนที่จากห้องประกอบไปยังฐานปล่อยด้วยรถไฟ โดยมีเจ้าหน้าที่เดินนำเพื่อรักษาความปลอดภัย รวมถึงในขั้นตอนนี้เราจะได้เห็นทหารถืออาวุธเดินคุ้มกันด้วย ที่มา – NASA/Victor Zelentsov
จรวดโซยุสกำลังถูกนำไปยังฐานปล่อย ที่มา – NASA/Joel Kowsky

ในระหว่างกักตัวยานโซยุสก็จะถูกนำไปยังฐานปล่อยด้วยรถไฟ ซึ่งอย่างที่บอกว่าฐานปล่อยนี้คือฐานปล่อยเดียวกับที่ยูริ กาการิน เดินทางขึ้นสู่อวกาศ

และภาพที่โด่งดังก่อนการปล่อยจรวดโซยุสในเที่ยวบินที่มีมนุษย์เดินทางไปด้วยก็คือบาทหลวงออร์ทอดอกซ์ จะพรมน้ำมนต์ให้กับเจ้าหน้าที่ฐานปล่อย และจรวดโซยุส เพื่ออวยพรให้การเดินทางของพวกเขาเป็นไปอย่างปลอดภัย ภาพนี้เป็นภาพที่ทรงพลังและความเชื่อมโยงระหว่างวิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม ความเชื่อ และมิติของความเป็นมนุษย์ จรวดพวกนี้ยังคงเป็นสุดยอดแห่งงานวิศวกรรมที่ปราณีตแต่ก็มนุษย์ก็ยังคงมีความกลัว และความเชื่อคือสิ่งที่พาพวกเขาก้าวข้ามความกลัวที่เป็นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์

บาทหลวงออร์ทอดอกซ์ จะพรมน้ำมนต์ให้กับเจ้าหน้าที่ฐานปล่อย ในภารกิจ Soyuz MS-08 ที่มา – NASA/Joel Kowsky

ก่อนที่จะขึ้นยาน นักบินอวกาศจะแถลงข่าวเป็นครั้งสุดท้ายในห้องกระจกที่กั้นระหว่างบุคคลภายนอกกกับภายในเพื่อป้องกันการปนเปื้อน พวกเขาจะเซ็นชื่อ และเริ่มต้นการเดินทางของพวกเขาในฐานะลูกเรือของสถานีอวกาศนานาชาติ และเดินทางขึ้นยานโซยุส และพุ่งทะยานขึ้นจากฐานปล่อยประวัติศาสตร์ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อมา

ลูกเรือในภารกิจ Expedition 55 โบกมือลานักข่าว เพื่อเดินทางขึ้นสู่สถานีอวกาศนานาชาติ ที่มา – NASA/Joel Kowsky
จรวด Soyuz MS-08 พุ่งขึ้นจากฐานปล่อยที่ไบคัวนอร์ คอสโมโดรม พานักบินอวกาศในภารกิจ  Expedition 55-56 เดินทางสู่สถานีอวกาศนานาชาติ ที่มา – NASA/Joel Kowsky

หลังจากความสำเร็จของยาน Dragon 2 ในการส่งนักบินอวกาศขึ้นสู่สถานีอวกาศนานาชาติได้อีกครั้ง และการฝึกฝนส่วนมากก็จะไปอยู่ที่ศูนย์ Johnson Space Center ในฮูสตัส มากกว่าการใช้ชีวิตอยู่ที่รัสเซีย ทำให้ภาพเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปและกลายเป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่งชาติมหาอำนาจที่เป็นขั้วตรงข้ามต้องมาร่วมมือการสำรวจอวกาศกัน

อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะกลับมาเป็นศัตรูกันอีกครั้ง เพราะอย่างที่เห็นว่าการสำรวจอวกาศนั้นเมื่อชีวิตของนักบินอวกาศต้องพึ่งพากันและกัน ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความถ้อยทีถ้อยอาศัย และความเมตตามองเพื่อนมนุษย์เหมือนกัน แม้ว่าจะต่างวัฒนธรรม ภาษา ที่มา และแนวคิดทางการเมือง แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ไหนอวกาศก็ยังคงเป็นพรมแดนสุดท้ายสำหรับพวกเราทั้งสิ้น

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer - 21, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.