NASA เริ่มติดตั้ง CubeSat ที่จะถูกปล่อยกับภารกิจ Artemis II ด้วยจรวด SLS

ต้นเดือนกันยายน 2025 NASA ได้เริ่มกระบวนการบรรจุ CubeSat สำหรับภารกิจ Artemis II ที่ Multi-Payload Processing Facility หรือ MPPF ภายใน Kennedy Space Center ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของการเตรียม Payload ขนาดเล็กที่มีบทบาทสำคัญต่อการวิจัยด้านรังสีและสิ่งแวดล้อมอวกาศ

CubeSat แรกที่ได้รับการติดตั้งคือ K-Rad Cube ของ Korea Aerospace Research Institute หรือ KASA ดาวเทียมขนาด 12Uน้ำหนักราว 20 กิโลกรัม จุดเด่นของมันอยู่ที่ Dosimeter ที่สร้างจากวัสดุเลียนแบบเนื้อเยื่อมนุษย์ เพื่อตรวจวัดระดับรังสีและวิเคราะห์ผลกระทบต่อชีววิทยาของสิ่งมีชีวิตในบริเวณแถบรังสี Van Allen พื้นที่ที่เป็นปราการด่านแรกของการเดินทางออกจากวงโคจรโลก และยังคงเป็นโจทย์ที่มนุษย์ต้องเข้าใจหากต้องการสร้างการดำรงอยู่ระยะยาวบนดวงจันทร์และดาวอังคาร

ดาวเทียม K-Rad Cube ถูกติดตั้งลงใน Dispenser ที่จะดีดมันออกมาในวงโคจรที่กำหนด ที่มา – NASA/Frank Michaux

CubeSat สำหรับ Artemis II จะถูกติดตั้งใน Orion Stage Adapter หรือ OSA ซึ่งเป็นโครงสร้างทรงกรวยที่เชื่อมต่อระหว่าง Upper Stage ของจรวด Space Launch System หรือ SLS และยาน Orion ภายใน OSA ถูกออกแบบให้มี Deployment Slots สำหรับบรรจุ CubeSat ขนาดมาตรฐาน โดยในภารกิจ Artemis I มีทั้งหมด 13 ช่อง แต่ถูกใช้งานจริงเพียง 10 ช่องเนื่องจากบาง payload ไม่ทันกำหนดเวลา แต่ละ CubeSat จะถูกวางใน Dispenser แบบมาตรฐาน เช่น P-POD หรือ JEM Small Satellite Orbital Deployer หรือ J-SSOD ที่ปรับแต่งมาเฉพาะให้เข้ากับ OSA ของ SLS

Orion Stage Adapter โครงสร้างที่อยู่ระหว่าง Orion กับ SLS ที่มา – NASA/Frank Michaux

หลังจาก Orion แยกตัวไปบนเส้นทางสู่ดวงจันทร์ OSA จะทำหน้าที่ปล่อย CubeSat ออกสู่อวกาศด้วย Spring-Loaded Dispenser กลไกมาตรฐานที่ผ่านการปรับให้ทนต่อแรงสั่นสะเทือนและความร้อนสูงของการปล่อยด้วย SLS สิ่งที่ทำให้การปล่อย CubeSat จาก OSA แตกต่างออกไปก็คือพวกมันไม่ได้ถูกส่งเข้าสู่วงโคจรใกล้โลกเหมือนที่ทำบนจรวดเชิงพาณิชย์อย่าง Falcon 9 ที่มักจะเดินทางสู่วงโคจร Low Earth Orbit แต่กลับถูกส่งตรงไปยัง Translunar Trajectory ทำให้ CubeSat สามารถเริ่มการทดลองทางวิทยาศาสตร์ในสภาพแวดล้อมที่เกินกว่าการโคจรรอบโลกได้ทันที

ประสบการณ์จาก Artemis I ที่เคยบรรทุก CubeSat 10 ตัวในปี 2022 เช่น BioSentinel ที่ศึกษาผลรังสีต่อยีสต์ และ NEA Scout ที่พยายามใช้ Solar Sail เดินทางไปสำรวจดาวเคราะห์น้อย แม้ว่าหลายภารกิจจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า SLS สามารถเป็นแพลตฟอร์มการวิจัยระดับนานาชาติสำหรับ CubeSat ได้จริง Artemis II จึงถูกจับตามองว่าจะต่อยอดบทเรียนเหล่านั้นอย่างไร และการเริ่มติดตั้ง K-Rad Cube ก็เป็นสัญญาณแรกของ Payload ชุดใหม่ที่กำลังทยอยถูกเปิดเผย

จรวด SLS ในโรงประกอบเดือนกรกฎาคม 2025 ที่ผ่านมา ที่มา – NASA/Cory Huston

ในฝั่งของตัวจรวดเอง SLS Block 1 สำหรับ Artemis II ตอนนี้มีความคืบหน้าในการประกอบภายใน Vehicle Assembly Building กว่า 80% เหลือเพียงขั้นตอนการติดตั้งยาน Orion ที่ปลายยอด ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นจะเข้าสู่กระบวนการทดสอบรวมระบบเต็มรูปแบบ ก่อนนับถอยหลังสู่การปล่อยในปี 2026

ยานอวกาศ Orion ในเดือนสิงหาคม 2025 ได้รับการติดตั้ง Launch Escape Tower เรียบร้อย ที่มา – NASA/Cory Huston

แม้ CubeSat จะมีขนาดเล็ก แต่บทบาทของมันคือการทำหน้าที่เป็น ห้องทดลองเฉพาะทาง ที่เสริมให้ Artemis มีมิติทางวิทยาศาสตร์มากกว่าการเป็นเพียงภารกิจนำมนุษย์ไปโคจรรอบดวงจันทร์ K-Rad Cube เองก็สะท้อนถึงการเปิดพื้นที่ให้พันธมิตรระดับนานาชาติเข้ามามีส่วนร่วม โดยเฉพาะเกาหลีใต้ที่กำลังขยายบทบาทด้าน Lunar Exploration ในระดับโลก

กล่าวอีกอย่างหนึ่ง CubeSat ใน Artemis II ไม่ใช่แค่ “ของแถม” แต่เป็นโครงสร้างย่อยที่ทำให้โครงการ Artemis กลายเป็น แพลตฟอร์มวิทยาศาสตร์ร่วมกันของโลก และในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เราจะได้เห็นว่า CubeSat ตัวต่อ ๆ ไปที่ NASA เลือกติดตั้ง จะสะท้อนทิศทางใดของการวิจัยอวกาศในยุคที่มนุษย์กำลังกลับไปสู่ดวงจันทร์

ก่อนหน้านี้เราเคยพาทุกคนไปชมการประกอบจรวด SLS กันในบทความ NASA พาทีมงานสเปซทีเอช ชมการประกอบจรวด SLS ในอาคาร VAB

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.