กันยายน 2025 หลังจากการล่าช้าของโครงการ Dream Chaser ยานอวกาศลูกผสมระหว่างยานเติมเสบียงกับกระสวยอวกาศ ในที่สุด Sierra Space ก็ประกาศชัดเจนว่า Dream Chaser จะไม่ได้ขึ้นบินเที่ยวแรกในฐานะยานส่งสัมภาระไปยังสถานีอวกาศนานาชาติเหมือนที่เราเฝ้ารอ แต่จะเปิดตัวด้วย Free-Flyer Demonstration Mission ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ Logistic ของสถานีอวกาศนานาชาติโดยตรง การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนมากกว่าการ “เลื่อนเที่ยวบิน” เพราะมันคือการปรับแผนของยานทั้งลำจากการเป็นยานเติมเสบียงให้กลายเป็นยานอวกาศสำหรับภารกิจอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์หรือด้านความมั่นคงเต็มรูปแบบ
Dream Chaser เป็น Spaceplane ที่ถูกวางตัวมาตั้งแต่ต้นให้เป็น “กระสวยอวกาศยุคใหม่” แต่ลดขนาดลงให้ Practical กว่ากระสวยอวกาศมันสามารถขึ้นไปด้วยจรวดแบบดั้งเดิม แล้วกลับมาลงบนรันเวย์ได้เหมือนเครื่องบินพาณิชย์ไม่ต้องลงจอดในทะเลหรือแผ่นดินและต้องถูกเก็บกู้เหมือน Dragon หรือ Starliner จุดนี้คือจุดขายที่ Sierra Space ใช้มาตลอด ทำ Turnaround เร็ว ใช้งานซ้ำได้ และลงที่สนามบินแทบทุกแห่งบนโลก

เดิมที Dream Chaser ได้สัญญากับ NASA ในโครงการ Commercial Resupply Services Phase 2 เพื่อเป็นหนึ่งในยานส่งสัมภาระสู่สถานีอวกาศนานาชาติเคียงคู่กับ Dragon ของ SpaceX และ Cygnus ของ NASA แต่ความล่าช้าในด้านวิศวกรรม และปัญหาการเลื่อนการปล่อยอย่างไม่มีกำหนด ทำให้มันยังไม่เคยขึ้นบินจริงเลยสักครั้ง จนตอนนี้ Sierra Space เลือกที่จะทำให้เที่ยวบินแรกของ Dream Chaser นั้นกลายเป็นการบินยานเปล่าบนวงโคจรไม่ได้เชื่อมต่อกับสถานีอวกาศนานาชาติ
สิ่งที่น่าสนใจคือในประกาศล่าสุดของบริษัท Dream Chaser Advances Toward First Flight, Eyes Multi-Use Applications ได้มีการระบุอย่างชัดเจนว่า Sierra Space กำลังกลายเป็น Defense Tech Company มากกว่าบริษัท vอวกาศเอกชนทั่วไป คำอย่าง “Addressing the Nation’s Most Pressing National Security Space Challenges” หรือ “Existential Threats” ที่หมายความว่าภัยคุกคามที่อาจมีอยู่ ชี้ให้เห็นว่าบริษัทอยากให้ Dream Chaser ถูกมองในแบบเดียวกับ X-37B ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ แต่ในเวอร์ชัน Commercial และเปิดให้ NASA หรือกองทัพอวกาศสหรัฐฯ เข้ามาใช้บริการเพื่อติดตั้ง Payload ต่าง ๆ

พูดง่าย ๆ คือ Sierra Space พยายามขายมุมมองว่า Dream Chaser คือ “America’s Spaceplane” ที่เป็นมากกว่ายานส่งของไปสถานีอวกาศนานาชาติ แต่เป็นกระสวยอวกาศไร้คนขับจากเอกชนที่พร้อมจะใช้ทั้งเพื่อป้องกันประเทศและเพื่อเศรษฐกิจอวกาศเชิงพาณิชย์
ในขณะที่ NASA เองก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะสุดท้ายแล้ว NASA ก็ได้แสดงเทคโนโลยีที่จะสร้างความมั่นใจว่า Dream Chaser บินได้จริง และพร้อมสำหรับภารกิจต่อไป การประกาศบอกว่าทั้งสองฝ่ายเห็นชอบว่าเป็น “Mutually Beneficial Agreement” จึงน่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนที่ NASA ยอมให้ Sierra Space มี Flexibility เพื่อจัดเที่ยวบินที่จะทดสอบได้เอง ซึ่งแปลตรง ๆ ก็คือการบินขึ้นกับ Vulcan นั้นยังไม่พร้อม ณ ตอนนี้ จากเดิมที่ควรจะมีการทดสอบเกิดขึ้นไปแล้ว
แต่ประเด็นที่ชวนตั้งคำถามคือ เมื่อ Dragon ของ SpaceX ขึ้นไปแล้วนับสิบเที่ยว และ Cygnus ของ Northrop Grumman ก็ยังเสถียรอยู่ Dream Chaser จะมีพื้นที่เหลือแค่ไหนในตลาดการบินเติมเสบียงให้กับสถานีอวกาศนานาชาติ ที่เหลือเวลาไม่ถึงสิบปีก่อนสถานีจะปลดระวาง จะตากรรมของ Dream Chaser นั้นไม่ต่างกับยาน Starliner ของ Boeing ที่รอวันนับถอยหลังเที่ยวบินแรกควบคู่ไปกับการปลดระวางสถานีอวกาศนานาชาติ ที่ไม่แน่ใจว่าค่าพัฒนาจะคุ้มทุนกับระยะเวลาที่ยังเหลืออยู่หรือไม่
เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co