GW231123 หลุมดำยักษ์สองดวงชนกัน แล้วมันสั่นคลอนวงการฟิสิกส์จริงหรอ

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2025 ในงาน 24th International Conference on General Relativity and Gravitation and the 16th Edoardo Amaldi Conference on Gravitational Waves ในเมือง Glasgow ประเทศ Scotland ได้มีการกล่าวถึงการค้นพบเหตุการณ์คลื่นความโน้มถ่วง GW231123 ในงานเสวนา ซึ่งการค้นพบปรากฏการณ์นี้หลายสำนักข่าวได้ตีหัวข่าวว่ามันคือการค้นพบที่ก่อให้เกิดการสั่นคลอนของวงการฟิสิกส์ระดับโลกเลยทีเดียว GW231123 a Binary Black Hole Merger with Total Mass 190-265 Stellar Mass

แต่การสั่นคลอนนั้นไม่ได้หมายถึงว่าเรากำลังจะพบปรากฏการณ์สุดแปลกประหลาดเหนือกว่าจินตนาการที่เราเข้าใจอะไรแบบนั้น มันคือการค้นพบว่าหลุมดำมวลยิ่งยวดหมุนเร็วกว่าที่เราเคยทำนายไว้แค่นั้นเอง นี่คือเหตุการณ์ GW231123

โดยเหตุการณ์คลื่นความโน้มถ่วงที่กล่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2023 ถูกตรวจจับได้จากเครื่องวัดคลื่นความโน้มถ่วง LIGO (สหรัฐอเมริกา) Virgo (อิตาลี) และ KAGRA (ญี่ปุ่น) บนความร่วมมือ LIGO–Virgo–KAGRA (LVK) ซึ่งเหตุการณ์ตรวจจับคลื่นความโน้มถ่วงนี้เป็นเหตุการณ์คลื่นความโน้มถ่วงที่เกิดจากหลุมดำมวลยิ่งยวดที่มีมวลมากที่สุดที่เคยตรวจจับได้สองดวงชนกัน

ภาพแสดงการชนกันของหลุมดำสองดวงที่ทำให้เกิดคลื่นกระเพื่อมไปทั่วจักรวาล ภาพจำลองขึ้นเพื่อความสวยงามไม่ได้เป็นการแสดงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์

หลุมดำในเหตุการณ์ชนกันในครั้งนี้มีมวล 100 และ 140 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ เมื่อชนกันก่อให้เกิดหลุมดำที่มีมวล 225 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นสถิติใหม่เหนือกว่าเหตุการณ์ GW190521 ในปี ค.ศ. 2021 ที่มีมวลรวมอยู่ที่ 140 เท่าของดวงอาทิตย์ ความแตกต่างของมวลก่อนและหลังการรวมตัวนี้ แสดงว่ามีมวลจำนวนหนึ่งถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานแล้วแผ่ออกมาในรูปของคลื่นความโน้มถ่วง

นอกจากมวลของหลุมดำทั้งสองที่ชนกันและหลอมรวมเป็นดวงเดียวจะมีมวลมากที่สุดที่เคยตรวจจับได้มาแล้ว มันยังเป็นหลุมดำที่มีการหมุนเร็วที่สุดเท่าที่เคยตรวจจับมาอีกด้วย ซึ่งการที่มันหมุนเร็วมากระดับนี้ทำให้มันแทบจะเข้าใกล้ขีดจำกัดของไอสไตน์ และเข้าใกล้ความเร็วขีดจำกัดของเครื่องมือตรวจวัดอีกด้วย

อย่างที่ได้กล่าวไปว่ามวลที่มากที่สุดและการหมุนของหลุมดำที่เร็วที่สุดที่เคยตรวจวัดมา มันเข้าสู่ขีดจำกัดของเครื่องมือวัดคลื่นความโน้มถ่วงของเราเหมือนกัน ซึ่งมันบีบบังคับให้ต้องมีการผลักขีดจำกัดของทั้งเทคโนโลยีตรวจจับคลื่นความโน้มถ่วงและแบบจำลองทฤษฎีปัจจุบัน การแยกข้อมูลจากสัญญาณได้อย่างแม่นยำจำเป็นต้องใช้แบบจำลองที่สามารถรองรับพลวัตที่ซับซ้อนของหลุมดำที่หมุนเร็วมาก

ชาร์ลี ฮอย จาก University of Portsmouth และ LVK อธิบายว่า “หลุมดำดูเหมือนจะหมุนเร็วมาก ใกล้ขีดจำกัดตามที่ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์อนุญาต ซึ่งทำให้สัญญาณยากต่อการจำลองและตีความ ถือเป็นกรณีศึกษาที่ยอดเยี่ยมสำหรับการพัฒนาเครื่องมือทฤษฎีของเราให้ก้าวไปอีกขั้น”

นักวิจัยยังคงปรับปรุงวิธีวิเคราะห์และพัฒนาแบบจำลองใหม่ๆ เพื่อทำความเข้าใจเหตุการณ์ที่รุนแรงเช่นนี้ให้ดีขึ้น เกรกอริโอ คารุลโล จาก University of Birmingham กล่าวว่า “มันอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าที่เหล่านักวิทยาศาสตร์จะสามารถถอดรหัสรูปแบบสัญญาณที่ซับซ้อนนี้และเข้าใจผลกระทบทั้งหมดได้ แม้คำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุดยังคงเป็นการรวมตัวของหลุมดำ แต่สถานการณ์ที่ซับซ้อนกว่านั้นก็อาจเป็นกุญแจในการไขปริศนาความผิดปกติบางประการได้”

และนั้นก็คือหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมการประกาศเหตุการณ์คลื่นความโน้มถ่วงที่มีมวลมากที่สุดและความเร็วในการหมุนสูงที่สุดถึงใช้เวลานานหลายปีกว่าที่จะทำการประกาศ และยังมีข้อมูลที่ยังประมวลผลไม่เสร็จอีกมากมายที่ซับซ้อนรอการประมวลผลอยู่ และอาจจะต้องใช้เวลาอีกนานหลายปีกว่าที่การประมวลผลเหล่านี้จะแล้วเสร็จ

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Jirasin Aswakool | Researcher Assistant | นักวิจัยอยากผันตัวกลับมาทำงานสื่อสารวิทยาศาสตร์