หมอกควันมาพร้อมกับฤดูหนาวของประเทศไทยที่หนาวกันแค่จริง ๆ แค่ไม่กี่วัน ดูเหมือนหลายสิบวันมานี้ เหล่าหมอกควันจะเริ่มลอยตัวอยู่เหนือกรุงเทพเมืองใหญ่ของเรา และดูไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาลง หมอกควันในกรุงเทพเหล่านี้นอกจากจะทำลายทัศนียภาพของเมืองหลวงของเราแล้วยังทำลายสุขภาพของประชาชนภายในกรุงเทพอย่างร้ายแรงและน่ากลัว จนหลายต่อหลายคนเริ่มหวาดผวากับฝุ่น ควัน เหล่านี้
ทำไมฤดูหนาวถึงมาพร้อมหมอกควัน
ฤดูหนาวของประเทศไทยหรือที่เรียกกันว่าฤดูแล้งนั้นเป็นช่วงที่ความกดอากาศสูงจากทางตอนเหนือของทวีปเคลื่อนตัวลงมาปกคลุมพื้นที่ของประเทศไทย ส่งผลให้อากาศเหนือที่อยู่บริเวณประเทศมีอุณหภูมิที่ลดต่ำลง (หรอ) ทำให้รูปแบบการเคลื่อนตัวของชั้นอากาศเหนือประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลงไป
โดยปกติแล้วอากาศบริเวณเหนือพื้นดินนั้นจะมีอุณหภูมิที่สูงกว่าอากาศที่อยู่สูงขึ้นไป ตามหลักเทอร์โมไดนามิก อากาศพลศาสตร์ ความกดอากาศ อะไรก็แล้วแต่เราจึงได้ข้อที่เราใช้จดจำคือ ยิ่งสูงยิ่งหนาว และโดยตามปกติอากาศนั้นจะมีรูปแบบการเคลื่อนที่อย่างตายตัวคือมันจะเคลื่อนตัวจากอากาศร้อนไปยังอากาศเย็นดังนั้นอากาศจึงเคลื่อนที่จากเหนือพื้นผิวเคลื่อนที่สูงขึ้นไปในชั้นบรรยากาศที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างนี้ และเมื่อมันเคลื่อนที่ มันจะพัดพาฝุ่นละออง หมอกควัน สารแขวนลอยภายในอากาศขึ้นไปด้วย ทำให้ต่อให้เราระเบิดภูเขา เผากระท่อม กลุ่มควันก็จะลอยขึ้นสูงขึ้นไป ไม่สะสมกันเป็นกระจุกเหมือนสภาพอากาศในฤดูหนาวที่เราเป็นกัน
คราวนี้พอเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว พื้นดินเกิดการคายความร้อนอย่างรวดเร็วทำให้อากาศที่อยู่เหนือพื้นดินนั้นเย็นตามไปด้วยส่งผลให้อากาศที่เคยร้อนถึงดันขึ้นไปอยู่คั้นกลางระหว่างชั้นอากาศเย็น กลายสภาพเป็นเหมือนเกราะที่ไม่ยอมให้อากาศไหลผ่านไปตามระบบ อากาศเหล่านั้นจึงไหลย้อนกลับลงสู่พื้นดินอีกครั้ง
เมื่อระบบอากาศเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อากาศไหลย้อนกลับลงสู่พื้นดิน เหล่าหมอกควันที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวดินจึงไม่มีที่ไป มันจึงปกคลุมไปทั่วพื้นผิวส่งผลให้เรามักเห็นหมอกในยามเช้าบนภูเขา ทะเลสาบ หรือหมอกควันจากมลพิษในกรุงเทพ และมันจะไม่หายไปไหนจนกว่าอุณหภูมิของชั้นอากาศร้อนนั้นหายไป เหมือนดังที่เราเห็นหมอกหายไปหลังจากที่พระอาทิตย์ขึ้นไปได้สักพักหนึ่งแล้ว
ฝุ่น PM 2.5 นั้นคือฝุ่นที่มีขนาดเล็ก 2.5 ไมโครเมตร สาเหตุของเจ้าฝุ่นชนิดนี้นั้นมาจากการเผา การสันดาปของเครื่องยนต์ชนิดต่าง ๆ และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งส่วนน้อยนักที่จะมาจากธรรมชาติ ซึ่งเจ้าฝุ่นชนิดนี้มีความอันตรายเป็นอย่างมากเพราะด้วยขนาดที่เล็กมาก ๆ ของมันนั้นระบบป้องกันของมนุษย์ไม่สามารถที่จะกรองและกำจัดได้ทำให้ฝุ่นพวกนี้สามารถหลุดรอดเข้าไปภายในอวัยวะที่สำคัญของร่างกายได้โดยง่าย ส่งผลให้ผู้ที่ได้รับมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งและโรคเรื้อรังในอนาคต
ฝุ่น PM 2.5 ผสานอินเวอร์ชั่นกลายเป็นความชิบหายของมนุษย์เมือง
โดยปกติแล้วคนเมืองเราปล่อยมลพิษเหล่านี้ออกสู่ชั้นบรรยากาศโลกในปริมาณที่มหาศาล แต่การสะสมของมันในเมืองนั้นยังอยู่ในระดับที่พอรับได้ขององค์การอนามัยโลก เนื่องจากระบบอากาศจะพัดพาเจ้าฝุ่นเหล่านี้ให้ลอยขึ้นไปเหนือตัวเมือง เราจึงไม่ค่อยเห็นหมอกควันพิษสะสมที่เ้กิดจากฝุ่นพวกนี้ในวันปกติ แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว เมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานครนั้นมีตึกคอนกรีตสูงเรียงรายอย่างมากมาย ตึกเหล่านี้คือตัวกักเก็บความร้อนเป็นอย่างดี ตึกเหล่านี้จึงคายความร้อนออกอย่างรวดเร็วในตอนกลางคืนทำให้อุณหภูมิของตึกลดลง ส่งผลให้อากาศรอบ ๆ ตึกลดลงตามไปด้วย เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น อากาศบริเวณนั้นก้ยังคงต่ำกว่าอยู่ดี อากาศที่อยู่เหนือตัวเมืองขึ้นไปจึงร้อนกว่าอากาศด้านล่าง (เพราะว่ามันได้รับรังสีความนร้อนจากดวงอาทิตย์มากกว่า) ส่งผลให้ เกิดปรากฎการณ์อินเวอร์ชั่น แถมตึกสูงของกรุงเทพเหล่านี้ก็ยังขวางเส้นทางลมที่ดีมาก ๆ อีกด้วย มันทำให้กระแสลมเคลื่อนที่ได้ไม่สะดวก แล้วคนกรุงก็ปล่อยมลพิษออกมาทั้งวันทั้งคืนอย่างไม่หยุดหย่อน นี่คือการรมควันให้กับประชาชนที่อยู่ในกรุงเทพมหานครอย่างอิ่มอร่อย (ควัน) เลยทีเดียว ซึ่งวัฏจักรนี้ก็ดำเนินอยู่ทุกปี ประชาชนผู้ใช้ชีวิตในกรุงเทพก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจแล้วสูดเหล่าฝุ่นพวกนี้เข้าไปให้เต็มปอดเท่านั้น
นอกจากกรุงเทพมหานครแล้ว เหตุการณ์รมควันหมู่เหล่านี้ก็สามารถเกิดได้ในหลายเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น เมืองเชียงใหม่ กรุงปักกิ่ง หรืออย่างอาบูดาบีก็พบกับปัญหาเหล่านี้เช่นกัน ในเมื่อตึกมันขึ้นมาและมนุษย์ก็เป็นผู้สร้างควันเหล่านั้นเหมือนวิธีแก้ปัญหาที่ประชาชนอย่างเรา ๆ จะทำได้คงจะมีแต่การซื้อหน้ากากอนามัยชนิด N95 มาสวมใส่เพื่อป้องกันเจ้าฝุ่นละเอียดเข้าไปในร่างกายแล้วก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกายเพียงเท่านั้น
ตัวการใหญ่ของฝุ่น PM 2.5
ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 นั้นเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์โดยทั้งสิ้น โดยตัวการหลักของฝุ่นละอองพวกนี้คือการคมนาคมและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งในกรุงเทพมีรถยนต์มากถึงเกือบ 10 ล้านคัน ซึ่งมากกว่าปริมาณที่ถนนจะรองรับได้อยู่ที่ 1.6 ล้านคัน เมื่อทุกคนใช้รถยนต์และนำรถออกจากบ้านพร้อม ๆ กัน พร้อมกับการออกแบบถนนและผังเมืองที่สวยงาม จึงเกิดสถานการณ์ที่เราเรียกว่า รถติด (ชิบหาย)
เมื่อรถยนต์ต้องอยู่บนท้องถนนนานขึ้น ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงก็ย่อมสูงขึ้นและทำให้ปริมาณควันไอเสียที่ปล่อยออกมาจากตัวรถยนต์แต่ละคันเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งไม่ใช่แค่รถยนต์เพียงแค่ไม่กี่คัน แต่เป็นนับแสนนับล้านคันที่ปล่อยมลพิษออกมาในแต่ละวัน นี่คือปัญหาหลักที่ทำให้เกิดมลพิษในอากาศในทุกวันนี้
หมอกควันเหล่านี้จะหายไปเมื่อใด
มีเพียงสองสถานการณ์ที่หมอกควันเหล่านี้จะลดลงจากอากาศภายในกรุงเทพคือ อุณหภูมิของอากาศทั้งสองชั้นกลับเข้าสู่สมดุลอีกครั้งหนึ่ง กับ ฝนตก ซึ่งการที่อุณหภูมิทั้งสองชั้นจะกลับเข้าสู่ภาวะนั้นได้ต้องเกิดจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น กระแสลม ความกดอากาศ ฤดูกาล ฯลฯ ดังนั้นกว่าปรากฏการณ์นี้จะหายไปจากท้องฟ้ากรุงเทพ เราก็คงได้แต่นั่งถูกรมควันแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงฤดูร้อนที่มีลมพัดแรงนั้นแหละ
อีกทางหนึ่งคือ ฝนตก เมื่อใดที่ฝนตก ฝุ่นละอองในอากาศจะถูกชะล้างไปพร้อมกับห่าฝนที่ตกลงมา อากาศก็จะสะอาดขึ้น หมอกควันที่เห็นจนชินตาก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ว่าปรากฏการณ์อินเวอร์ชั่นก็จะยังอยู่ มนุษย์ก็ยังคงกิจกรรมปล่อยควันเหล่านี้เหมือนเดิม หมอกควันก็จะกลับมาในวันรุ่งขึ้นที่ฝนไม่ตกเหมือนเดิม
ทางออกระยะยาวที่ดีที่สุดสำหรับปัญหาหมอกควัน
วิธีการแก้ปัญหาหมอกควันที่ดีและมีประสิทธิภาพสูงสุดคือการไม่เผาอะไรเลย เพราะการเผานั้นทำให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นผลิตภัณฑ์ (ที่เราไม่ต้องการ) จากการเผาไหม้
เราก็รู้ทางออกของปัญหานี้มาอย่างยาวนานแล้วแต่ว่าเรายังคงทำไม่ได้เพราะด้วยเรื่องของระบบเศรษฐกิจ เทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลง เรื่องของรัฐบาลที่ล้าหลังในการออกนโยบาย ซึ่งปัญหาพวกนี้มันเหมือนกับการที่รัฐบาลรวมถึงกลุ่มนายทุนไม่เคยสนใจผลกระทบของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังเกิดขึ้นอยู่จากสิ่งที่พวกเขาได้กระทำลงไปเลยแม้แต่น้อย เหมือนพวกเขาไม่เคยใส่ใจคุณภาพชีวิตของประชาชนเลยเพราะว่าหากพวกเขาตระหนักถึงปัญหาหมอกควันพวกนี้จริง พวกเขาจะออกนโยบายเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบและทำการวิจัยถึงวิธีในการแก้ปัญหาหมอกควันเหมือนดังประเทศจีนกำลังสู้กับหมอกควันอยู่ เพราะว่าคนเหล่านั้นเห็นถึงความสำคัญของประชาชนในประเทศ เห็นว่าพวกเขามีคุณค่าในเชิงเศรษฐกิจอย่างแท้จริงไม่เหมือนประเทศเรา ที่เห็นแนวทางในการแก้ไขแต่ไม่สนใจ
หากพวกเขาสนใจปัญหาสิ่งแวดล้อมจริงไม่ต้องถึงขั้นภาวะโลกร้อน แค่ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 รัฐบาลยังออกมาบอกว่าค่าฝุ่นละออง PM 2.5 จาก เว็บไซต์ Worldwide Air Quality ที่ 150-160 มคก./ลบ.ม. เป็นค่าที่เชื่อถือไม่ได้เพราะว่าวิธีในการตรวจวัดไม่เหมือนกับที่ทางกรมควบคุมมลพิษใช้ตรวจวัด ก็เป็นหนึ่งสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของรัฐบาลที่แสดงออกต่อประชาชนให้เห็น
ทางออกของปัญหามลพิษที่ดีที่สุดในตอนนี้คือการที่รัฐบาลตระหนักและเข้าใจปัญหาเหล่านี้อย่างแท้จริง และออกนโยบายในการป้องกันปราบปรามปัญหาฝุ่นละอองเหล่านี้อย่างเร่งด่วน เช่น ใน ปารีส หรือ ปักกิ่ง
หายไปจากประเทศไทย ไม่ได้หายไปจากโลกนี้
ต่อให้ปัญหาฝุ่นละอองภายในกรุงเทพลดลงจนหายไป แต่อย่าลืมว่า ฝุ่นละอองและหมอกควันที่เราสร้างขึ้นเหล่านี้มันไม่ได้หายไปไหนเลย มันก็ยังคงอยู่บนโลกใบนี้ โลกของเราใบนี้เหมือนเดิมอยู่ดี ซึ่งเจ้าพวกฝุ่นละอองและควันที่เราสร้างขึ้นมานี้นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้เกิดสภาวะเรือนกระจก ควันพวกนี้ลอยขึ้นไปสะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศ ดูดซับรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ ทำให้อุณหภูมิในชั้นบรรยากาศสูงขึ้น ทำให้เกิดสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง น้ำแข็งขั้วโลกละลาย หรือการที่ชั้นโอโซนที่คอยกรองรังสีอันตรายจากดวงอาทิตย์ถูกทำลาย หรือบางครั้งมันอาจถูกกลั่นไปพร้อมหยดน้ำกลายเป็นห่าฝนกรดลงมาทำลายสิ่งปลูกสร้างและธรรมชาติ
ฝุ่นละอองที่เราเห็นอยู่ทุกในกรุงเทพทุกวันนี้ เราควรตระหนักว่า ฝุ่นละอองเหล่านี้คือผลพวงจากการกระทำของมนุษย์ที่ใช้ชีวิตอยู่ภายในกรุงเทพทุกคน มิใช่โยนความผิดให้คนอื่นเหมือนที่เราทำกันมาโดยตลอด เมื่อเรายังไม่เห็นแม้แต่ต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริง เราก็คงไม่สามารถหาวิธีที่จะแก้ไขปัญหาได้ และคงต้องอยู่อาศัยกับปัญหาเหล่านี้ต่อไปเรื่อย ๆ พร้อมกับคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ลงทุกวัน การแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่แค่เพียงใครคนใดคนหนึ่งแก้ไขเท่านั้น แต่คือคนทุกคนที่ต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาเหล่านี้
สำหรับการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ในช่วงนี้ ประชาชนที่มีความเสี่ยงต่อโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจหรือผู้ป่วยที่มีโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เด็กเล็ก และผู้สูงอายุควรที่จะอยู่ภายในอาคารที่ปิดมิดชิด เมื่อออกภายนอกอาคารควรจะสวมหน้ากากอนามัยประเภท N95 เพื่อป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ควรลดระยะเวลาในการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์