วันที่ 13 ตุลาคม 2025 องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ NASA ได้เผยแพร่ประกาศบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ JPL Workforce Update ว่า Jet Propulsion Laboratory หรือ JPL ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของ California Institute of Technology หรือ Caltech จะดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรและลดจำนวนพนักงานลงประมาณ 550 ตำแหน่ง หรือราว 11% ของบุคลากรทั้งหมด โดยระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “การปรับสมดุลโครงสร้างองค์กร” ที่เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงกลางปี เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการบริหารจัดการและการดำเนินงานในระยะยาวของ JPL
ในแถลงการณ์ของ JPL ระบุว่า การปรับโครงสร้างครั้งนี้เป็นการ “กำหนดขนาดที่เหมาะสมต่อความสำเร็จในอนาคต” หรือ To Establish an Appropriate Size to Ensure Future Success ซึ่งสะท้อนถึงแนวทางเชิงกลยุทธ์ในการทำให้หน่วยงานมีความยืดหยุ่นและพร้อมรับต่อสภาวะทางงบประมาณที่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการยืนยันจากผู้บริหารระดับสูงว่า การตัดสินใจนี้ “ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสถานการณ์ Government Shutdown” ที่ส่งผลต่อหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่บริบททางเศรษฐกิจและการเมืองระดับชาติในขณะนี้ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อโครงสร้างงบประมาณของ NASA ทั้งระบบ ตามที่รายงานไปใน ส่องร่างงบ NASA และ NOAA ปี 2026 ตัดงบกว่าครึ่ง เสี่ยงยุบกล้อง Nancy Roman และ Mars Sample Return และ ยกเลิกโครงการ Lunar Gatway จรวด SLS และยาน Orion
Jet Propulsion Laboratory ยังคงมีภารกิจการสำรวจอวกาศที่ดูแลอยู่จำนวนมาก เช่น ยานสำรวจดาวเคราะห์น้อย Psyche, ยาน Europa Clipper ที่กำลังเดินทางไปยังดวงจันทร์ของดาวพฤหัสบดี, กล้องโทรทรรศน์อวกาศ Euclid ที่ร่วมกับ ESA เพื่อศึกษาสสารมืด, โรเวอร์ Perseverance บนดาวอังคาร และโครงสร้างพื้นฐานหลักอย่าง Deep Space Network ซึ่งทำหน้าที่สื่อสารกับยานอวกาศของมนุษย์ในระยะข้ามระบบสุริยะ

แม้ว่าการปรับโครงสร้างองค์กรในหน่วยงานวิจัยจะเป็นกระบวนการปกติที่เกิดขึ้นเป็นระยะ เพื่อให้การจัดสรรทรัพยากรสอดคล้องกับลำดับความสำคัญของโครงการ แต่ในกรณีของ JPL ครั้งนี้ สิ่งที่ทำให้เหตุการณ์มีความสำคัญเชิงระบบ คือจำนวนบุคลากรที่ได้รับผลกระทบและขอบเขตของตำแหน่งที่ครอบคลุมทั้งสายเทคนิค ธุรการ และการสนับสนุน ซึ่งอาจส่งผลต่อความต่อเนื่องขององค์ความรู้ในหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา
นี่นับว่าเป็นการเลิกจ้างครั้งใหญ่อีกครั้งหลังจากที่ในปี 2024 ที่ผ่านมาก็มีการเลิกจ้างในลักษณะเดียวกัน สรุปกรณี JPL ให้พนักงานออกครั้งใหญ่จากปัญหาด้านการเงิน ในปี 2024
ผลกระทบจากการตัดงบประมาณ NASA จำนวนมากในปีงบประมาณ
งบประมาณขององค์การ NASA เป็นงบประมาณประจำปี Annual Appropriation ที่ผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรสภายใต้บริบททางการเมือง เศรษฐกิจ และนโยบายระดับประเทศในแต่ละช่วงเวลา การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในสหรัฐฯ จึงมีผลโดยตรงต่อทิศทางของการลงทุนในโครงการวิทยาศาสตร์และการสำรวจอวกาศ ซึ่งมักจะสะท้อนให้เห็นผ่านการจัดสรรงบประมาณในแต่ละสมัยของรัฐบาล
สำหรับปีงบประมาณ 2026 ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาในรัฐสภา ข้อเสนอของฝ่ายบริหารได้ระบุการปรับลดงบประมาณของ NASA ลงประมาณ 24% จากระดับปีก่อนหน้า ซึ่งนับเป็นการลดงบในระดับที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ 66 ปีขององค์กร ตามการประเมินของ The Planetary Society การปรับลดดังกล่าวจะส่งผลให้โครงการวิทยาศาสตร์อย่างน้อย 41 โครงการถูกยกเลิก รวมถึงโครงการ Mars Sample Return ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา, ภารกิจ Juno ที่โคจรรอบดาวพฤหัสบดี, และกล้องโทรทรรศน์อวกาศ Nancy Grace Roman Space Telescope ที่อยู่ในขั้นตอนเตรียมประกอบขั้นสุดท้าย

ในเชิงโครงสร้าง การลดงบประมาณในระดับนี้ไม่ได้กระทบเฉพาะการดำเนินงานของ NASA ส่วนกลางเท่านั้น แต่ยังส่งแรงสั่นสะเทือนไปถึงศูนย์ปฏิบัติการภายใต้สัญญา เช่น JPL ซึ่งดำเนินการโดย Caltech ภายใต้สัญญาเชิงบริหารกับรัฐบาลกลาง การลดงบประมาณโครงการใดโครงการหนึ่งย่อมหมายถึงการลดภารกิจที่เกี่ยวข้อง และนำไปสู่การปรับโครงสร้างบุคลากรที่สอดคล้องกับขนาดของโครงการในที่สุด
นอกจากนี้ การถกเถียงทางการเมืองในสภาคองเกรสระหว่างฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ซึ่งนำไปสู่สถานการณ์ Government Shutdown ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม ได้ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อหน่วยงานที่พึ่งพางบประมาณของรัฐบาลกลาง โดยเฉพาะองค์กรด้านวิทยาศาสตร์ที่ไม่อยู่ในหมวด Essential Operations ส่งผลให้พนักงานจำนวนมากต้องหยุดงานชั่วคราว หรือ Furlough
อย่างไรก็ตาม NASA ยืนยันว่าการปรับลดบุคลากรของ JPL ในรอบล่าสุดนี้ “ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ Shutdown” แต่เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างระยะยาวเพื่อจัดลำดับความสำคัญของโครงการ โดยให้ทรัพยากรส่วนใหญ่ไปยังภารกิจที่ได้รับการอนุมัติให้ดำเนินต่อในปีงบประมาณถัดไป เช่น Europa Clipper, Artemis
ผลกระทบในวงกว้างต่อวงการวิทยาศาสตร์
การลดจำนวนพนักงานของ JPL ในรอบเดือนตุลาคม 2025 นับเป็นหนึ่งในมาตรการปรับโครงสร้างที่มีผลกระทบต่อบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์มากที่สุดในรอบหลายปีของสหรัฐฯ เนื่องจากลักษณะเฉพาะขององค์กร JPL ซึ่งมีสัดส่วนบุคลากรที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร และผู้เชี่ยวชาญเชิงเทคนิคจำนวนมาก การลดบุคลากรราว 550 ตำแหน่งจึงหมายถึงการสูญเสียองค์ความรู้เชิงลึกในหลายแขนง

มีรายงานว่ามีการเคลื่อนไหวจากภาคประชาชนและสมาคมวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนทิศทางนโยบายงบประมาณของ NASA และ JPL โดยเฉพาะในส่วนของโครงการวิทยาศาสตร์พื้นฐาน หรือ Fundamental Science ที่ไม่สามารถดำเนินการได้โดยเอกชน หนึ่งในเสียงเรียกร้องสำคัญมาจาก Bill Nye ประธานมูลนิธิ The Planetary Society ซึ่งได้เดินทางไปยื่นหนังสือและแถลงต่อสภาคองเกรส เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลคงงบประมาณของโครงการ Mars Sample Return และ Nancy Grace Roman Space Telescope รวมถึงให้พิจารณาความสำคัญของการลงทุนในองค์ความรู้ระยะยาวของประเทศ
นอกจาก The Planetary Society แล้ว สมาคมนักดาราศาสตร์อเมริกัน AAS และสหภาพพนักงานด้านวิทยาศาสตร์บางแห่ง ยังได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อ “แนวโน้มการลดทอนขีดความสามารถของรัฐ” ในการดำเนินโครงการสำรวจอวกาศ ซึ่งอาจทำให้สหรัฐฯ สูญเสียบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ในเวทีวิทยาศาสตร์โลก และเปิดช่องให้ภาคเอกชนหรือประเทศอื่นเข้ามาแทนที่ในด้านการสำรวจเชิงลึก
ในมิติที่กว้างกว่า การ Layoff ของ JPL รอบนี้จึงไม่ใช่เพียงประเด็นด้านแรงงานในองค์กรเท่านั้น แต่เป็น “สัญญาณเตือน” ของสมดุลใหม่ระหว่าง รัฐ–วิทยาศาสตร์–เอกชน ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ การรักษาความต่อเนื่องขององค์ความรู้ในสาขาอวกาศจึงกลายเป็นโจทย์ทางยุทธศาสตร์ที่ต้องตอบให้ได้ ไม่เพียงในเชิงเทคโนโลยี แต่รวมถึงในระดับนโยบายวิทยาศาสตร์ของประเทศทั้งหมดด้วย
เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co