อัพเดทความคืบหน้าการสร้าง Lunar Gateway ปลายปี 2026 โมดูลแรกเกือบสมบูรณ์

ถ้าย้อนกลับไปช่วงต้นปี 2025 เชื่อว่าหลายคนยังจำได้ว่าเราเคยรายงานอัพเดทความคืบหน้าของสองโมดูลหลักฝั่งสหรัฐฯ ของโครงการ Lunar Gateway ไปแล้วรอบหนึ่งในบทความ อัพเดทการสร้าง Lunar Gateway ต้นปี 2025 โมดูลสหรัฐฯ เตรียมถูกส่งมอบ ตอนนั้นภาพรวมยังเป็นงานโครงสร้าง งานระบบ และชิ้นส่วนที่ยังแยกกันอยู่เป็นส่วน ๆ จนกระทั่งเดือนเมษายน 2025 โมดูล HALO ถูกขนส่งมาถึงสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ ภาพของสถานีอวกาศรอบดวงจันทร์ที่เคยดูเป็นแค่คอนเซป ก็เริ่มจับต้องได้มากขึ้น และในช่วงปลายปีเดียวกันนี้ โมดูล PPE ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นจนเรียกได้ว่าใกล้เข้าสู่ช่วงปลายของการประกอบแล้ว

โมดูล HALO ถูกส่งมายังสหรัฐฯ ในโรงงานของ Northrop Grumma ในเดือนเมษายน 2025 ที่มา – NASA

ในบทความนี้เราจะมาอัพเดทกันว่าสถานีอวกาศรอบดวงจันทร์ของมนุษยชาติแห่งนี้คืบหน้าไปถึงไหนแล้วในช่วงท้ายปี 2025 ตั้งแต่งานโครงสร้างที่เริ่ม “ประกอบเป็นสถานีจริง” มากกว่าการเป็นชิ้นส่วนแยกกัน ไปจนถึงระบบพลังงานและขับดันที่ถือเป็นหัวใจของ Gateway พร้อมไล่เรียง Timeline สำคัญตลอดปีที่ผ่านมา

HALO และ PPE หัวใจคู่ของ Gateway

ถ้าจะอธิบาย Gateway ให้เห็นภาพง่าย ๆ HALO คือ “พื้นที่อยู่อาศัย” ส่วน PPE คือ “สมองและหัวใจ” ของสถานี HALO หรือ Habitation and Logistics Outpost จะเป็นโมดูลทรงกระบอกสำหรับให้นักบินอวกาศพักอาศัย ทำงาน เก็บเสบียง และเป็นจุดเชื่อมต่อกับยานอื่น ๆ ในอนาคต ขณะที่ PPE หรือ Power and Propulsion Element ทำหน้าที่ทั้งผลิตพลังงานไฟฟ้า ควบคุมทิศทาง และขับดันสถานีให้เคลื่อนที่ไปยังวงโคจรรอบดวงจันทร์

ภาพจำลองโมดูล PPE และ HALO เชื่อมต่อกันและกำลังเดินทางสู่ดวงจันทร์ด้วย AEPS Thrusters ที่มา – NASA

สองโมดูลนี้จะถูกปล่อยขึ้นไป “พร้อมกัน” บนเที่ยวบินเดียว ด้วยจรวด Falcon Heavy ของ SpaceX โดยต้องใช้ Payload Fairing แบบ Extended Fairing เพื่อรองรับขนาดและความยาวของโครงสร้างที่นำ HALO กับ PPE มาประกบรวมกันตั้งแต่บนโลก นี่ถือเป็นการปล่อยชิ้นส่วนสถานีอวกาศแบบครบระบบในเที่ยวเดียว ซึ่งลดความซับซ้อนด้านการประกอบในอวกาศไปได้มาก

ROSA แผงโซลาร์ที่ทำให้ Gateway “มีชีวิต”

หนึ่งในความสำเร็จที่สำคัญของปี 2025 คือการทดสอบแผง Solar Arrays แบบ ROSA หรือ Roll-Out Solar Arrays ที่พัฒนาโดยบริษัท Redwire โดยในเดือนมิถุนายน 2025 Redwire ได้ทำการทดสอบ ROSA สำหรับ Gateway ที่เมือง Goleta รัฐแคลิฟอร์เนีย ROSA เป็นแผงโซลาร์ที่ไม่กางแบบพับแข็งเหมือนยุคก่อน แต่ใช้หลักการม้วนเก็บแล้ว “คลี่ออก” ในอวกาศ ทำให้ได้อัตราส่วนพลังงานต่อน้ำหนักที่สูงมาก

การทดสอบแผงพลังงานแบบม้วนได้ ROSA สำหรับ Lunar Gateway ในเดือนมิถุนายน 2025 ที่มา – Redwire

เหตุผลที่ ROSA สำคัญกับ PPE ไม่ใช่แค่เรื่องไฟฟ้าสำหรับระบบทั่วไป แต่เพราะ PPE ใช้ Electric Propulsion ซึ่งต้องการพลังงานไฟฟ้าปริมาณสูงและต่อเนื่อง ROSA ชุดนี้จะเป็นแหล่งพลังงานหลักให้กับทั้งสถานี Gateway และระบบขับดันไฟฟ้าที่ใช้ปรับวงโคจรใน Cislunar Space น่าสนใจตรงที่ ROSA แบบเดียวกันนี้ถูกใช้งานจริงมาแล้ว ทั้งในสถานีอวกาศนานาชาติ และในภารกิจ DART ของ NASA ซึ่งเป็นเหมือนมรดกทางวิศวกรรมที่สำคัญก่อนจะเดินทางมาใช้งานบนสถานีอวกาศแห่งอนาคตของมนุษยชาติ

AEPS เครื่องยนต์ไฟฟ้ากำลังสูงของ Gateway

ถัดมาในเดือนสิงหาคม 2025 มีอีกหนึ่งภาพที่สะท้อนความคืบหน้าเชิงระบบอย่างชัดเจน เมื่อช่างเทคนิคของ Lanteris Space Systems ใน Palo Alto รัฐแคลิฟอร์เนีย เริ่มนำ Advanced Electric Propulsion System หรือ AEPS Flight Thruster ตัวแรกจากทั้งหมดสามตัว ออกจากกล่องขนส่ง หลังจากส่งมอบมาจาก NASA Glenn Research Center เครื่องยนต์เหล่านี้ผ่านการทดสอบ Acceptance Testing มาแล้ว และเตรียมเข้าสู่ขั้นตอน Integration กับตัว PPE

AEPS ตัวแรกของ Gateway ได้รับการส่งมอบมายัง Lanteris Space Systems ในแคลิฟอร์เนีย ที่มา – NASA

AEPS คือหัวใจของความสามารถ “ขยับตัว” ของ Gateway มันคือเครื่องยนต์ไฟฟ้ากำลังสูงที่ใช้ไอออนหรือพลาสมาเป็นแรงขับ ให้แรงดันต่ำแต่ทำงานได้นานมาก เหมาะกับการค่อย ๆ ปรับวงโคจรจาก Earth-Moon Transfer ไปสู่วงโคจรเป้าหมายรอบดวงจันทร์ และการรักษาตำแหน่งในระยะยาว ถ้าไม่มี AEPS Gateway ก็จะกลายเป็นโครงสร้างนิ่ง ๆ ที่พึ่งพาการผลักจากยานอื่นอย่างเดียว

ทีมงานขณะกำลังทดสอบตัว AEPS ตัวที่สามของ Gateway ก่อนนำส่งไปประกอบกับ PPE ที่มา – NASA

โดยขอทบทวนความรู้กันเล็กน้อย วงโคจรที่ Gateway จะไปอยู่นั้นก็คือ Near-Rectilinear Halo Orbit หรือ NRHO ซึ่งไม่ใช่วงโคจรกลม ๆ รอบดวงจันทร์แบบที่เราคุ้นเคย แต่เป็นวงโคจรที่ยืดตัวมาก คล้ายหยดน้ำ โดยตัวสถานีจะเข้าใกล้ขั้วดวงจันทร์ด้านหนึ่งมาก ๆ ก่อนจะเหวี่ยงตัวออกไปไกลในอีกด้านหนึ่ง วงโคจรแบบนี้อาศัยสมดุลแรงโน้มถ่วงระหว่างโลกกับดวงจันทร์ ทำให้ใช้พลังงานในการรักษาวงโคจรต่ำ เหมาะกับสถานีที่ต้องอยู่ระยะยาว ขณะเดียวกันก็เปิดมุมมองและเส้นทางการเข้าถึงที่ดีทั้งต่อพื้นผิวดวงจันทร์ โดยเฉพาะบริเวณขั้วใต้ และต่อห้วงอวกาศลึก

ภาพล่าสุดของ PPE จากโรงงานในแคลิฟอร์เนีย

และในช่วงปลายเดือนกันยายน 2025 NASA ได้เผยภาพชุดล่าสุดของ PPE ที่ประกอบขึ้นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ภายในโรงงานของ Lanteris Space Systems ที่ Palo Alto ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการประกอบโมดูลนี้ ภาพเหล่านี้แสดงให้เห็นโครงสร้างหลัก ระบบยึดแผงโซลาร์ และตำแหน่งติดตั้ง Thruster อย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น Lanteris เองก็อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ หลังจาก Intuitive Machines ประกาศแผนเข้าซื้อกิจการ เพื่อนำความเชี่ยวชาญด้านโครงสร้างอวกาศมาเสริม Ecosystem ด้าน Lunar Exploration ของตัวเอง

PPE ในโรงงานของ Lanteris Space Systems ที่ Palo Alto ที่มา – NASA

NASA Glenn Research Center เป็นแกนหลักในการนำองค์ความรู้ด้าน Electric Propulsion มาพัฒนาร่วมกับ Maxar Technologies เพื่อสร้าง PPE ให้เป็นมากกว่าระบบจ่ายไฟทั่วไป ตัวโมดูลถูกออกแบบให้ผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ราว 60 กิโลวัตต์ ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับระบบของสถานีเท่านั้น แต่ยังใช้ขับเคลื่อนระบบ Solar Electric Propulsion ที่อาศัยการ Ionize และเร่งก๊าซ Xenon ด้วยพลังงานจากดวงอาทิตย์ แนวคิดนี้ต่อยอดจากภารกิจ Electric Propulsion ที่ประสบความสำเร็จมาก่อนหน้าอย่าง DART ทำให้ PPE ใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่าระบบเคมีแบบดั้งเดิมอย่างมหาศาล ลดมวล Propellant ได้ถึงระดับที่เปลี่ยนสมการต้นทุนภารกิจไปโดยสิ้นเชิง

เจ้าหน้าที่ถ่ายภาพร่วมกับโมดูล PPE ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2025 ที่มา – NASA

เมื่อกาง ROSA ทั้งสองชุดออกเต็มที่ แผงโซลาร์จะมีพื้นที่รวมใกล้เคียงสนามอเมริกันฟุตบอล และทำให้ PPE กลายเป็นแหล่งพลังงานกลางของ Gateway ทั้งในด้านการสื่อสารความเร็วสูงระหว่างดวงจันทร์ โลก และสถานี รวมถึงการรองรับโมดูลจากนานาชาติในอนาคต โดยก่อนจะออกเดินทาง PPE จะถูกประกบรวมกับ HALO ที่ Kennedy Space Center แล้วปล่อยขึ้นด้วย Falcon Heavy จากนั้นใช้เวลาราวหนึ่งปีในการเดินทางผ่าน Deep Space ค่อย ๆ ไต่ระดับเข้าสู่วงโคจร NRHO รอบดวงจันทร์

ภาพจำลองการประกอบ PPE และ HALO เข้ากับ I-HAB โดยใช้ยาน Orion บรรทุก I-HAB ไป ที่มา – NASA

ถ้ามองข้ามฝั่งไปยุโรป โมดูล I-HAB ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายพื้นที่อยู่อาศัยของ Gateway ยังคงอยู่ในโรงงานของ Thales ในอิตาลี แม้ยังไม่ถึงขั้นขนส่ง แต่ก็มีอัพเดทสำคัญในระดับ Mission Architecture เพราะภารกิจ Artemis IV ถูกวางไว้ให้ใช้ยาน Orion บรรทุก I-HAB ขึ้นไปเชื่อมต่อกับ HALO โดยตรง ในเดือนพฤศจิกายน 2025 European Space Agency ได้ส่งมอบ European Service Module หรือ ESM สำหรับ Artemis IV ให้กับ NASA แล้ว ขณะที่ตัวแคปซูล Orion สำหรับภารกิจเดียวกันก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการสร้างอย่างเป็นทางการ เปิดแผน Artemis IV ภารกิจสร้าง Lunar Gateway

ชิ้นส่วน European Service Module สำหรับภารกิจ Artemis IV ที่จะใช้ในการประกอบ I-HAB กับ Lunar Gateway ที่มา – Airbus

ในภารกิจ Artemis IV เมื่อ Orion เดินทางออกจากโลกพร้อมโมดูล I-HAB ซึ่งถูก dock มากับ Orion ตั้งแต่ต้น โดยใช้ SLS Block 1B เป็นพาหนะหลัก เมื่อ Orion มาถึง Gateway นักบินอวกาศจะทำการเชื่อม I-HAB เข้ากับ HALO ทำให้สถานีขยายพื้นที่อยู่อาศัยและเริ่มรองรับการปฏิบัติงานระยะยาว จากจุดนี้ Gateway จะกลายเป็น hub เต็มรูปแบบ รองรับทั้งการพักอาศัย การทดลอง และการถ่ายโอนภารกิจ โดยมี Starship Human Landing และ Dragon XL ทำหน้าที่เสริมด้านการลงจอดและโลจิสติก

Gateway จากภาพร่าง สู่โครงสร้างจริง

เมื่อเอาภาพทั้งหมดมาร้อยเรียงกัน ตั้งแต่ HALO ที่มาถึงสหรัฐฯ การทดสอบ ROSA การส่งมอบ AEPS จนถึงภาพ PPE ล่าสุด ปลายปี 2025 คือช่วงที่ Lunar Gateway เปลี่ยนสถานะจาก “โครงการในเอกสาร” ไปสู่ “ฮาร์ดแวร์ที่จับต้องได้” อย่างแท้จริง และถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน การปล่อย HALO-PPE บน Falcon Heavy จะไม่ใช่แค่การปล่อยโมดูลสถานีอวกาศ แต่คือการเปิดฉากยุคใหม่ของโครงสร้างถาวรมนุษย์ใน Cislunar Space ที่จะเป็นฐานสำคัญของ Artemis และภารกิจดวงจันทร์ในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า

มองสถาปัตยกรรมของ Lunar Gateway ทำไมโมดูลถึงเล็กกว่าของสถานีอวกาศนานาชาติ

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.