NARIT เปิดตัวกล้อง VGOS ศึกษาธรณีภาคโดยอาศัยวัตถุบนท้องฟ้า กับจีนอย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2025 สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) เปิดใช้งานกล้องโทรทรรศน์วิทยุแบบ VLBI Geodetic Observing System (VGOS) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 13 เมตร ณ ห้วยฮ่องไคร้ เชียงใหม่ ข้าง ๆ กับกล้อง Thai National Radio Telescope หรือ TNRO ขนาด 40 เมตร ซึ่งเราเคยพาทุกคนไปชมกล้อง TNRO แล้วตั้งแต่ปี 2021 ตอนที่เปิดใหม่ ๆ ในบทความ Thai National Radio Telescope พาชมกล้องโทรทรรศน์วิทยุของคนไทย 40 เมตร

แต่กล้อง VGOS ขนาด 13 เมตรตัวล่าสุดนี้คือหนึ่งในกล้องรุ่นใหม่ล่าสุดในเครือข่าย VLBI โลก และเป็นแห่งแรกของไทย ภายใต้ความร่วมมือกับหอดูดาวเซี่ยงไฮ้ Shanghai Astronomical Observatory สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน Chinese Academy of Sciences

กล้องนี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อถ่ายภาพกาแล็กซี หรือซูเปอร์โนวา เหมือนกับกล้องอื่น ๆ ของ NARIT มันถูกออกแบบมาเพื่อรับคลื่นวิทยุ จากแหล่งกำเนิดห่างไกลในเอกภพ แล้วใช้เทคนิคที่เรียกว่า Very Long Baseline Interferometry หรือ VLBI ในการเทียบสัญญาณระหว่างกล้องสองตัวขึ้นไป ทำให้สามารถระบุตำแหน่งของตัวกล้องเองบนพื้นโลกได้แม่นยำถึงระดับมิลลิเมตร และนี่คือหัวใจของ “Geodetic VLBI”

ตัวแทนจากไทยและจีนถ่ายภาพร่วมกันในพิธีเปิด กล้อง VGOS ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2025 ที่มา – NARIT

Geodesy หรือภูมิมาตรศาสตร์ คือศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการวัดและทำความเข้าใจรูปร่างของโลก ตำแหน่งในอวกาศ การเคลื่อนที่ของเปลือกโลก ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงของแกนหมุนและสนามโน้มถ่วง ซึ่งล้วนเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ถูกใช้โดยทั้งนักดาราศาสตร์ นักธรณีฟิสิกส์ และระบบนำทาง GPS ที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน

การทำงานของจานรับสัญญาณวิทยุตัวใหม่

VGOS ทำงานโดยรับสัญญาณคลื่นวิทยุย่าน S-band (2–4 GHz) และ X-band (8–14 GHz) จากวัตถุที่เรียกว่า Quasars ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดคลื่นวิทยุที่อยู่ห่างออกไปหลายพันล้านปีแสง แล้วเปรียบเทียบความต่างของเวลาในการรับสัญญาณจากกล้องแต่ละแห่งบนโลก ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาคำนวณตำแหน่งของแต่ละกล้องได้แม่นยำอย่างเหลือเชื่อ ในระดับที่สามารถวัดการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกเพียงไม่กี่มิลลิเมตรต่อปี

ข้อมูลจาก VGOS ยังนำไปใช้คำนวณ Earth Orientation Parameters หรือ EOP ได้ เช่น ความเร็วในการหมุนของโลก หรือทิศทางของแกนหมุนเมื่อเทียบกับอวกาศ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญกับทั้งการวางแผนการปล่อยยานอวกาศ และการทำนายปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ต่าง ๆ

กล้องโทรทรรศน์วิทยุขนาด 13 เมตร ข้าง ๆ กับ TNRO ที่เปิดใช้งานมาได้หลายปีแล้ว ที่มา – NARIT

เชียงใหม่นั้นมีพื้นที่ “ราบในหุบเขา” ที่มีการรบกวนคลื่นวิทยุต่ำ เหมาะกับการสังเกตการณ์วิทยุดาราศาสตร์ ในเชิงภูมิศาสตร์การเมือง การที่จีนเลือกลงทุนร่วมตั้ง VGOS ที่ไทย สาธารณรัฐประชาชนจีนมีเครือข่ายกล้อง VLBI ของตัวเองอยู่แล้ว เช่น Tianma ขนาด 65m และ Sheshan ขนาด 25m แต่การขยายเครือข่ายมายังประเทศไทย ทำให้จีนสามารถเข้าร่วมโครงการ Geodetic และดาราศาสตร์วิทยุระดับโลกได้แบบมี “Baseline” ที่หลากหลายมากขึ้น

ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้ประโยชน์จากการเข้าระบบมาตรฐานสากลทั้งทางข้อมูลธรณีวิทยาและดาราศาสตร์ และอาจใช้เป็นหนึ่งในฐานข้อมูลหลักในการตรวจจับความเสี่ยงแผ่นดินไหวในภูมิภาค แม้จะมีการเน้นว่า VGOS สามารถใช้ทำนายแผ่นดินไหวได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันอาจไม่ได้แม่นถึงขั้นบอกล่วงหน้าว่าจะเกิดแผ่นดินไหววันไหน แต่สิ่งที่มันทำได้ คือการให้ข้อมูลพื้นฐานว่าพื้นผิวโลกในแต่ละจุด “ขยับ” อย่างไร ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่นักธรณีฟิสิกส์จะนำไปใช้สร้างแบบจำลองการเคลื่อนไหวของเปลือกโลก และประเมิน “ความเครียด” ที่สะสมอยู่บนรอยเลื่อนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใครที่สนใจในประเด็นนี้แนะนำให้อ่าน แผ่นดินไหวในไทย ภัยพิบัติที่ชาติหนึ่งจะเกิดสักครั้ง จริงเหรอ สรุปทุกสิ่งที่ต้องรู้

ก่อนหน้านี้ในปี 2024 NARIT นั้นเคยมีประสบการณ์ในการเชื่อมกล้อง TNRO 40 เมตรของเราเข้ากับเครือข่าย VLBI กับกล้องของเยอรมนีมาแล้ว ตามที่ได้ประกาศไว้ใน Dawn of Radio Astronomy with Very Long Baseline Interferometry in Thailand

VGOS แห่งที่สองของประเทศไทย

เราเคยรายงานความคืบหน้าของ VGOS ของไทยไปในบทความ สรุปกิจกรรมในวงการอวกาศไทย 2024 เมื่อไทยหันร่วมมือสำรวจอวกาศกับจีนมากขึ้น ซึ่งก็ได้บอกว่า NARIT วางแผนจะติดตั้ง VGOS แห่งที่สองที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อสร้าง “Baseline” ระยะไกลในประเทศเองได้ทันที การมีกล้องสองตัวที่อยู่ห่างกันกว่า 1,200 กิโลเมตรจะทำให้สามารถวัดการเคลื่อนไหวเปลือกโลกในประเทศไทยเองได้ โดยไม่ต้องรอการเปรียบเทียบกับต่างประเทศ

ดร. วิภู รุโจปการ รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ นำทีมจากสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน ชมห้องปฏิบัติการของ NARIT ที่เชียงใหม่ ในวันพิธีเปิดตัว ที่มา – NARIT

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความร่วมมือด้านอวกาศระหว่างประเทศไทยและจีนเริ่มมีพัฒนาการที่น่าจับตา โดยเฉพาะผ่านบทบาทของ NARIT หรือสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งไม่ใช่แค่ทำงานด้านดาราศาสตร์บนพื้นโลกเท่านั้น แต่กำลังขยับขยายไปสู่การเป็นพันธมิตรสำคัญในโครงการสำรวจอวกาศระดับโลก โดยมีทั้งโครงการ MATCH และ ALIGN เป็นกรณีศึกษาสำคัญที่สะท้อนบทบาทใหม่นี้ได้ชัดเจน ALIGN เครื่องมือไทยที่จะถูกส่งไปยังดวงจันทร์พร้อมกับ Chang’e 8

ความสัมพันธ์ระหว่าง NARIT กับจีนในวันนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการแลกเปลี่ยนนักวิจัยหรือการเข้าร่วมประชุมวิชาการอีกต่อไป แต่มันคือการร่วมวางรากฐานให้ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของภูมิภาคเอเชียในการสำรวจอวกาศ ทั้งในเชิงข้อมูล เชิงเทคนิค

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.