Government Shutdown คือ เหตุการณ์เมื่อฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐบาลไม่ให้ผ่านร่างงบประมาณซึ่งใช้ในการดำเนินงานของหน่วยงานราชการของรัฐบาล ในกรณีของรัฐบาลสหรัฐฯ นั้น Government Shutdown จะเกิดขึ้นเมื่อสภาคองเกรส (Congress) ซึ่งถืออำนาจนิติบัญญัติของรัฐบาล ไม่ให้ผ่านร่างงบประมาณหรือที่เรียกว่า “Appropriations Bill” ต่อปีงบประมาณ โดยร่างงบประมาณจะต้องผ่านใหม่ทุกปี เพื่อให้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีงบประมาณในการจ่ายให้กับหน่วยงานราชการทุกหน่วยงาน
รู้จัก Government Shutdown ในรัฐบาลสหรัฐฯ
รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าอำนาจในการจัดสรรงบประมาณรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (Federal funding) เป็นของ Congress แต่เพียงผู้เดียว โดย Congress มีหน้าที่เสนอร่างงบประมาณ และ Congress เองจะเป็นผู้อนุมัติร่างงบประมาณดังกล่าวผ่านการโหวตทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เมื่อได้รับการอนุมัติจากทั้งสองสภาแล้ว ร่างงบประมาณดังกล่าวจะถูกส่งไปยังประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะต้องรับรองร่างงบประมาณดังกล่าวก่อนที่จะเป็นร่างสุดท้าย ทั้งนี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีอำนาจในการตีกลับร่างงบประมาณดังกล่าว หรือที่เรียกว่า “Veto” เพื่อให้ Congress แก้ไขร่างงบประมาณใหม่
กลไกนี้ทำให้เกิดสมดุลทางอำนาจระหว่างอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหาร กล่าวคือ ประธานาธิบดีไม่สามารถบงการงบประมาณตามใจชอบได้ เนื่องจากงบประมาณจะต้องมาจาก Congress เท่านั้น ขณะเดียวกัน Congress ก็ไม่สามารถผ่านงบประมาณได้หากประธานาธิบดีไม่เห็นด้วยและ Veto ร่างงบประมาณ มีข้อยกเว้นคือ Congress สามารถโต้การ Veto ของประธานาธิบดีได้ด้วยเสียงข้างมาก 2 ใน 3 ซึ่งจะเป็นการบังคับให้รัฐบาลใช้ร่างงบประมาณดังกล่าว แต่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้ง

ภายในกลไกนี้ Congress และประธานาธิบดีสหรัฐฯ มักจะประนีประนอมกันในที่สุดเพื่อให้ร่างงบประมาณผ่านได้ก่อนปีงบประมาณใหม่ อย่างไรก็ตาม ในหลายกรณี ทั้งคู่ไม่สามารถประนีประนอมเพื่อผ่านงบประมาณได้จนเริ่มปีงบประมาณใหม่แล้ว แต่ร่างงบประมาณยังไม่ผ่าน ทำให้รัฐบาลกลางไม่มีงบประมาณในการใช้จ่ายในหน่วยงานราชการ นำไปสู่ Government Shutdown
คำว่า “Government Shutdown” จริง ๆ แล้ว เป็น “ผล” ไม่ใช่ “เหตุ” โดยเหตุจริง ๆ คือ “Lapse in funding” หรือ “Funding gap” ซึ่งแปลว่าการขาดงบประมาณหรือช่องว่างระหว่างงบประมาณ ภายใต้กฎหมาย Antideficiency Act ซึ่งมีที่มาที่ไปมาช้านาน โดยมีกฎหมายคล้ายกันเกิดขึ้นมาในช่วงปี 1870 ระบุว่ารัฐบาลกลางสหรัฐฯ ไม่สามารถใช้จ่ายเกินงบประมาณที่ตนได้รับจัดสรรได้ หากจะพูดให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ไม่สามารถติดหนี้ได้ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่หน่วยงานราชการของรัฐบาลกลางฯ เช่น กองทัพฯ ตั้งใจใช้งบประมาณให้หมด ติดหนี้ แล้วหงายการ์ด “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” ซึ่งเป็นการมัดมือชก Congress เนื่องจากต้องมาอนุมัติงบประมาณมาจ่ายหนี้
ภายใต้ Antideficiency Act นี้เองมีผลค้างเคียงคือหน่วยงานราชการของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ใด ๆ ที่พึ่งงบประมาณกลางในการใช้จ่ายจะ “ไม่มีเงิน” เมื่อร่างงบประมาณไม่ผ่าน ทำให้ไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงานของตัวเอง ไม่มีเงินจ่ายผู้รับเหมาต่าง ๆ หรือเรียกได้ว่าไม่มีเงินจ่ายอะไรเลยและไม่สามารถติดหนี้ด้วยการบอกว่าจะจ่ายทีหลังได้ด้วย นอกจากนี้ยังส่งผลถึงประชาชนทั่วไปด้วย เนื่องจากหน่วยงานราชการของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะปิดทั้งหมด
ข้อยกเว้นของ Government Shutdown คือ เจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการของรัฐบาลกลางซึ่งมีหน้าที่ที่สำคัญต่อชีวิตจะยังต้องทำงานต่อไปโดยไม่ได้รับเงินเดือน (furlough) เช่น แพทย์และพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐบาลกลาง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายภายใต้รัฐบาลกลาง (เช่น FBI) ทหารกองประจำการ และเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศเป็นต้น หน่วยงานราชการอื่น ๆ อาจมีส่วนงานที่ได้รับการยกเว้น โดยให้มี “Skeleton crew” หรือจำนวนพนักงานในระดับที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะรักษาการทำงานของหน่วยงานดังกล่าวได้ หนึ่งในนั้นก็คือ NASA

Government Shutdown ครั้งล่าสุดในสหรัฐฯ คือเมื่อปี 2018 ถึง 2019 ในรัฐบางของ Donald Trump ซึ่งไม่สามารถผ่านงบประมาณได้จนทำให้เกิด Government Shutdown เป็นระยะเวลากว่า 35 วัน นานที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นมา เป็นเหตุให้พนักงานหน่วยงานราชการกลางกว่า 800,000 คน ไม่สามารถทำงานได้และไม่ได้รับเงินเดือน โดย Shutdown ครั้งนี้เกิดจาก Trump ไม่รับร่างงบประมาณจาก Congress ซึ่งไม่ได้จัดสรรงบประมาณสำหรับการสร้างกำแพงชายแดน Mexico
หลายคนอาจจะสงสัยว่าถ้าเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ของหน่วยงานราชการไม่ได้เงินเดือนแล้ว หลังจาก Government Shutdown สิ้นสุดลง จะได้เงินเดือนคืนหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าได้
เมื่อเกิด Government Shutdown แล้ว NASA รับมืออย่างไร
การระบุว่าผู้ใดในหน่วยงานราชการของรัฐบาลกลางเป็น “Essential worker” หรือ “พนักงานที่มีความจำเป็น” นั้นเป็นหน้าที่ของหน่วยงานราชการนั้น ๆ โดยพนักงานที่มีสถานะเป็น Essential worker จะได้รับการยกเว้นจากการ Furlough ระหว่าง Government Shutdown โดย NASA ได้ระบุ Essential worker ไว้ดังนี้
เจ้าหน้าที่ที่มีความจำเป็นต่อการรักษาชีวิตและการดูแลการหยุดการทำงานชั่วคราวของ NASA ระหว่างการ Shutdown รวมถึงพนักงานในกิจกรรมอื่น ๆ ที่ได้รับการยกเว้นมีดังนี้
- เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบอุปกรณ์ในการปล่อยยานอวกาศซึ่งมีความสำคัญต่อชีวิตและทรัพย์สิน
- เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลการติดตาม ภารกิจ และการสนับสนุนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) รวมถึงการดูแลดาวเทียมที่มีความสำคัญต่อชีวิตและทรัพย์สิน
- เจ้าหน้าทึ่ผู้ดูแลโครงการวิจัยซึ่งอาจได้รับความเสียหายหรือก่อให้เกิดความเสียหายจากการระงับการทำงานของ NASA ชั่วคราว
ทั้งนี้ ไม่ได้แปลว่าทีมที่ทำงานดังกล่าวทุกคนจะได้รับการยกเว้นและให้ทำงานต่อไป แต่เป็นการให้มีเจ้าหน้าที่จำนวนน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น (Skeleton crew) ต่อการดำเนินงานเท่านั้น เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ จะถูก Furlough และไม่สามารถทำงานได้ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เหล่านี้ ไม่สามารถอาสาทำงานฟรีได้แม้จะอยากทำต่อโดยไม่ได้เงินเดือนก็ตาม

ตัวอย่างของโครงการวิจัยซึ่งอาจได้รับความเสียหายหรือก่อให้เกิดความเสียหายจากการระงับการทำงานของ NASA ชั่วคราวก็คือยานสำรวจอวกาศต่าง ๆ ซึ่งมี Timeline ที่ชัดเจนและไม่สามารถแก้ไขในภายหลังได้ ยกตัวอย่างเช่น กรณีของยาน OSIRES-REx ในช่วงการ Shutdown ระหว่างปี 2018 ถึง 2019 ซึ่งคร่อมช่วงที่ยาน OSIRES-REx จะเข้าสู่วงโคจรของดาวเคราะห์น้อยเบนนู (Bennu) ทีมภารกิจส่วนหนึ่งของ OSIRES-REx ก็ถูกระบุให้เป็น “Essential Worker” เพื่อดูแลการเข้าสู่วงโคจรของ OSIRES-REx

เจ้าหน้าที่ของ NASA ที่ไม่ได้รับการยกเว้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาใช้สถานที่ทำงานของ NASA รวมถึงทรัพยากรอื่น ๆ ของ NASA เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัวที่ให้โดย NASA ทั้งนี้ เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย Antideficiency Act
แน่นอนว่า Government Shutdown นั้นส่งผลต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของ NASA เนื่องจากปริมาณของเจ้าหน้าที่เรียกได้ว่าเหลือต่ำกว่า 10% ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ในช่วงการ Shutdown 2018-2019 นั้น รายงานจาก NASA ผ่านการขอข้อมูล FOIA (Freedom of Information Act) ระบุว่า ระหว่างการ Shutdown นั้น NASA ได้ Furlough เจ้าหน้าที่ของตนไปกว่า 95% ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งลาออกเนื่องจากงานขาดความมั่นคง
นอกจากนี้ NASA ยังรายงานว่าแม้ภารกิจสำรวจอวกาศส่วนใหญ่จะยังมีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ในระดับขั้นต่ำ แต่แทบไม่มีการทำการสำรวจทางวิทยาศาสตร์เนื่องจากไม่ถูกจัดเป็น “งานที่สำคัญต่อชีวิตและทรัพย์สิน” ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการทำงานดังกล่าว แม้จะทำได้ในทางปฏิบัติแล้ว และเนื่องจากโครงการหลายอย่างของ NASA เป็นการ Outsource จากผู้รับเหมาหรือ Contractor การ Shutdown ทำให้ NASA ไม่สามารถจ่ายเงิน Contractor เหล่านี้ได้ จึงอาจเกิดการ Claim ดอกเบี้ยหรือค่าปรับขึ้นมหาศาลจากการผิดสัญญาการชำระเงิน
เห็นได้ว่าการเมืองนั้นสำคัญต่อการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีอย่างมีนัยสำคัญ และประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมืองเท่านั้นจึงจะสามารถก้าวหน้าไปในยุคแห่งการสำรวจอวกาศได้
เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co