ในช่วงวันคริตส์มาส 24 ธันวาคม 2024 ยานอวกาศ Parker Solar Probe ได้ทำสถิติใหม่เป็นยานอวกาศที่เดินทางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด โดยมีจุดของวงโคจรที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด (Perihelion) อยู่ที่ 6.1 ล้านกิโลเมตรจากผิวดวงอาทิตย์เท่านั้น หลังจากที่มันค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ขึ้นเรื่อย ๆ หลังถูกปล่อยสู่อวกาศในวันที่ 12 สิงหาคม 2018 โดยตัวยานมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ฟิสิกส์ของดวงอาทิตย์ (Heliophysics) และก่อนหน้านี้มันก็ได้สร้างการค้นพบมาแล้วมากมาย
ก่อนหน้านี้เราเคยอธิบายฟิสิกส์วงโคจรเบื่องต้นของยานไว้ในบทความ ทำไมไปดวงอาทิตย์ยากกว่าไปดาวพลูโต ฟิสิกส์วงโคจรของยาน Parker Solar Probe ว่าเป้าหมายของ Parker Solar Probe คือการเดินทางเข้าไปอยู่ที่จุด Perihelion ที่ระยะประมาณหกล้านกิโลเมตร ซึ่งยิ่งเราพยายามเข้าสู่วงใกล้ของดวงอาทิตย์มากขึ้นเท่าไหร่ เราก็ยิ่งต้องใช้พลังงานในการเดินทางมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นนอกจาก Parker Solar Probe จะถูกปล่อยด้วยจรวดที่ทรงพลังที่สุด ณ ตอนนั้นอย่าง Delta IV Heavy ตัวยานก็จะยังต้องใช้การบินผ่านดาวเคราะห์วงในเพื่อใช้แรงโน้มถ่วงของยานช่วยเหวี่ยงมันไปยังวงโคจรที่ใกล้ดวงอาทิตย์ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นวิธีที่เราเรียกันบ่อย ๆ ว่า Gravity Assits

ดังนั้น การเดินทางของ Parker Solar Probe ก็จะเป็นการทำ Gravity Assits ดาวเคราะห์วงในไปเรื่อย ๆ โดยมันได้ใช้แรงเหวี่ยงจากดาวศุกร์ในการช่วยเหวี่ยงในปี 2018 (เพียงแค่สองเดือนหลังจากการปล่อย) 2019, 2020, 2021 (จำนวนสองครั้ง), 2023 และ 2024 ตามลำดับ และในแต่ละครั้งที่ทำ Gravity Assits ตัวยานก็จะมีจุด Perihelion ที่ใกล้ดวงอาทิตย์ขึ้นเรื่อย ๆ โดยในการบินทำ Gravity Assits รอบล่าสุดก็เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งได้ช่วยเหวี่ยงให้ Perihelion นั้นอยู่ที่ 6.1 ล้านกิโลเมตรจากพื้นผิวของดวงอาทิตย์ หรือ 6.9 ล้านกิโลเมตรหากวัดจากจุดศูนย์กลางของระบสุริยะ
และด้วยเหตุนี้เองมันจึงเป็นวัตถุโคจรที่เร็วที่สุดที่มนุษย์เคยสร้างขึ้นมา โดยมันใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์เพียงแค่ 88 วันเท่านั้น ซึ่งเท่ากับการโคจรของดาวพุธ (แต่ Parker Solar Probe ไม่ได้เป็นวงโคจรกลมสมบูรณ์ ยังมีจุดไกลดวงอาทิตย์หรือ Apohelion ที่ระยะ 109 ล้านกิโลเมตรอยู่ ซึ่งอยู่ประมาณวงโคจรของดาวศุกร์)
ซึ่งการโคจรในลักษณะนี้นอกจากจะเป็นผลดีในการเดินทาง (เพราะการจะทำให้ Parker Solar Probe โคจรเป็นวงกลมสมบูรณ์นั้นต้องใช้พลังงานเยอะมาก ๆ) ยังช่วยให้ Parker Solar Probe สามารถเก็บข้อมูลดวงอาทิตย์ที่ระยะต่าง ๆ ได้ เป็นการไล่ Gradient โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยมกับลมสุริยะ หรือสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์
การบินโฉบที่ระยะหกล้านกิโลเมตร
ยิ่งตัวยาน Parker Solar Probe เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากเท่าไหร่ มันจะยิ่งเข้าใกล้จุดที่ร้อนที่สุดมากขึ้นเท่านั้น อย่างที่เราทราบกันดีว่า ณ พื้นผิวของดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิสูงถึง 15 ล้านองศาเซลเซียส โดย ณ บริเวณที่ Parker Solar Probe จะบินโฉบเข้าไป มันอาจเจอกับละอองโมเลกุลที่มีอุณหภูมิมากกว่าหนึ่งล้านองศาเซลเซียส และสามารถศึกษาพฤติกรรมของลมสุริยะ (Solar Wind) ที่เป็นกลุ่มละอองโมเลกุลที่พุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์ ไปยังบริเวณอันไกลโพ้นที่เป็นเขตแดนไกลสุดของระบบสุริยะ (Heliopause) ซึ่งเราเคยอธิบายไว้ในบทความ รู้ได้อย่างไรว่า Voyager 2 ออกนอกระบบสุริยะแล้ว

ในวันที่ 24 ธันวาคม เวลา 18:53 ตามเวลา ณ ประเทศไทย ตัวยาน Parker Solar Probe ได้เข้าสู่จุด Perihelion เป็นที่เรียบร้อย นับเป็นการเข้าสู่ Perihelion ครั้งที่ 22 นับตั้งแต่เริ่มต้นภารกิจ หลังจากนั้นตัวยานก็ได้ถอยห่างออกมาเรื่อย ๆ ซึ่ง ณ เวลาดังกล่าวข้อมูลจากตัวยานจะยังไม่ได้ถูกส่งกลับมายังโลก เพื่อให้ตัวยานได้เก็บข้อมูลวิทยาศาสตร์ และใช้ Reaction Wheels ของยาน พยายามหันด้านแผ่นกันความร้อนหาดวงอาทิตย์ให้ได้มากที่สุด หลังจากนั้นสัญญาณแรกที่ถูกส่งกลับมาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2024 เข้าสู่จานรับสัญญาณ Deep Space Network หลังจากนั้น 3 วัน เป็นสัญญาณในลักษณะ Beacon หรือการรายงานว่าตัวยานปลอดภัยดี และยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (พูดง่าย ๆ ก็คือยังไม่ตายนั่นเอง) NASA’s Parker Solar Probe Reports Successful Closest Approach to Sun

แน่นอนว่า ณ ระยะนี้ อุณหภูมิรอบตัวยานอาจสูงถึงหลักพันองศาเซลเซียส แต่แผ่นกันความร้อนหนา 11 เซนติเมตรที่ทำจากวัสดุแบบ Carbon–Carbon Composite และเคลือบด้วย Aluminium Dioxide จะช่วยปกป้องให้อุณหภูมิของอุปรณ์ต่าง ๆ ในตัวยานอยู่ที่ประมาณ 29 องศาเซลเซียสเท่านั้น
NASA รายงานว่า ข้อมูลในลักษณะ Telemetry จะเริ่มถูกส่งมายังโลก ในวันที่ 1 มกราคม 2025 และจะเริ่มมีการทยอยส่งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์กลับมายังโลก
ข้อมูลจากการบินที่ระยะใกล้ขนาดนี้นั้น จะยังไม่สามารถนำมาตีความหรือบ่งชี้อะไรได้ และต้องรอให้นักวิทยาศาสตร์ช่วยกันวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาเพื่อสร้างเป็นการค้นพบต่าง ๆ โดย Parker Solar Probe นั้น จะบินเฉียดดวงอาทิตย์ที่ระยะนี้อีก 4 ครั้งในปี 2025 ซึ่งก็ต้องรอดูว่าหลังจากนี้ ทาง Applied Physics Laboratory หรือ APL แห่ง Johns Hopkins University ผู้รับผิดชอบภารกิจ Parker Solar Probe จะมีการต่ออายุของภารกิจในลักษณะใด
เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co