บาฮามาส เปิดน่านน้ำให้ SpaecX ใช้ลงจอดจรวด ดีลนี้สำคัญอย่างไร

ในเที่ยวบินการปล่อยดาวเทียม Starlink กลุ่มที่ 10-12 ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2025 นั้น SpaceX ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการลงจอดจรวด Falcon 9 บนเรือโดรน Just Read the Instruction ในน่านน้ำของประเทศบาฮามาส นับว่าเป็นการลงจอดจรวดในเขตน่านน้ำของประเทศอื่นเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ SpaceX เริ่มทดสอบการลงจอดจรวดในปี 2014 หรือราวสิบปีที่แล้ว (เวลาผ่านไปเร็วมาก)

การลงจอดดังกล่าวเกิดขึ้นในทะเลที่ชื่อว่า Exuma Sound เป็นหนึ่งในบริเวณท่องเที่ยวที่โด่งดังของโลก โดยเฉพาะกลุ่มเรือสำราญต่าง ๆ โดยเรือโดรน Just Read the Instruction นั้นอยู่นอกชายฝั่งของเกาะ Lookout Cay ซึ่งเป็นเกาะส่วนตัวของ Disney ประมาณ 32 กิโลเมตร แน่นอนว่าในการทำ Entry Burn และ Landing Burn เพื่อลงจอด สามารถถูกสังเกตได้จากเกาะต่าง ๆ รอบบริเวณ ทำให้ปรากฎภาพเหล่านี้ลงบนโซเชียลมีเดีย เป็นที่ตื่นตาตื่นใจกัน

จรวด Falcon 9 บนเรือโดรน Just Read the Instruction ในทะเล Exuma Sound บาฮามาส ที่มา – SpaceX

แล้วทำไม SpaceX ต้องไปลงจอดจรวดในน่านน้ำของประเทศอื่น สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างไร และช่วยปลดล็อกศักยภาพให้กับจรวด Falcon 9 ในด้านไหน แล้วทำไมรัฐบาลบาฮามาสถึงยอมให้ SpaceX ใช้พื้นที่น่านน้ำในการลงจอดจรวด ในบทความนี้เราจะมาตอบคำถามนี้ทั้งในมิติของวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และการเมืองระหว่างประเทศกัน

อธิบายจุดลงจอดของ Falcon 9 นอกชายฝั่ง

ในการอธิบายการลงจอดของจรวด Falcon 9 นั้น เราต้องทำความเข้าใจว่าจรวดบินขึ้นตรง ๆ ก็จริง แต่มันจะต้องตีโค้งเพื่อให้เส้นทางของจรวดขนานกับพื้นโลกในที่สุด ยิ่งจรวดตีโค้งมากจุดตกของวัตถุก็จะยิ่งไปไกลเท่านั้น และถ้ามันไปไกลมากพอวัตถุนั้นก็จะโคจรรอบโลก เราเรียกเส้นทางที่จรวดตีโค้งแล้วบินผ่านว่า Down Range ซึ่งทิศทางเหล่านี้ก็จะแตกต่างกันตาม Mission Profile ที่แตกต่างกัน บางภารกิจ อาจจะมี Down Range ชี้ขึ้นทิศเหนือ บางภารกิจชี้ลงทิศใต้ ทั้งหมดนี้ก็แล้วแต่วงโคจรของดาวเทียมและยานอวกาศที่เราต้องการจะปล่อย เรียกว่าทิศทางการบิน หรือ Trajactory

การกลับมาลงจอดแบบ RTLS หรือการบินกลับมาที่ฐานปล่อย ที่มา – SpaceX

หรือในแต่ละภารกิจ จรวด Falcon 9 ท่อนแรกก็จะเริ่มต้นการตีโค้งไม่เท่ากันด้วยเช่นกัน บางภารกิจเป็นการปล่อยสู่วงโคจรสูง บางภารกิจปล่อยสู่วงโคจรต่ำ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อวิธีในการนำเอาจรวดกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งมีอยู่สองวิธีหลัก ๆ ก็คือ Return to Launch Site (RTLS) เพื่อมาลงจอดที่ Landing Zone หรือการลงจอดบนเรือโดรนกลางทะเล ภารกิจที่ลงจอดกลางทะเลนั้น เหตุผลหลัก ๆ ก็เช่น จรวดไม่เหลือเชื้อเพลิงที่จะบินกลับฐาน หรือ จรวดนั้นตีโค้งเร็วมาก ๆ จนจุดตกกลับของมันอยู่ห่างออกไปไกล ไม่สมเหตุสมผลที่จะให้จรวดบินกลับมา

การลงจอดบนเรือโดรน ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำ Boostback Burn เพื่อปรับทิศทางกลับมา ที่มา – SpaceX

ในภารกิจการปล่อยดาวเทียม Nilesat-301 ในวันที่ 8 มิถุนายนปี 2022 นั้น จรวด Falcon 9 ลงจอดบนเรือโดรน Just Read the Instruction ห่างออกไปจากชายฝั่งมากถึง 673 กิโลเมตร ตัวเลขนี้ยังคงนับว่าเป็นการลงจอดที่ Down Range ไกลที่สุดที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งมากกว่าระยะห่างโดยประมาณที่อยู่ที่ประมาณ 500-600 กิโลเมตร

ทิศการปล่อยทางตะวันออกเฉียงใต้

อย่างที่บอกไปว่านอกจากว่าจุดตกอยู่ไกลแค่ไหนแล้ว ทิศทางการปล่อย ชี้ขึ้นเหนือหรือชี้ลงใต้นั้นก็บ่งบอกว่าเรือโดรนจะต้องไปรออยู่ตรงไหน หากเราดูจากภูมิศาสตร์ของสหรัฐฯ แล้ว หากปล่อยชี้ขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะพื้นที่ตรงนั้นมีแต่ทะเล แต่หากมีการปล่อยมาทางตะวันออกเฉียงใต้นั้น ยิ่งใต้ลงมาก็จะเจอกับหมู่เกาะต่าง ๆ ในทะเลแคริเบียน ยิ่งปล่อยลงมาใต้มาก ๆ ก็จะเจอกับแผ่นดินประเทศตัวเอง และต้องบินผ่านเมืองใหญ่อย่าง Miami ด้วย

แผนที่แสดงปฏิบัติการทางทะเล ทั้งจุดลงจอดจรวด และจุดเก็บกู้ Payload Fairing ของ SpaceX

มีคนทำแผนที่ว่า SpaceX ลงจอดจรวด (และเก็บกู้ Payload Fairing) ในบริเวณไหนบ้างอยู่ที่ General SpaceX Map ซึ่งละเอียดมาก ๆ เนิร์ดมาก ๆ เราสามารถลองเข้าไปดู Profile การบินของแต่ละภารกิจได้ หากลองดูเราจะพบว่าภารกิจที่มีทิศทางลงมายังตะวันออกเฉียงใต้นั้นไม่ได้มีมากนัก

นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมการปล่อยแบบมีทิศทางพุ่งลงทิศใต้ไปเลย (ซึ่งโดยมากจะเป็นพวกดาวเทียมถ่ายภาพโลกที่โคจรตัดขั้วเหนือใต้) จะเกิดขึ้นที่ฐานปล่อยฝั่งตะวันตกอย่าง Vandanberge Space Force Base ในรัฐแคลิฟอร์เนีย – อย่างในภารกิจการปล่อยดาวเทียม PACE ให้กับ NASA ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2024 นั้น Falcon 9 ใช้เส้นทางการบินพุ่งลงทิศใต้และบินผ่านแผ่นดินในรอบ 60 ปี ซึ่งแน่นอนว่า Falcon 9 ในภารกิจนี้ ต้องใช้วิธีการบินกลับมาลงจอดที่ฐานปล่อยหรือ RTLS เนื่องจากหากไม่ทำแบบนั้น Falcon 9 จะต้องไปลงจอดกลางเมือง Miami (ฮา)

การลงจอดของ Falcon 9 ในภารกิจ PACE หลังจากการปล่อยดาวเทียมโคจรตัดขั้วเหนือใต้ ที่มา – SpaceX

แต่ภารกิจภารกิจสำคัญภารกิจแรกที่เป็นจุดเริ่มต้นของการบินลงทางตะวันออกเฉียงใต้นั้น ก็คือภารกิจการปล่อย Starlink กลุ่ม 4-5 ในวันที่ 6 มกราคม 2022 ซึ่งในตอนนั้น SpaceX ได้วางเส้นทางการบินให้ Falcon 9 บินลงทางตะวันตกเฉียงใต้เฉียดแผ่นดินของเกาะในบาฮามาสไปนิดเดียว ก่อนที่จะลงจอดบนเรือโดรน A Shortfall of Gravitas ห่างออกไปจากฐานปล่อย 637 กิโลเมตร ในการปล่อยรอบนั้น Falcon 9 ยังต้องทำการหักเลี้ยว (ที่เรียกว่า Dog Leg Maneuver – ขาหมา ที่ไม่ใช่เพลงของวง Tattoo Color) เพื่อหลบไม่ให้ Falcon 9 บินเหนือแผ่นดินด้วย

ตำแหน่งของเรือโดรน A Shortfall of Gravitas สำหรับภารกิจ Starlink 4-5 ซึ่งเป็นการปล่อยลงทางใต้ครั้งแรกของ SpaceX

เว็บไซต์ Spaceflight Now ได้รายงานอิงจากคำพูดของ Jessica Anderson วิศวกรของ SpaceX ในบทความ SpaceX deploys 49 more Starlink satellites in first launch of 2022 บอกว่า การวางทิศทางการปล่อยลงมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้นั้น เพิ่มโอกาสในการเก็บกู้ Falcon 9 และฝาครอบจรวดหรือ Payload Fairing เนื่องจากในช่วงฤดูหนาวนั้น ทะเลแอตแลนติกทางเหนือของฟอลริดานั้น มีคลื่นลมแรงมาก

แปลว่าจริง ๆ แล้วนอกจากเหตุผลด้านการออกแบบวงโคจร SpaceX ก็ยังมีเหตุผลอื่น ๆ ที่อยากวางทิศทางการบินของ Falcon 9 ให้พาดผ่านบาฮามาสด้วยเช่นกัน

เปิดดีลที่ทำให้การลงจอดในบาฮามาสเกิดขึ้นได้จริง

SpaceX ได้พูดถึงดีลบาฮามาสครั้งแรกในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2025 ผ่านโพสต์บน X บอกว่าตัวแทนจากรัฐบาลบาฮามาส ได้เข้าเยี่ยมชมฐานปฏิบัติการของ SpaceX ณ แหลมคะเนอเวอรัล ซึ่งงในภาพนั้นตัวแทนเหล่านี้ได้โชว์ธงชาติบาฮามาสที่ SpaceX บอกว่า ได้ถูกนำไปบินในอวกาศด้วยจรวด Falcon 9 ของ SpaceX ในเดือนมีนาคม 2024 ที่ผ่านมา บ่งบอกว่ากระบวนการดีลและ “จีบ” ให้บาฮามาส กลายเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ปฏิบัติการของ Falcon 9 ได้เกิดขึ้นมานานพอสมควรแล้ว ก่อนที่จะมีการบรรลุข้อตกลง นำมาสู่เที่ยวบินแรกในปี 2025 นี้ในที่สุด

ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของบาฮามาส ยังได้ลงข่าว Ministry Of Tourism, Investments & Aviation Secures Historic Agreement With SpaceX To Propel Bahamas Into The Space Technology & Tourism Frontier บอกว่า การที่ให้ SpaceX มาลงจอดจรวดที่น่านน้ำบาฮามาสนั้น ยังช่วยให้บาฮามาสกลายเป็น “แหล่งท่องเที่ยวด้านการชมจรวดลงจอด” ด้วย (เป็นดีลที่ก็ฟังแล้วงง ๆ ดีเหมือนกัน แต่ก็น่าสนใจว่ากลยุทธ์นี้จะช่วยเพิ่มการท่องเที่ยวบาฮามาสได้จริงหรือเปล่า) นอกจากนี้ ในประกาศยังมีการพูดถึงว่าบาฮามาสจะใช้เทคโนโลยีอย่างดาวเทียม Starlink ในการส่งเสริมการศึกษา STEM ในประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็คือส่วนหนึ่งของแผนภาพรวมเพื่อสร้างพัฒนาการด้านอวกาศให้กับประเทศ

ตัวแทนรัฐบาลบาฮามาสถ่ายภาพ ณ ท่าเรือคะเนอเวอรัล ฐานปฏิบัติการทางทะเลที่สำคัญของ SpaceX ที่มา – SpaceX

หลังจากนั้นในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2025 ภารกิจประวัติศาสตร์หน้าใหม่ก็ได้เกิดขึ้น เมื่อจรวด Falcon 9 หมายเลข B1080 ได้บินขึ้นจากฐานปล่อย Space Launch Complex 40 ใน Cape Canaveral Space Force Station พร้อมกับดาวเทียม Starlink จำนวน 23 ดวง นับเป็นเที่ยวบินที่ 16 ของจรวดลำนี้

จรวด Falcon 9 บินขึ้นจากฐานปล่อย SLC-40 ในแหลมคะเนอเวอรัล ก่อนที่จะไปลงจอดที่บาฮามาส ที่มา – SpaceX

หลังจากการปล่อย Falcon 9 มีทิศทางพุ่งลงทางตะวันออกเฉียงใต้ ทำมุม 43° กับเส้นศูนย์สูตรก่อนที่จรวดท่อนที่สองจะแยกตัวออก หลังจากนั้น Falcon 9 ท่อนแรก ได้ทำการจุดเครื่องยนต์เพื่อเข้าสู่บรรยากาศ เรียกว่า Entry Burn เหมือนเช่นทุกครั้ง และลงจอดบนเรือโดรน Just Read the Instruction ที่รออยู่ใน Exuma Sound ทะเลของบาฮามาส ในที่สุด

จุดลองจอดของ Falcon 9 ที่เรือ Just Read the Instruction รอรับอยู่ ในภาพจะเห็น Bob เรือเก็บกู้ Fairing รออยู่ในบริเวณใกล้เคียงด้วย

บริเวณที่ Falcon 9 ลงจอดนั้นเรียกว่าเป็น “Territorial Seas” น่านน้ำอาณาเขต ของบาฮามาส ซึ่งตามกฎหมายระหว่างประเทศกำหนดให้อยู่อ่างออกไปจากชายฝั่ง 12 ไมล์ทะเล หรือ 22 กิโลเมตร แต่ในกรณีของบาฮามาสนั้น เนื่องจากเป็นประเทศเกาะ จึงนับรวมพื้นที่ที่เป็นทะเลเข้าไปด้วย ทำให้เรียกได้ว่าการลงจอดรอบนี้ ก็คือเป็นการลงจอดแทบจะกลางประเทศเลยก็ว่าได้

เป็นเรื่องน่ายินดีไปที่ SpcaeX สามารถบรรลุข้อตกลงดังกล่าวได้สำเร็จ แต่คำถามต่อมาก็คือ แล้วปกติ SpaceX ลงจอดจรวดในเขตของประเทศอะไร คำตอบที่ได้ก็คือ มีทั้ง “ในเขตน่านน้ำสากล” (International Water) หรือ “ทะเลหลวง” ซึ่งอยู่นอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะ หรือ Exclusive Economic Zone (EEZ กำหนดให้อยู่ที่ 200 ไมล์ทะเล หรือ 370 กิโลเมตร) ออกไปอีก และบางภายกิจอาจจะยังอยู่ในเขต EEZ ของสหรัฐฯ อยู่ ทำให้กฎหมายที่ SpaceX ต้องทำตามก็คือกฎหมายระหว่างประเทศเรื่องทะเลนั่นเอง

ลองวิเคราะห์ดีลนี้ น่าสนใจอย่างไร

การดีลนี้เกิดจากการที่ SpaceX จะได้มีพื้นที่สำหรับการลงจอดจรวดเพิ่มขึ้น โดยเกิดประโยชน์จากทั้งในฤดูหนาว ที่การปล่อยลงมายังทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะได้ทะเลที่สงบมากกว่า ทำให้ปฏิบัติการเก็บกู้ง่ายขึ้น และในอีกมุมนึง SpaceX ยังสามารถออกแบบ Trajactory การปล่อยที่หลากหลายได้มากขึ้น แน่นอนว่า SpaceX พึงพอใจอย่างมากแน่ ๆ

ส่วนในมุมของบาฮามาสนั้น ที่บอกว่าเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวเกี่ยวกับอวกาศ (Space Tourism) ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยแต่ถ้ามองในมุมเรา เราว่าความต้องการ (Interest) ของบาฮามาสนั้นอาจจะยังไม่ได้ชัดมาก เพราะมีการพูดหลายเรื่องมาก นอกจากเรื่องการท่องเที่ยวแล้ว ยังพูดถึงเรื่องการใช้ดาวเทียม Starlink ในการสนับสนุนกิจกรรมด้าน STEM และกิจกรรมด้านอวกาศที่จะเกิดขึ้ในบาฮามาส (แต่ยังไม่รู้ว่าคืออะไร) แต่ที่แน่ ๆ ข่าวที่ออกมา ในบทความ The Bahamas Makes Giant Leap Into Space Welcoming First International SpaceX Landing ก็ได้มีการระบุเพิ่มเติมว่า SpaceX นั้นบริจาคเงินกว่า 1 ล้านเหรียญฯ สหรัฐฯ ให้กับ University of The Bahamas เพื่อสนับสนุนด้านการศึกษาอีกด้วย

แต่สุดท้ายถ้ารัฐบาลบาฮามาสมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคุ้มค่าและจริง ๆ บาฮามาสก็ไม่ได้เสียอะไร ก็ถือว่าเป็นดีลที่น่าสนใจอีกดีลหนึ่งในวงการอวกาศโลก โดยเฉพาะกับวงการการนำจรวดกลับมาใช้ซ้ำ (Reusable Rocket)

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.