การทดสอบเที่ยวบินที่ 10 ของยาน Starship ในวันที่ 27 สิงหาคม 2025 ถือว่าเป็นไปได้อย่างสวยงาม หลังจากที่ก่อนหน้านี้ในบทความเรื่อง เมื่อปี 2025 Starship ระเบิดไปแล้ว 4 ลำ อะไรคือความท้าทายในการทดสอบ Starship เที่ยวบินที่ 10 เราได้วิเคราะห์ถึงความสำคัญของการทดสอบในรอบนี้ว่ามีต่ออนาคตของยาน Starship โดยเฉพาะในรุ่น Block 2 อย่างไร จนตอนนี้ เมื่อการทดสอบทุกอย่างเป็นไปได้อย่างเป้าหมาย เราก็คงพูดได้แล้วว่า คงสบายใจได้กับตัวยาน Starship รุ่นใหม่นี้ซักที
สำหรับตัวยานที่ใช้ในรอบนี้คือ Starship หมายเลข 37 ซึ่งถูกเคลื่อนย้ายมาประกอบกับ Super Heavy หมายเลข 16 ณ Orbital Launch Platform 1 ของฐานปล่อย Starbase ใน Boca Chica รัฐเท็กซัสช่วง 1-2 วันก่อนกำหนดการปล่อยรอบแรก การทดสอบรอบนี้ Elon Musk แห่ง SpaceX ยังได้เดินทางมาชมการปล่อยด้วยตัวเอง

การทดสอบในรอบนี้เดิมทีถูกกำหนดไว้เป็นวันที่ 25 สิงหาคม ก่อนที่จะเลื่อนออกมาเนื่องจากเจ้าหน้าที่พบความผิดปกติของระบบ ณ ฐานปล่อย จนทำให้ต้องหยุดเวลาและเลื่อนการปล่อยออกมาหนึ่งวัน อย่างไรก็ดีในวันที่ 26 สิงหาคม สภาพอากาศ ณ เวลาปล่อยนั้นไม่เอื้ออำนวยทำให้ต้องมีการเลื่อนการปล่อยอีกครั้งเช่นกัน จนมาได้ฤกษ์ในวันที่ 27 สิงหาคม 2025 เวลา 6:30 ตามเวลาประเทศไทย หรือเวลาหกโมงเย็นของวันก่อนหน้า Starship และ Super Heavy ก็พร้อมที่จะบินขึ้นจริง ๆ
ก่อนเวลาปล่อยประมาณ 1 ชั่วโมง SpaceX เริ่มเติมเชื้อเพลิงมีเทนและออกซิเจนเหลวให้กับตัวจรวด Super Heavy และยาน Starship ตามลำดับ โดยที่ความเหมาะสมของสภาพอากาศในวันนี้อยู่ที่ 55% เท่านั้น ถือว่าไม่แตกต่างจากพยากรณ์อากาศในสองวันแรกของการปล่อยมาก แต่สุดท้าย Super Heavy และ Starship ก็บินขึ้นตามเวลากำหนดการณ์เดิม 6:30 พร้อมเสียงเชียร์จากทีมงาน เป็นการเริ่มต้นการทดสอบ Starship เที่ยวบินที่ 4 ของปี 2025
การบินขึ้นและการลงจอดของ Super Heavy นอกชายฝั่ง
หลังจากการบินขึ้น จรวด Super Heavy หมายเลข 16 ทำงานได้ตามปกติ เครื่องยนต์ Raptor Engine ทั้ง 33 ตัวถูกจุดขึ้นและพาเอาตัวมันเดินทางขึ้นสู่อากาศอย่างสวยงาม เครื่องยนต์ทุกตัวยังทำงานปกติ หลังการปล่อยไม่นานจอภาพแสดงเครื่องยนต์หนึ่งตัวหยุดการทำงาน อย่างไรก็ตาม Super Heavy ยังคงบินขึ้นตามปกติด้วยเครื่องยนต์ 32 ตัว จนกระทั่งในนาทีแรกหลังการปล่อยตัวจรวดก็ได้เข้าสู่ช่วง Max-Q หรือ Maximum Dynamic Pressure เป็นช่วงที่ตัวจรวดจะเจอแรงเครียดจากการบินมากที่สุด ซึ่งช่วงนี้ก็ผ่านไปได้โดยไม่มีอะไร ตามมาด้วยการแยกตัวระหว่างจรวด Super Heavy และยาน Starship ในเวลา 2 นาที 38 วินาทีหลังการปล่อย ด้วยเทคนิคการทำ Hot Stagging ที่หมายถึงการจุดเครื่องยนต์ของ Starship ในขณะที่เครื่องยนต์ของ Super Heavy ทำงานอยู่

หลังจากการแยกตัว Super Heavy ได้ทำ Boostback Burn เพื่อเปลี่ยนทิศทางการบินกลับมาลงจอดนอกชายฝั่งของฐานปล่อยในอ่าวเม็กซิโกหรืออ่าวอเมริกา ซึ่งในรอบนี้ Super Heavy จะไม่กลับมาที่ฐานปล่อยและลงจอดบนแขนจับ Mechazilla ตามแผนการทดสอบที่ต้องการศึกษาตัวบูสเตอร์ในขณะลงจอดที่มันจะทดสอบดับเครื่องยนต์ตัวกลาง จำลองว่าเครื่องยนต์ดังกล่าวไม่ทำงาน เพื่อให้เครื่องยนต์ Backup ทำงานแทน และพาให้ Super Heavy ลงจอดได้ตามปกติ โดยการทดสอบก็เป็นไปตามแผน Super Heavy ลงจอดนอกชายฝั่งอย่างประสบความสำเร็จ ก่อนสัญญาณจะตัดขาดไป
ในขณะเดียวกัน Starship ก็ประสบความสำเร็จในการจุดเครื่องยนต์เพื่อพามันสู่วงโคจรที่กำหนด จนถึงเวลา 8 นาที 57 วินาทีหลังการปล่อย ตัวยานก็ดับเครื่องยนต์และเข้าสู่ช่วง Coast Phase ที่มันจะเดินทางไปยังอีกฝากของโลกและเตรียมเข้าสู่บรรยากาศเหนือมหาสมุทรอินเดีย
ประสบความสำเร็จในการทดสอบปล่อยดาวเทียม และจุดเครื่องยนต์ในวงโคจร
หนึ่งในหมุดหมายสำคัญของการทดสอบ Starship บนวงโคจรก็คือ ใน Starship Block 2 รุ่นใหม่ จะมีการบรรทุกดาวเทียม Starlink รุ่นที่ 3 จำลองจำนวน 8 ดวง ขึ้นไป และจะถูกปล่อยออกจากตัว Starship เพื่อยืนยันว่าในอนาคต Starship จะเป็นยานอวกาศลำสำคัญสำหรับการเติมเต็ม Fleet ดาวเทียมให้บริการอินเทอร์เน็ตของ SpaceX ที่ ณ ตอนนี้กลายเป็นระบบดาวเทียมบน Low Earth Orbit ที่มีจำนวนดาวเทียมเยอะที่สุดมากกว่า 7,000 ดวงไปแล้ว
ในเวลา 18 นาที 27 วินาทีหลังการปล่อย Starship ก็เปิดประตูระบบปล่อยดาวเทียม และค่อย ๆ ยิงดาวเทียม Starlink ออกมาทีละดวง ๆ จนครบ 8 ดวง กินเวลาไปทั้งสิ้นประมาณ 6 นาที ดาวเทียมทุกดวงก็ถูกปล่อยออกมาเรียบร้อย โดยดาวเทียมพวกนี้เป็นเพียงดาวเทียมจำลองไม่สามารถให้บริการอินเทอร์เน็ตได้จริง และจะตกกลับสู่บรรยากาศในที่สุดเนื่องจาก Starship ยังอยู่ในวงโคจรแบบ Suborbital ไม่ได้โคจรรอบโลกแบบเต็มวงโคจรนั่งเอง ซึ่งภาพที่เกิดขึ้นในการทดสอบรอบนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เนื่องจากในเที่ยวบินที่ 9 นั้นตัวยานประสบปัญหาในการเปิดฝาเพื่อปล่อยดาวเทียมออก ทำให้การทดสอบปล่อย Starlink จำลองไม่ได้เกิดขึ้น

หลังจากการทดสอบปล่อยดาวเทียม Starlink จำลองอีกการทดสอบที่เกิดขึ้นก็คือในเวลา 25 นาที 32 วินาทีหลังการปล่อย Starship ได้ทดสอบจุดเครื่องยนต์ Raptor Engine เป็นเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วินาที ซึ่งการทดสอบก็เป็นไปตามที่ออกแบบไว้ Starship ประสบความสำเร็จในการจุดเครื่องยนต์ในวงโคจร ซึ่งการจุดเครื่องยนต์นี้จำเป็นสำหรับการทำ Deorbit Burn ในกรณีที่ Starship จะต้องบังคับตัวเองให้ลดระดับวงโคจรเพื่อกลับสู่โลกในเที่ยวบินที่มันบินสู่วงโคจรรอบโลกจริง ๆ การทดสอบจุดเครื่องยนต์นี้ถูกทำสำเร็จมาแล้วในเที่ยวบินที่ 9 เช่นกัน
การลงจอดในมหาสมุทรอินเดียในชิ้นเดียวกันรอบแรกของ Block 2
หลังจากนั้น 49 นาทีหลังการปล่อย Starship ก็ได้เริ่มต้นกลับเข้าสู่บรรยากาศ โดยกระบวนการกลับสู่บรรยากาศนั้นใช้เวลาประมาณ 20 นาที รอบนี้ Starship จะลงจอดในหมาสมุทรอินเดียเช่นเคย แต่จะค่อนไปในทางใกล้กับทวีปออสเตรเลียมากกว่านอกชายฝั่งอินโดนิเซียเหมือนในสองเที่ยวบินก่อน
เป้าหมายของการทดสอบเข้าสู่บรรยากาศรอบนี้ จะเป็นการพุ่งเป้าไปที่ระบบป้องกันความร้อนที่ได้รับการออกแบบใหม่ ซึ่งรวมถึงการถอดแผ่นกันความร้อนบางส่วนออก เพื่อสร้างสภาวะ Stress Test และการใช้วัสดุโลหะที่มีระบบ Active Cooling ถือว่าเป็นการผลักดัน Starship รุ่น Block 2 ให้สุดศักยภาพที่มันจะรับได้

และสุดท้ายภาพที่เราอยากเห็นก็เกิดขึ้น Starship รอดการ Reentry ในรอบนี้ได้อย่างสวยงามกว่ารอบก่อน ๆ มาก ถือว่า Starship อยู่ในสภาพสวยงามน่าชม แม้บริเวณ Flaps ของยานจะหายไปบางส่วน และผิวของยาน ก่อนที่มันจะแตะผิวน้ำในเวลา 1 ชั่วโมงกับอีก 6 นาทีหลังจากบินขึ้นจากเท็กซัส สู่นอกชายฝั่งออสเตรเลียอีกฝากนึงของโลก ซึ่งนอกจากภาพจากกล้องบนยานแล้ว ทุ่นลอยน้ำที่ SpaceX นำไปวางใกล้ใกล้กับฐานปล่อยก็สามารถบันทึกช่วงเวลาลงจอได้อย่างสวยงาม
หลังจากความสำเร็จนี้สิ่งที่น่าจับตามองต่อไปคืออะไร
การทดสอบเที่ยวบินที่ 10 ถือว่าออกมาได้อย่างสวยงาม และในที่สุดเราก็ได้เห็น Starship ในรุ่น Block 2 ลงจอดแบบเป็นชิ้นเดียวไม่ระเบิดซักที หลังจากที่ในเที่ยวบินที่ 7 จบลงกับการระเบิดเหนืออ่าวเม็กซิโกของ Starship ตามด้วยเที่ยวบินที่ 8 ที่เกิดไฟไหม้ในวงโคจรและหมุนมั่วในอวกาศ และเที่ยวบินที่ 9 ที่ตัวยานก็หมุนมั่วในอวกาศจนนำไปสู่การกลับสู่บรรยากาศในองศาที่รุนแรงจนตัวยานเสียหายอย่างหนักก่อนสัญญาณขาดหายไปไม่นานหลังกลับสู่โลกได้สำเร็จ
การทดสอบเที่ยวบินต่อ ๆ ไปสิ่งที่น่าจับตามองก็คือ การทดสอบการบินแบบเต็มวงโคจรซักที ซึ่งเราอาจได้เห็นการทดสอบจับตัว Starship ด้วยแขนกล Mechazilla เหมือนกับตัว Super Heavy รวมถึงการทดสอบเติมเชื้อเพลิงบนวงโคจรให้กันของยาน Starship สองดวง ซึ่งหากเกิดขึ้นนี่คือการทดสอบระบบ Starship และ Super Heavy เต็มรูปแบบ ซึ่งระบบนี้คือส่วนสำคัญสำหรับโครงการ Artemis ในการส่งมนุษยชาติกลับสู่ดวงจันทร์ ซึ่ง Starship ในรุ่น HLS หรือ Human Landing System ถูกเลือกจาก NASA ให้ทำงานร่วมกับยาน Orion ในการพาลูกเรือลงเหยียบผิวดวงจันทร์และกลับสู่โลกอย่างปลอดภัย
สุดท้ายเป้าหมายอันไกลโพ้นของ SpaceX ก็คือการให้ยาน Starship เดินทางสู่ดาวอังคารไปกลับได้ตามเป้าหมาย ในการตั้งถิ่นฐานบนดาวอังคารของ SpaceX นั่นเอง
อ่านบทสรุปลำดับการทดสอบ Starship ได้ที่
สรุปการทดสอบ Starship เที่ยวบิน 9 จรวดบินซ้ำสำเร็จ แต่ Starship ยังคงหมุนบนวงโคจร
ลำดับเหตุการณ์เที่ยวบินที่ 8 ของ Starship ที่จบลงด้วยยานหมุนมั่วบนวงโคจร
สรุปเหตุการณ์ Starship เที่ยวบินทดสอบที่ 7 ระเบิดในวงโคจร หลังแยกตัวกับ Super Heavy
สรุปการทดสอบเที่ยวบินที่ 6 ของ Starship จรวดเลือกลงจอดในทะเล แต่ผลการทดสอบเป็นไปด้วยดี
SpaceX ทดสอบ Starship เที่ยวบินที่ 5 ลงจอดบนแขนกลช่วยจับสำเร็จกลางอากาศสำเร็จ
เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co