13 ตุลาคม 2024 SpaceX ประสบความสำเร็จในการทดสอบเที่ยวบิน Starship ครั้งที่ 5 และไฮไลต์ในวันนี้ก็คือการที่ SpaceX สามารถให้จรวด Super Heavy บินกลับมาลงจอดด้วยการบินเข้ามายังหอคอยสำหรับปล่อย และใช้แขนกลที่ SpaceX เรียกว่า “Mechazilla” แลถูกเรียกกันเล่น ๆ ว่าตะเกียบหรือ “Chopsticks” ได้สำเร็จ ความสำเร็จดังกล่าวถือว่าทำให้แผนการให้บริการด้วยจรวด Super Heavy และ Starship ใกล้ความจริงขึ้นมาทุกวัน
การทดสอบ Starship เที่ยวบินที่ 5 นั้นเกิดขึ้นตามหลังการทดสอบเที่ยวบินที่ 4 ในเดือนมิถุนายน 2024 ที่ผ่านมา โดยในตอนนั้น SpaceX ได้จัดรูปแบบการทดสอบให้จรวด Super Heavy ลงจอดกลางอ่าวเม็กซิโกบน “เป้าหมายจำลอง” ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยตำแหน่งพิกัดบนคอมพิวเตอร์ ซึ่งในตอนนั้น Bill Gerstenmaier รองประทานฝ่าย Build and Flight Reliability ของ SpaceX รายงานว่า Super Heavy ลงจอดพลาดไปเพียงแค่ “ครึ่ง” เซนติเมตรเท่านั้น ผลการทดสอบดังกล่าวจึงตามมาด้วยความพยายามในการลงจอดจริง ๆ ด้วยการถูกจับไว้บนหอคอยตามที่ SpaceX ตั้งใจไว้
SpaceX ได้เริ่มต้นนำตัวยาน Starship หมายเลข 30 และ Super Heavy หมายเลข 12 มาประกอบกันบนฐานปล่อยมาเป็นเวลากว่าสัปดาห์แล้ว และได้มีการทดสอบต่าง ๆ เช่น การซ้อมเติมเชื้อเพลิง การจุดเครื่องยนต์บนฐานปล่อย หรือ Static Fire สำเร็จหมดแล้ว เหลือเพียงแค่การขึ้นบินจริง
การทดสอบเที่ยวบินที่ 5 ยังมีการปรับปรุงความสามารถของยาน Starship ในการกลับเข้าสู่บรรยากาศและการจัดการกับความร้อนขณะเสียดสีกับบรรยากาศ โดยเราจะเห็นว่าในรอบเที่ยวบิน 4 นั้นทั้ง Grid Fins และตัวครีบด้านข้างของตัว Starship นั้นได้รับความเสียหายจากความร้อนอย่างมาก
แผนการทดสอบ Starship เที่ยวบินที่ 5 นั้นเกิดความล่าช้าจากการรอให้องค์การบริหารการบินแห่งชาติ หรือ FAA อนุมัติการทดสอบ และรูปแบบการบิน (Launch Profile) ของ Starship ในแง่ของความปลอดภัยและผลกระทบของสิ่งแวดล้อม ซึ่ง FAA ก็ได้มาอนุมัติเป็นเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงก่อนการทดสอบ และ SpaceX ก็จัดการบินยาน Starship ขึ้นจริง ๆ ในที่สุด
13 ตุลาคม 2024 เวลาราว 1 ทุ่ม 25 นาทีตามเวลาประเทศไทย Starship หมายเลข Ship 30 ร่วมกับ Super Heavy หมายเลข B12 ก็ได้บินขึ้นจากฐานส่ง Orbital Launch Mount-A ศูนย์ Starbase ใน Boca Chica รัฐ Texas
6 นาที 56 วินาทีหลังยาน Starship ทะยานออกจากฐานส่ง Orbital Launch Mount-A บูสเตอร์ Super Heavy หมายเลข B12 ประสบความสำเร็จในการกลับมาลงจอดลงบนแขนคีบของหอส่งในภารกิจ Starship Flight Test 5
การลงจอดครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายมากกว่าการทำบูสเตอร์ของ Falcon 9 กลับมาลงจอด เนื่องจากหลักการทำงานของจรวดทั้งสองรุ่นกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ Falcon 9 จะกางขาลงจอดเพื่อรองรับตัวจรวดกับพื้น บูสเตอร์ Super Heavy ได้ใช้แขนคีบของหอส่งรับตัวจรวดกลางอากาศ
สำหรับบูสเตอร์ Super Heavy จะมีก้อนโลหะทรงกระบอกสองชิ้นติดตั้งอยู่ด้านข้างของตัวบูสเตอร์บริเวณด้านใต้ของชุดอุปกรณ์ Grid fin โดยในแต่ละชิ้นจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 19 เซนติเมตร ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ใช้ค้ำบูสเตอร์ทั้งลำกับแผ่นรับการลงจอดของแขนคีบที่ติดตั้งอยู่บนหอส่ง Launch tower ที่มีพื้นที่สัมผัสกับชุดอุปกรณ์ลงจอดเพียงไม่กี่ตารางเมตร
หลังจากนั้น 1 ชั่วโมง 5 นาทีให้หลัง หรือราว 2 ทุ่มครึ่งตามเวลาประเทศไทย ยานอวกาศ Starship หมายเลข Ship 30 ได้ฝ่าชั้นบรรยากาศลงมาจากความสูงร่วม 170 กิโลเมตร แน่นอนว่าครั้งนี้คล้ายกับภารกิจครั้งที่แล้วอย่างภารกิจ Starship Flight Test 4 ที่ตัวยานยังได้รับความเสียหายจากการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศจนชิ้นส่วน Forward Flap ทะลุและหลอมละลาย แต่ในครั้งนี้เรียกว่าได้ตัวยานถูกปรับปรุงจนมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
แต่สุดท้ายแล้วตัวยานก็ได้พาตัวเอง Belly flow ร่อนลงมาจากอากาศก่อนติดเครื่องยนต์ Raptor ทั้งสามเครื่องเพื่อพลิกตัวลดความเร็วก่อนสัมผัสกับน้ำในมหาสมุทรอินเดีย และสามารถลงจอดแบบ Splashdown ได้สำเร็จ
ในขณะเดียวกัน ไม่กี่วินาทีให้หลังจากการลงจอดบนผิวน้ำ ตัวยาน Ship 30 กลับระเบิดขึ้น ถือเป็นการปิดภารกิจแบบจุดพลุฉลองกันเลยทีเดียว ซึ่งภาพทั้งหมดก็ได้ถูกบันทึกไว้โดยทุ่นลอยน้ำติดกล้องที่ SpaceX นำไปวางไว้บริเวณจุดลงจอดพอดี
การทดสอบเที่ยวบินที่ 5 นั้นน่าจะเป็นการทดสอบครั้งสุดท้ายของ Starship ในปีนี้ โดยเที่ยวบิน 6 นั้นจะเกิดขึ้นในปี 2025 ด้วยยาน Starship หมายเลข 13 และ และ Starship หมายเลข 31
เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co