แผ่นดินไหวในไทย ภัยพิบัติที่ชาติหนึ่งจะเกิดสักครั้ง จริงเหรอ สรุปทุกสิ่งที่ต้องรู้

Magnitude 7.7 คือพลังงานแผ่นดินไหวที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ในพื้นที่มัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา พลังงานการสั่นสะเทือนในครั้งนี้ส่งแรงสั่นสะเทือนมาถึงหลายพื้นที่ในประเทศไทย และแรงสั่นสะเทือนนี้รับรู้ได้ถึงในกรุงเทพมหานคร

ตลอดชีวิตของเราหลาย ๆ คนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครแทบไม่เคยเจอเหตุการณ์แผ่นดินไหวกันมาก่อนเลย เจอบ้างแค่ตึกโยกบ้างในบางครั้งแต่ไม่เคยถึงกับล้มทั้งยืนเหมือนกับในครั้งนี้ ทำไมแผ่นดินไหวในครั้งนี้ถึงส่งแรงสั่นสะเทือนมาถึงในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้ แล้วแผ่นดินไหวในครั้งนี้กำลังจะบอกอะไรเราเกี่ยวกับพื้นดินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเราอยู่รึเปล่า

ภาพสัญญาณคลื่นแผ่นดินไหวจากเหตุการณ์ 28 มีนาคม 2025 ที่ตรวจจับได้จากเครื่องวัดแผ่นดินไหวที่ฮ่องกง ในเครือข่าย Global Seismographic Network ภาพจาก SAGE

แผ่นดินไทยก็เกิดจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรณีเหมือนกับแผ่นดินอื่น ๆ

นั้นคือความจริงที่ทุกคนต้องรู้ว่าแผ่นดินของเราไม่ใช่ว่าจู่ ๆ ก็เกิดขึ้นมาจากพระเจ้าเสก แผ่นดินที่เราอยู่ในตอนนี้ก็เกิดจากกระบวนการทางธรณีอย่างการชนกันของแผ่นดิน การแยกตัวของแผ่นดิน เหมือนกับแผ่นดินอื่น ๆ

การเกิดขึ้นของพื้นที่แผ่นดินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกิดจากการชนกันของแผ่นทวีปยูเรซียและแผ่นอินเดียเมื่อ 65 ล้านปีก่อน การชนกันทำให้แผ่นดินเดิมในบริเวณนี้ค่อย ๆ แหวกออกจากการชน เกิดเป็นร่องรอยย่นบนผืนแผ่นดินที่ทุกวันนี้เราเรียกรอยย่นเหล่านี้ว่าเทือกเขา และ เปิดพื้นที่ราบขนาดใหญ่ให้ตะกอนมาสะสมกันบริเวณทางใต้ที่แหวกออกมา จำส่วนนี้ไว้ดี ๆ นะครับนี่คือจุดที่สำคัญมากเกี่ยวกับเรื่องราวของแผ่นดินไหว ใครว่าการชนครั้งนี้มันจบลงแล้ว จริง ๆ มันยังไม่จบลงหรอกนะ สองแผ่นเปลือกโลกนี้ยังคงเคลื่อนที่และงัดกันอยู่ ความเครียดที่อยู่ในพื้นที่เหล่านี้ก็จึงไม่หนีไปไหน เหล่าความเครียดที่อยู่ในดินก็คอยหาหนทางที่จะระบายความเครียดพวกนี้ออกมา ตรงไหนที่สภาพของดิน หิน มันอ่อนตัวหรือสภาวะเหมาะสมมันก็จะเสียสภาพเกิดเป็นการแตกหัก และแรงสั่นสะเทือนจากการแตกหักหรือเคลื่อนที่ในครั้งนั้นก็ปลดปล่อยออกมาเป็นสิ่งที่เรียกว่าแผ่นดินไหว

ภาพของที่ราบสูงทิเบตที่เกิดรอยเลื่อนมากมายลากยาวลงมาอันเนื่องมาจากการชนของแผ่นอินเดียและแผ่นยูเรเซีย ซึ่งรอยเลื่อนสะกายก็เป็นอีกรอยเลื่อนที่มีต้นกำเนิดมาจากแนวการชนกันของสองแผ่นนี้ซึ่งเราจะพบแผ่นย่อยพม่าอยู่ในจุดของรอยเลื่อนด้วย ที่มา – Mikenorton

ลองนึกภาพแผ่นดินทั้งผืนเคลื่อนที่พร้อมกันมันจะเกิดแรงสั่นสะเทือนขนาดไหนกันเชียว นั้นแหละทำให้แผ่นดินไหวคือสิ่งที่รุนแรงมาก

รอยเลื่อนแผ่นดินไหวมักจะปรากฏตัวอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่เป็นรอยย่นบนพื้นผิว (แนวเทือกเขา) เพราะมันคือพื้นที่ที่เครียดและรอวันระบายความเครียดออกมา

(ซ้าย) แผนที่กลุ่มรอยเลื่อนในประเทศไทยและพื้นที่ข้างเคียง ที่มีโอกาสปล่อยแผ่นดินไหว กรอบสี่เหลี่ยมสี่ดำ ขยายให้เห็นได้ชัดไว้ในรูปขวา (ขวา) รูปขยายในกรอบเล็กๆ จากรูปซ้าย ซ้อนทับด้วยแบบจำลองระดับสูงเชิงเลข เพื่อยืนยันการแปลแนวเส้น (Pailoplee และคณะ, 2009) ภาพจาก – Santi Pailoplee/Mirtearth

ซึ่งผู้คนในอดีตที่เคยอาศัยอยู่ในแผ่นดินไทยก็ล้วนเคยพบเจอกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวกันมาแล้วหลายครั้ง เกิดเป็นเรื่องราวนิทาน ตำนานเมืองมากมาย เช่น ตำนานเวียงหนองหล่ม เมืองโบราณในตำนานล้านนาที่ล่มสลายในค่ำคืนเดียวกลายเป็นทะเลสาบ ซึ่งคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นการสั่นไหวในกลุ่มรอยเลื่อนแม่จัน (Mae Chan Fault Zone) และทะเลสาบที่เกิดขึ้นก็น่าจะเกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่าหนองน้ำยุบตัว (sag pond) ที่พบได้บ่อยตามแนวรอยเลื่อน ซึ่งนักวิชาการในไทยเชื่อว่าสิ่งนี้ไม่ใช่นิทานหลอกเด็ก และก็มีบันทึกถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวในพงศาวดารหลายต่อหลายครั้งตลอดช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา

หรือเหตุการณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้อย่างในปี 2011 ที่มีแผ่นดินไหวขนาด 6.8 ที่ประเทศเมียนมา โดยในตอนนั้นจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวก็อยู่ห่างจากจังหวัดเชียงรายไปเพียง 70 กิโลเมตร ซึ่งแผ่นดินไหวในครั้งนั้นก็สร้างความเสียหายให้กับอาคารบ้านเรือนในจังหวัดเชียงรายเป็นอย่างมาก จนมีการพูดถึงการทำโครงสร้างอาคารบ้านเรือนเพื่อรองรับแผ่นดินไหวกันไประยะหนึ่ง ดังนั้นเหตุการณ์แผ่นดินไหวอยู่กับประเทศของเรามานานแล้ว และจะอยู่กับเราแบบนี้ไม่มีวันหายไปไหน

กรุงเทพ ฯ ที่ไร้รอยเลื่อนแต่กลับเสี่ยงภัยแผ่นดินไหว

จำที่บอกได้ไหมว่าผมได้เขียนว่า การชนของแผ่นดินอินเดียกับยูเรเซียทำให้เกิดการแหวกออกและเปิดพื้นที่ราบขนาดใหญ่ให้ตะกอนมาสะสมตัวบริเวณนั้น การที่แหวกออกของแผ่นดินนั้นสร้างแผ่นดินใหม่ ๆ แผ่นดินใหม่ย่อมมาพร้อมกับพื้นที่ที่อ่อนไหวและพร้อมจะพังทลาย ซึ่งจุดนี้เกิดเป็นแอ่งที่ตะกอนมาสะสมตัวกัน และเมื่อเวลาผ่านไปพื้นที่ที่อ่อนไหวด้านใต้ก็จะพังทลายตัวลงกลายเป็นแอ่งที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เปิดรับตะกอนใหม่มาสะสมตัว ซึ่งพื้นที่ที่ผมบอกว่าอ่อนไหวนี่เองก็คือรอยเลื่อนอีกเช่นกัน

พื้นที่ราบลุ่มแอ่งตะกอนหลาย ๆ ที่มีรอยเลื่อนเปิดทางสร้างพื้นที่แอ่งตะกอนให้มาสะสมตัว เราเรียกพื้นที่ที่เกิดการแหวกและทรุดตัวเกิดเป็นแอ่งตะกอนว่า Rift Basin พื้นที่ราบลุ่มภาคกลางประเทศไทยก็เกิดจากกระบวนการนี้เช่นกัน ดังนั้นแปลว่าใต้ผืนดินที่ราบลุ่มภาคกลางย่อมต้องมีรอยเลื่อนที่มีแผ่นดินไหว ถามว่าในพื้นที่ราบลุ่มภาคกลางมีไหม ก็มีบ้าง เช่น รอยเลื่อนองครักษ์ รอยเลื่อนนครนายก รอยเลื่อนคลองสะแก เป็นต้น แต่ก็ล้วนเป็นรอยเลื่อนที่มีอัตราเคลื่อนตัวน้อย เป็นกลุ่มรอยเลื่อนเล็ก มีคาบอุบัติซ้ำหลักพันถึงหมื่นปี มีความเสี่ยงน้อย

แผนที่แสดงแนวรอยเลื่อนมีพลังในที่ตั้งสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก (ศูนย์วิจัยแห่งชาติด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและของเสียอันตราย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2548) ภาพจาก Santi Pailoplee/Mirtearth

แล้วกรุงเทพมหานครของเรามีรอยเลื่อนไหม จากองค์ความรู้ที่เรามีในตอนนี้คือยังไม่พบรอยเลื่อนในบริเวณผ่ากลางกรุงเทพ ฯ และปริมณฑลของเรา แต่ก็มีแนว เส้นทางธรณีวิทยา (lineament) ที่พาดผ่านกรุงเทพ ฯ อยู่

ดังนั้นเราอาจจะสรุปแผ่นดินไหวของกรุงเทพมหานครเราได้ว่า กรุงเทพไม่มีแนวรอยเลื่อนที่มีพลังพาดผ่านตัวกรุงดังนั้นสบายใจเรื่องแผ่นดินไหวที่จะเกิดในบริเวณกรุงเทพได้ แต่กรุงเทพของเรายังเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อภัยแผ่นดินไหวอยู่ และไม่น่าจะมาจากรอยเลื่อนใกล้ ๆ ที่เพิ่งกล่าวไปข้างต้นด้วย แต่มาจากรอยเลื่อนที่อยู่ห่างไกลต่างหาก

อย่างเช่นแผ่นดินไหวใน 28 มีนาคม 2025 คลื่นแผ่นดินไหวที่มาสั่นก็มาจาก รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) ที่อยู่ห่างจากกรุงเทพมากกว่าพันกิโลเมตร พลังงานของการสั่นสะเทือนจริง ๆ ควรจะลดลง แต่มันกลับรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่เยอะอยู่นั้นก็เป็นเพราะว่าใต้ผืนดินของเรามันเป็นแอ่งกระทะ หมายความว่าคลื่นที่เดินทางมาชนกับแอ่งกระทะของเรามันจะสะท้อนกลับขึ้นไปด้านบน เหมือนกับเป็นจานรับสัญญาณดาวเทียมที่รับสัญญาณที่มาจากทุกทิศทางและสะท้อนไปที่จุดโฟกัส ดังนั้นพลังงานการสั่นสะเทือนจึงเคลื่อนตัวขึ้นมาด้านบนพื้นดินบริเวณพื้นที่ราบลุ่ม กรุงเทพมหานครก็เช่นกัน นั้นทำให้พื้นที่ราบลุ่มภาคกลางที่เหมือนจะไร้แนวรอยเลื่อนแผ่นดินไหว ก็กลับเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวได้

ภาพอธิบายลักษณะทางธรณีใต้ Mexico City ที่แม้จะอยู่ไกลจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวหลายร้อยกิโลเมตรแต่ก็ยังรับรู้แรงสั่นสะเทือนค่อนข้างมากใกล้เคียงกับจุดศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหว เพราะว่าโครงสร้างธรณีเป็นแอ่งตะกอนที่มีหินแข็งด้านใต้สะท้อนคลื่นแผ่นดินไหวขึ้นมาที่พื้นผิว ซึ่งกรุงเทพมหานครของเราก็อาจจะมีลักษณะโครงสร้างทางธรณีลักษณะเช่นนี้เหมือนกัน ภาพจาก แผ่นดินไม่ไหว
ภาพอธิบายแอ่งตะกอนที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ที่ทำให้เราเห็นว่าที่ราบลุ่มที่เราอยู่นั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่สิบล้านปีที่ผ่านมาและเป็นแอ่งตะกอนที่อ่อนนุ่มในชามหิน Bedrock ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นลักษณะที่คล้ายกับ Mexico City ภาพจาก JICA

จริง ๆ สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในแอ่งกระทะกับแผ่นดินไหวคือพื้นที่ทะเลญี่ปุ่น เราจะทราบกันดีว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นพื้นที่ที่มีแผ่นดินไหวมากที่สุดในโลก แต่คุณเชื่อไหมว่าพลังงานจากแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นแทบจะไม่เคยเดินทางไปถึงคาบสมุทรเกาหลีเลยเพราะว่าดินในบริเวณทะเลญี่ปุ่นมีลักษณะที่เป็นแอ่งกระทะและมีคุณสมบัติพิเศษที่ดูดซับพลังงานแผ่นดินไหว คล้ายกับว่าไอ้เจ้าก้อนแผ่นดินตรงนี้เป็นเกราะป้องกันเกาหลีจากแผ่นดินไหวญี่ปุ่นก็ว่าได้

รอยเลื่อนที่น่าเป็นห่วง

คุณเชื่อไหมว่าอาจารย์สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยเขียนในเว็บ Mitrearth ว่า รอยเลื่อนสะกายนี้เป็นที่ไม่น่าไว้ใจมากตั้งแต่ปี 2019 แล้ว

“ไม่อยากให้ทุกคนวางใจกับรอยเลื่อนตัวนี้ รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) รอยเลื่อนระดับเวิลด์คลาส ที่ผ่ากลางอกประเทศพม่า รอยเลื่อนตัวนี้ ไม่ได้มีแค่ความใหญ่และความยาว เพราะจากสถิติเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา ทำพม่าเจ็บช้ำมาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งแรงสั่นสะเทือนก็เคยส่งมาถึงประเทศไทย อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจสะกาย ผู้เขียนเตือนได้แค่นี้

ไม่น่าเชื่อว่าในวันนี้มันตรงเป๊ะแบบที่อาจารย์เขาพูดเลย

ซึ่งอาจารย์สันติเองก็ได้พูดถึงแผ่นดินไหวจากรอยเลื่อนแห่งนี้หลายครั้งแล้วในทั้งเพจของ mitrearth เองและทางช่องทางต่าง ๆ เพราะมันเป็นรอยเลื่อนที่เคยมีประวัติโชกโชนและส่งแรงสั่นสะเทือนมาถึงกรุงเทพมาก่อนแล้วด้วย โดยอาจารย์เคยเขียนไว้ว่า

“แผ่นดินไหวขนาด 8.0 วันที่ 23 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2455 ที่เมืองมัณฑะเลย์ (Brown, 1914) ทำให้ประเทศพม่า ได้รับความรุนแรงแผ่นดินไหวสูงในระดับ VII-IX ตาม มาตราเมอร์คัลลีแปลง (Modified Mercalli Intensity, MMI) และส่งผลกระทบถึงภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครของไทยในระดับ III (คนอยู่ในบ้านรู้สึกได้ เหมือนรถบรรทุกวิ่งผ่าน)”

จริง ๆ ยังมีรอยเลื่อนที่กรุงเทพควรจะน่าเป็นห่วงกังวลอยู่ เช่น รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ (Three Pagodas Fault) ที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งล่าสุดไปเมื่อปี 1983 โดยในครั้งนั้นมีขนาด 6.5 ซึ่งเชื่อว่ามีคาบอุบัติที่สองพันปีและเชื่อว่าอาจจะเป็นอันตราย สร้างแผ่นดินไหวครั้งมโหฬาร มหาศาลกับกรุงเทพมหานครอยู่ช่วงหนึ่ง

โอกาสสำคัญในการศึกษาธรณี

สิ่งหนึ่งที่คุณต้องยอมรับคือแผ่นดินไหวที่สั่นสะเทือนกรุงเทพในครั้งนี้คือโอกาสที่ดีมากในการสร้างความตระหนักรู้กับสังคมว่า “ประเทศไทยยังมีความรู้เกี่ยวกับรอยเลื่อนและแผ่นดินไหวน้อย” ถึงแม้ว่าเราจะบอกว่าส่วนหนึ่งที่เรารู้น้อยเกี่ยวกับแผ่นดินไหวก็มาเพราะว่าเรามีแผ่นดินไหวที่น้อย แต่ส่วนที่สำคัญมากคือความตระหนักและส่งเสริมให้เราทำการศึกษาแผ่นดินไหวก็น้อยมากด้วยเช่นกัน เหมือนกับว่าภัยมันยังไม่มาถึงตัวเรา เราก็ยังไม่ตระหนักถึงมัน

ถ้าบอกว่าประเทศไทยคือจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการสำรวจแผ่นดินไหวระดับโลกคุณจะเชื่อไหม นี่แหละคือสิ่งที่คนไทยส่วนมากยังไม่รู้

ตำแหน่งที่ตั้งของประเทศไทยนั้นแทบจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทวีปอเมริกา ซึ่งบริเวณนั้นเป็นบริเวณที่มักเกิดแผ่นดินไหวใหญ่จากของแผ่นเปลือกโลกหลักชนกัน (แผ่นอเมริกาเหนือ-แปซิฟิก, แผ่นอเมริกาใต้-แปซิฟิก) ทำให้เมื่อเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในบริเวณนั้น แรงสั่นสะเทือนที่เคลื่อนตัวผ่านโลกทั้งใบมาจะเดินทางมาถึงประเทศของเรา ทำให้เราได้รู้ลึกกว่าแค่แผ่นดินไหว นั้นคือรูปร่างของคลื่นที่เคลื่อนที่ผ่านแก่นโลกของเรามานั้นมีการหักเหไปมาอย่างไรบ้าง แล้วรูปคลื่นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง นี่คือสิ่งที่ทำให้เรารู้เกี่ยวกับแก่นโลกของเรามากขึ้น และที่สำคัญคือการที่พื้นที่ประเทศไทยของเรามีแผ่นดินไหวที่น้อยก็ทำให้เราสามารถตรวจจับคลื่นแผ่นดินไหวที่มาจากอีกฟากหนึ่งของโลกได้ชัดเจนแม่นยำไม่ถูกรบกวนจากคลื่นแผ่นดินไหวของบ้านเราด้วย

และผลจากการศึกษาคลื่นแผ่นดินไหวที่มาจากอีกฟากของโลกก็ทำให้เรารู้จักรูปทรงของแก่นโลกว่าแท้จริงมีรูปร่างแปลกประหลาดอย่างไรบ้าง สิ่งนี้คือสิ่งที่อาจารย์สุทธิพงษ์ น้อยสกุล อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลเคยเล่าไว้ในรายการ Podcast อวกาศข้างบ้าน ของ Spaceth ไว้เมื่อปี 2020

โลกของเรานั้นแท้จริงเป็นอย่างไร ภาพ – Jirasin Aswakool/Spaceth

เรายังจำเป็นต้องศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับแผ่นดินไหวในประเทศไทยอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Charcteristic ของแผ่นดินไหวในบ้านเราและประเทศเพื่อนบ้าน เพราะว่าดินที่รอยเลื่อนพาดผ่านแต่ละที่มันแตกต่างกัน คุณสมบัติของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นจึงแตกต่างกัน อย่างเมื่อผมกับเติ้ล ณัฐนนท์ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกันสองคนก็เคยพบกับแบบจำลองการเคลื่อนตัวของคลื่นแผ่นดินไหวแบบ 3 มิติ ซึ่งรูปแบบของคลื่นแผ่นดินไหวของแต่ละรอยเลื่อนแต่ละพื้นที่นั้นแตกต่างและมีลักษณะเฉพาะตัวที่ชัดเจน

หมายความว่าเราสามารถออกแบบโครงสร้างอาคารให้รองรับการลักษณะของคลื่นแผ่นดินไหวให้ตรงกับคลื่นแผ่นดินไหวที่จะเกิดกับพื้นที่นั้นพื้นที่เดียวก็พอ ไม่จำเป็นต้องเอามาตรฐานการออกแบบอาคารรับแผ่นดินไหวสำหรับญี่ปุ่นมาใช้กับอาคารในกรุงเทพเราก็ได้ แบบนี้ก็จะช่วยลดต้นทุนการก่อสร้างอาคารให้รองรับแผ่นดินไหวได้มาก เพราะว่าเราไม่จำเป็นต้องให้รับการสั่นไหวเท่ากับญี่ปุ่นเขา เอาแค่เท่ากับความสั่นไหวที่กรุงเทพของเราจะเกิดก็พอ

ภาพถ่ายแบบจำลองการสั่นสะเทือนแบบสามมิติ สร้างโดย เซคิ เซคิยะ (Seikei Sekiya) ศาสตราจารย์ด้านแผ่นดินไหววิทยาคนแรกของโลก โมเดลนี้อ้างอิงจากข้อมูลการเกิดแผ่นดินไหวในโตเกียวเมื่อวันที่ 15 มกราคม ค.ศ. 1887 (ปีเมจิที่ 20) โดยใช้เส้นลวดเพื่อแสดงการเคลื่อนที่ (displacement) ของพื้นดินใน 3 มิติ และจากการศึกษานี้ทำให้เราเข้าใจเกี่ยวกับ Chracteristic ของแผ่นดินไหวในพื้นที่ต่าง ๆ ได้มากขึ้นเป็นอย่างมาก ภาพ – Jirasin Aswakool/Spaceth

และการศึกษาทางดาราศาสตร์และฟอสซิลก็คืออีกหนึ่งการศึกษาที่ทำให้เราเข้าใกล้เกี่ยวกับองค์ความรู้ด้านธรณีและประวัติของธรณีที่เราอยู่กันมากขึ้นด้วย เช่น กล้องโทรทรรศน์วิทยุของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติก็เข้าร่วมกับ VLBI Global Observing System ที่ทำการศึกษาการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกตำแหน่งที่ตัวกล้องโทรทรรศน์อยู่ผ่านการสังเกตการณ์เควซ่าร์ ซึ่งตอนนี้ก็มีประกาศว่าค้นพบแผ่นเปลือกโลกย่อยในบริเวณประเทศไทยแล้วจากการศึกษาด้วยกระบวนการนี้ หรือการขุดดินหาไดโนเสาร์ก็ทำให้ทราบประวัติความเป็นมาของแผ่นดินประเทศไทยว่าครั้งหนึ่งในโบราณกาลแผ่นดินเราเป็นอย่างไร มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรแล้วทำไมรูปร่างของแผ่นดินที่เราอยู่จึงเป็นอย่างทุกวันนี้

และการสั่นไหวในครั้งนี้น่าจะเป็นคำตอบได้แล้วว่าทำไมประเทศเราต้องมีมาตรฐานการก่อสร้างอาคารเพื่อรองรับแผ่นดินไหวในกรุงเทพ ฯ เพราะครั้งหนึ่งสมัยเมื่อสิบปีที่แล้วเคยมีเซลล์ขายคอนโดคนหนึ่งบอกกับผมว่าอาคารของเขาผ่านมาตรฐานแผ่นดินไหวนั้นนี่ แต่เราไม่ต้องสนใจหรอกเพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่ากรุงเทพไม่มีแผ่นดินไหวหรอก ผมจำประโยคนี้ได้ขึ้นใจเลย แล้วอยากจะไปบอกเขาในวันนี้ว่าแผ่นดินไหวในกรุงเทพก็เกิดแล้วนะครับ

ดังนั้นอย่าปล่อยให้ความตระหนักของเราในวันนี้เกิดขึ้นแล้วผ่านไปเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์สึนามิที่องค์กรของรัฐตื่นตระหนักกับมัน สร้างสิ่งเตือนภัยและรองรับการอพยพอย่างดิบดีเฉพาะช่วงที่คนตื่นตระหนักกับเหตุการณ์และปล่อยให้มันถูกทิ้งร้างไม่สนใจมันเมื่อเหตุการณ์มันผ่านไป เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อเรายังคงใช้ชีวิตอยู่บนพื้นโลก เหตุการณ์แผ่นดินไหวย่อมไม่หนีเราไปไหน เพราะเดี๋ยววันหนึ่งมันจะกลับมา และมันจะกลับมาอย่างแน่นอน

เรียบเรียงข้อมูลจาก

จากตำนาน “เวียงหนองหล่ม” สู่การตีความด้านแผ่นดินไหว – มิตรเอิร์ธ – mitrearth
รวม 6 คำถามพบบ่อย สถานการณ์ของ แผ่นดินไหว x ประเทศไทย – มิตรเอิร์ธ – mitrearth
องครักษ์ . นครนายก : กับแนวเส้นที่ไม่ค่อยมีใครใคร่จะเห็น – มิตรเอิร์ธ – mitrearth
รอยเลื่อนสะกาย – ยักษ์หลับกลางเมืองพม่า – มิตรเอิร์ธ – mitrearth
3 ทศวรรษ พัฒนาการแผนที่รอยเลื่อนมีพลังของไทย – รอยเลื่อน แผ่นดินไหว
อวกาศข้างบ้าน EP29 : แผ่นดินไหวบนดาวอังคาร
กรมศิลปากร สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Jirasin Aswakool | Researcher Assistant | นักวิจัยอยากผันตัวกลับมาทำงานสื่อสารวิทยาศาสตร์