เปิดร่างงบประมาณ NASA ปี 2026 ยกเลิกโครงการ Lunar Gatway จรวด SLS และยาน Orion

รัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี Donald Trump และรองประธานาธิบดี Vance ได้เผยร่างงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2026 ซึ่งถือเป็นเอกสารแรกที่สะท้อนนโยบายด้านอวกาศในยุคใหม่นี้อย่างเป็นทางการ โดยมีหัวใจสำคัญคือ “เร่งภารกิจ Moon to Mars ให้เร็วขึ้น โดยตัดโครงการที่สิ้นเปลือง” ซึ่งรวมถึงข้อเสนอให้ยุติทั้งโครงการสถานี Gateway และภารกิจ Mars Sample Return

NASA ได้ประกาศผ่านบทความชื่อ President Trump’s FY26 Budget Revitalizes Human Space Exploration ลงบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยชูภาพใหญ่ของการ “เร่งความก้าวหน้า” ด้านการสำรวจดวงจันทร์และดาวอังคาร ควบคู่กับการปรับโครงสร้างภายในให้ “คุ้มค่าและยั่งยืน” มากยิ่งขึ้น เนื้อหาในบทความระบุชัดว่า ร่างงบประมาณปี 2026 นี้มีเป้าหมายเพื่อสร้าง “เส้นทางใหม่ที่ทั้งโฟกัสและกล้าท้าทาย” โดยมุ่งย้ายภารกิจสำคัญไปสู่ภาคเอกชน ยุติโครงการที่ “ใช้จ่ายมากกว่าประสิทธิภาพ” และหันมาเน้นโครงการที่สามารถส่งผลต่อการสำรวจอวกาศของมนุษยชาติในระยะยาว

สิ่งนี้น่าจะเป็นโจทย์อยากของว่าที่ผู้อำนวยการ NASA คนใหม่อย่าง Jared Isaacman ที่อยู่ระหว่างรอการรับรองและเพิ่งผ่านการให้ความเห็นกับสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ไป ที่เราเคยรายงานไปในบทความ สรุปใจความการฟังความเห็น Jared Isaacman ก่อนเป็นผู้อำนวยการ NASA

Jared Isaacman ในพิธีให้ความเห็นและแสดงวิสัยทัศน์การเข้ารับเป็นผู้อำนวยการ NASA ที่มา – NASA/Bill Ingalls

จากประกาศดังกล่าวระบุว่า NASA จะ “เลิกให้ทุนสนับสนุนโครงการที่ไม่สอดคล้องกับภารกิจหลัก” ทั้งหมดล้วนสะท้อนวิธีคิดใหม่ของรัฐบาลชุดนี้ที่พยายามมองหา “ความเป็นไปได้สูงสุดภายใต้งบประมาณจำกัด” และเปิดทางให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ NASA

ในความสำคัญที่ระบุเอาไว้นั้นก็ได้แก่ มุ่งสู่การสำรวจดวงจันทร์และดาวอังคารแบบมีมนุษย์ (Human Exploration) ใช้หลัก “Fiscally Responsible” หรือการใช้งบอย่างคุ้มค่า โดย NASA จะโฟกัสกับ “Core Mission” ขององค์กร คือการสำรวจอวกาศ ตัดเรื่องโครงการที่สนับสนุนความเท่าเทียม ความหลากหลายต่าง ๆ ทิ้งออกไป

ต่อมาคือ SLS และ Orion จะถูกปลดระวางหลัง Artemis III เปลี่ยนไปใช้ยานของภาคเอกชนที่มีต้นทุนต่ำกว่า ยุติโครงการ Gateway  แต่เพิ่มงบพันล้านดอลลาร์ สำหรับโปรแกรมที่มุ่งเน้นการพามนุษย์สู่ดาวอังคาร ยกเลิกโครงการ Mars Sample Return และลดขนาดของโครงการสถานีอวกาศนานาชาติ และเตรียมเปลี่ยนผ่านไปยังสถานีอวกาศเอกชนในปี 2030 ลดจำนวนลูกเรือและภารกิจสู่สถานีฯ เตรียมดันสถานีอวกาศเอกชนเต็มที่

ทั้งหมดนี้ถือว่าน่าสนใจอย่างมากว่าแนวทางของ NASA จะเป็นอย่างไรหลังจากนี้ โดยในบทความนี้เราจะลองมองจุดสำคัญ ๆ ของแผนดังกล่าวและวิเคราะห์ดูว่ามีอะไรที่น่าจับตามองบ้าง

ยกเลิกโครงสร้างเดิมของโครงการ Artemis และ SLS

แม้โครงการ Artemis จะยังเดินหน้าต่อ แต่ร่างงบเสนอให้ “เปลี่ยนแปลงโครงสร้างอย่างมีนัยสำคัญ” โดยระบุว่าจะใช้ระบบจรวด SLS และยาน Orion เป็นครั้งสุดท้ายในภารกิจ Artemis III ซึ่งเป็นการพามนุษย์ลงจอดบนผิวดวงจันทร์ ก่อนจะเปลี่ยนไปใช้ระบบของเอกชนในภารกิจถัดไป โดยไม่ได้ระบุชื่อบริษัท แต่คาดว่าโครงการ Starship ของ SpaceX ที่อยู่ภายใต้โครงการ Human Landing System จะยังคงเป็นที่สนใจของรัฐบาลในตอนนี้

จรวด SLS สำหรับภารกิจ Artemis II ที่ ณ ตอนนี้ประกอบเสร็จแล้ว ที่ NASA Kennedy Space Center ที่มา – NASA/Frank Michaux

การยกเลิกจรวด SLS ถ้าเกิดขึ้นจริง ก็หมายความว่า NASA จะไม่มีจรวด Heavy-Lift ของตัวเองอีกต่อไป การผลิต SLS จะหยุดลงที่ Artemis III ที่กำลังประกอบอยู่ที่ NASA Michoud Assembly Facility ในนิวออร์ลีนส์ ขณะที่ฮาร์ดแวร์บางส่วนของ Artemis IV ก็ถูกผลิตไปแล้ว เช่นเดียวกับโครงการภาคพื้นดิน EGS ที่กำลังสร้าง Mobile Launcher สำหรับ SLS Block 2 อยู่ในขณะนี้ การ “เบรกกลางอากาศ” แบบนี้ไม่ได้แค่กระทบอุตสาหกรรมจรวด แต่คือแรงสั่นสะเทือนโดยตรงต่ออนาคตของแผน Artemis ทั้งระบบที่เคยถูกออกแบบให้เป็นโครงสร้างสำคัญของการกลับไปดวงจันทร์อย่างยั่งยืน และเป็นสะพานสู่ดาวอังคารในระยะยาว

ผลกระทบจากการยุติ SLS ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ใน NASA แต่ลามไปถึงบริษัทคู่สัญญาที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุดแห่งหนึ่งของอุตสาหกรรมอวกาศสหรัฐฯ บริษัทอย่าง Boeing ซึ่งเป็นผู้ประกอบหลักของ Core Stage, Aerojet Rocketdyne ที่ผลิตเครื่องยนต์ RS-25 และ Jacobs ผู้ดูแล Integration ภาคพื้นทั้งหมดในโครงการ Exploration Ground Systems (EGS) ล้วนลงทุนระยะยาวกับ SLS มาเป็นสิบปี พร้อมวางแผนการผลิตแบบต่อเนื่องถึง SLS รุ่น Block 2

การผลิตชิ้นส่วนของ SLS Block 1 B สำหรับภารกิจ Artemis IV ซึ่งเป็นการก่อสร้างสถานีอวกาศ Lunar Gateway ที่มา – NASA/Eric Bordelon

ข่าวลือเรื่องการปรับลดพนักงานในโครงการ SLS เริ่มมีออกมาตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะจากฝั่ง Boeing ที่มีรายงานว่าจะมีการเลย์ออฟในแผนก Space and Launch ซึ่งรับผิดชอบการผลิต Core Stage โดยตรง การประกาศล่าสุดของงบประมาณปี 2026 จึงยิ่งตอกย้ำว่า ความไม่แน่นอนเหล่านี้ไม่ใช่แค่ข่าวลือ แต่อาจกลายเป็นความจริงแล้ว ความเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่ดูเหมือนจะ “รีบเปลี่ยนทาง” อย่างกะทันหัน ในช่วงนั้นเรายังเพิ่งเขียนบทความเรื่อง รัฐบาล Trump กระทบอย่างไรต่อโครงการ Artemis จะยกเลิก SLS จริงหรือไม่ และวิเคราะห์ไปในเชิงว่าการยกเลิกนั้นไม่ได้ง่าย ๆ ในขณะที่หลาย ๆ สำนักก็มองไปในทางเดียวกัน แต่จากร่างงบประมาณล่าสุดนี้ ยิ่งทำให้ประเด็นดังกล่าวใกล้กับความจริงมาก อย่างมากที่สุดก็ว่าได้ ถามว่าทำไม SLS ที่ดูไม่ค่อยมีอนาคตเท่าไหร่ แต่ถูกเข็นมานานได้ขนาดนี้ก็ต้องย้อนกลับไปอ่านบทความ ทำไม SLS ถึงเป็นจรวดที่แพงแต่จำเป็น

Orion จะเป็นยานอวกาศที่ออกแบบมาใช้แค่ภารกิจเดียว

อีกหนึ่งชิ้นส่วนของประวัติศาสตร์ที่ดูจะใกล้ถึงบทสรุปคือยาน Orion ยานอวกาศที่ถูกออกแบบมาตั้งแต่สมัยโครงการ Constellation ในยุคประธานาธิบดี Gorge Bush ซึ่งเคยถูกยกเลิกมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ “รอดชีวิต” ผ่านการปรับเปลี่ยนเป้าหมายและเดินทางสู่การทดสอบเที่ยวแรกในปี 2014 ย้อนรอยการทดสอบยาน Orion ในเที่ยวบิน Exploration Flight Test ในปี 2014 และอีกครั้งในภารกิจ Artemis I เมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา

ยาน Orion สำหรับภารกิจ Artemis II, III และ IV ในห้องประกอบของ Lockheed Martin ที่มา – ASA/Marie Reed

ล่าสุดภายใต้งบประมาณใหม่นี้ Orion จะถูกใช้เพียงใน Artemis II และ III โดยจะมีนักบินอวกาศเพียง 8 คนได้เดินทางด้วย ก่อนจะปิดฉากการใช้งานอย่างเป็นทางการในฐานะยานสำรวจระยะไกลของ NASA การที่ Orion ซึ่งมีต้นทุนพัฒนาและทดสอบสูงถึงระดับหมื่นล้านดอลลาร์ ถูกลดบทบาทให้เหลือเพียง “โครงการชั่วคราว”

จรวดท่อน ICPS ของภารกิจ Artemis II เพิ่งถูกยกประกอบกับ SLS ในช่วงปลางเดือนเมษายน 2025 ที่มา – NASA/Isaac Watson

แม้กระทั่งจรวดท่อนที่สองของระบบ SLS และ Orion อย่าง ICPS หรือ Interim Cryogenic Propulsion Stage ที่เป็นการดัดแปลงเอาจรวดท่อนที่สองของจรวด Delta IV ของ Boeing มาใช้ ก็จะได้ชื่อว่าเป็น Interim ตลอดกาล เพราะจรวดท่อนที่สองของ SLS จริง ๆ ที่ไม่ใช่ ICPS ถ้าเกิดมีการยกเลิก แปลว่ามันจะกลายเป็น “จรวดผี” ที่ไม่มีอยู่จริงแต่มีในงบประมาณและการพัฒนาทันที อารมณ์ประมาณสถานี BTS ที่ไม่มีอยู่จริงแต่คิดราคาเรา

อนาคตของสถานีอวกาศรอบดวงจันทร์ของมนุษยชาติ

ที่น่าสนใจคือการ “ยุติโครงการ Gateway” ซึ่งเป็นสถานีอวกาศขนาดเล็กที่จะโคจรรอบดวงจันทร์และใช้เป็นฐานพักสำหรับภารกิจ Artemis ถัด ๆ ไป โดยฝ่ายบริหารให้เหตุผลว่าเป็นการลดค่าใช้จ่าย และจะพิจารณา “นำชิ้นส่วนที่ผลิตแล้วมาใช้ในภารกิจอื่น” แทน

การยกเลิก Gateway ถือเป็นประเด็นละเอียดอ่อน เพราะ Gateway เป็นโครงการที่มีการลงนามระหว่างประเทศโดยเฉพาะพันธมิตรอย่างยุโรป ESA, ญี่ปุ่น JAXA, แคนาดา CSA และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกหน้าใหม่ ที่ลงทุนทรัพยากรและเทคโนโลยีในโครงการนี้มาหลายปี โดยมีเป้าหมายให้ Gateway เป็นโครงสร้างถาวรชิ้นแรกในวงโคจรของดวงจันทร์ ซึ่งเราเคยรายงานความคืบหน้าว่าหลาย ๆ โมดูลอยู่ระหว่างการก่อสร้าง อัพเดทการสร้าง Lunar Gateway ต้นปี 2025 โมดูลสหรัฐฯ เตรียมถูกส่งมอบ

ชิ้นส่วน HALO โมดูลหลักของสถานีอวกาศ Lunar Gateway ในโรงงานของ Northrop Grumman ที่มา – NASA/Josh Valcarcel

ประเด็นที่ทำให้ข่าวนี้น่าจับตายิ่งขึ้น คือโมดูล HALO หรือ Habitation and Logistics Outpost ที่รับผิดชอบโดยบริษัท Nortrhop Grumman ซึ่งเป็นหนึ่งในสองชิ้นส่วนหลักของ Gateway เพิ่งเดินทางถึงสหรัฐฯ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ในบทความ HALO โมดูลแรกของ Lunar Gateway ถึงแผ่นดินสหรัฐฯ แล้ว หลังผ่านการผลิตจากโรงงานของ Thales Alenia ที่อิตาลี HALO ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญด้านการอยู่อาศัยและระบบควบคุมภารกิจ ซึ่งอยู่ภายใต้การร่วมมือกับผู้ผลิตหลายราย รวมถึง Maxar Technologies ที่มีบทบาทด้านการพัฒนาโมดูลพลังงานและระบบการสื่อสารหรือที่เรียกว่า PPE

สิ่งที่น่าสนใจคือ NASA ได้เขียนในรายงานว่า “International partners will be invited to join these renewed efforts, expanding opportunities for meaningful collaboration on the Moon and Mars.” นั่นหมายความว่า NASA อาจจะยังไม่ได้ทอดทิ้งพันธมิตรนานาชาติซะทีเดียว แต่อาจจะมีแผนอะไรบางอย่างอยู่ในใจ

Mars Sample Return จะตัดหรือจะเปลี่ยน

อีกรายการใหญ่ที่ถูกร่างงบเสนอให้ “ยุติ” คือภารกิจ Mars Sample Return ซึ่งเป็นภารกิจร่วมระหว่าง NASA และ ESA ที่มีเป้าหมายในการนำตัวอย่างหินจากดาวอังคารกลับมายังโลก อย่างไรก็ตาม เพียงไม่กี่เดือนก่อน NASA เพิ่งประกาศ Roadmap เบื้องต้นสำหรับ “การปรับโครงสร้าง MSR” ที่จะเปิดให้เอกชนเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้น โดยพิจารณาทั้งตัวเลือกของบริษัทขนาดใหญ่และสตาร์ทอัพ ซึ่งเราได้รายงานไปในบทความ NASA อัพเดท Mars Sample Return ศึกษาสองความเป็นไปได้ ไม่ใช้ JPL ก็ใช้เอกชน

วิศวกรที่ JPL กำลังศึกษาและออกแบบระบบลงจอดสำหรับการส่งตัวอย่างหินดาวอังคารกลับโลก ที่มา – NASA/JPL-Caltech

ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้เราอาจวิเคราะห์ได้ว่า ร่างงบประมาณนี้สะท้อนการยกเลิก MSR จริงหรือไม่ หรือเป็นการ “โยนหินถามทาง” เพื่อเปิดพื้นที่ให้บริษัทเอกชนเข้ามามีบทบาทแทน NASA แบบเต็มตัว

ร่างงบประมาณนี้ยังต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาคองเกรส ซึ่งมีสิทธิ์ปรับเปลี่ยนเนื้อหาโดยสิ้นเชิง แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ “นโยบาย Moon–Mars แบบไปให้เร็วที่สุดให้ชนะจีน” กำลังถูกเสนอให้เป็นภาพใหม่ของ NASA องค์กรที่เน้นภารกิจขนาดใหญ่เชิงยุทธศาสตร์ ลดการลงทุนในระบบสนับสนุนระยะยาว และมองหาวิธีลดงบประมาณผ่านการถ่ายโอนภารกิจให้เอกชนและพันธมิตร

การตัด Gateway และ MSR ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนวิธีทำงานของ NASA แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจของอุตสาหกรรมอวกาศโลก และยังเป็นคำถามใหญ่ว่าเมื่อพันธมิตรเริ่มผลิตชิ้นส่วนไปแล้ว ระบบการทูตอวกาศของอเมริกาจะไปในทิศทางไหนกันแน่ แต่ที่สำคัญคงบอกว่าช่วงนี้เราคงต้องติดตามข่าวอวกาศกันอย่างใกล้ชิด

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.