ย้อนรอยปฏิบัติการกู้ซากกระสวย Columbia หลังตกกระจายในรัฐเท็กซัส และซากปัจจุบันอยู่ที่ไหน

1 กุมภาพันธ์ 2003 เป็นวันที่โลกต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของการสำรวจอวกาศ เมื่อกระสวยอวกาศ Columbia ภารกิจ STS-107 ซึ่งกำลังเดินทางกลับจากอวกาศหลังปฏิบัติภารกิจนาน 16 วัน ระเบิดกลางท้องฟ้าเหนือรัฐเท็กซัส นักบินอวกาศทั้ง 7 คนเสียชีวิตทันที ไม่มีใครได้กลับบ้าน ไม่มีโอกาสได้บอกลาครอบครัว

แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น NASA ทำอย่างไรกับเศษซากของ Columbia 20 กว่าปีผ่านไป ซากเหล่านั้นอยู่ที่ไหน นี่คือเรื่องราวของภารกิจกู้ซากครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ NASA

กระสวยอวกาศ Columbia ออกเดินทางเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2003 ในภารกิจ STS-107 ซึ่งเป็นภารกิจวิทยาศาสตร์ที่มุ่งเน้นการทดลองต่าง ๆ บนวงโคจร รวมถึงการศึกษาผลกระทบของแรงโน้มถ่วงต่อสิ่งมีชีวิต โดยไม่ได้มีการเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศนานาชาติ

แต่แล้วเพียง 82 วินาทีหลังจากปล่อยตัว กล้องจับภาพได้ว่าชิ้นส่วนฉนวนโฟมขนาดใหญ่จากถังเชื้อเพลิงหลัก (ET หรือ External Tank) ได้หลุดออกมาและชนเข้ากับขอบปีกซ้ายของกระสวย NASA รับทราบเหตุการณ์นี้ แต่ ณ เวลานั้น ไม่มีใครคิดว่ามันเป็นภัยร้ายแรง นักวิศวกรบางคนเริ่มตั้งข้อสังเกต แต่ก็ไม่ได้มีการตรวจสอบถึงผลกระทบดังกล่าวอย่างจริงจัง

ภาพแสดงชิ้นส่วนขนาดใหญ่ที่ไปกระแทกกับขอบปีกด้านซ้ายของกระสวยอวกาศ ที่มา – NASA

16 วันต่อมา – เวลา 08:44 น. ตามเวลาท้องถิ่น (EST) กระสวยอวกาศ Columbia เข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกเหนือรัฐแคลิฟอร์เนีย ทุกอย่างยังดูปกติ เวลา 08:53 – อุณหภูมิของเซ็นเซอร์ปีกซ้ายเริ่มสูงขึ้นผิดปกติ จนกระทั่งเวลา 08:58 – ระบบไฮดรอลิกเริ่มล้มเหลว

การติดต่อครั้งสุดท้ายระหว่าง Houston กับ Columbia เกิดขึ้นเวลา 08:59:32 เมื่อศูนย์ควบคุมภารกิจติดต่อ Columbia เป็นครั้งสุดท้าย “Columbia, Houston, we see your tire pressure messages…” แต่ไม่มีเสียงตอบกลับจากลูกเรือ จนกระทั่งกล้องถ่ายภาพระยะไกลจับภาพกระสวยเริ่มแตกออกเป็นชิ้น ๆ และเศษซากกระจัดกระจายไปทั่วรัฐเท็กซัสและหลุยเซียนา

เศษซากกระจัดกระจายอยู่ทั่วรัฐเท็กซัส

เนื่องจาก Columbia กลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศด้วยความเร็วกว่า 20,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบินข้ามสหรัฐฯ ตั้งแต่ชายฝั่งแคลิฟอร์เนียไปจนถึงฟลอริดา ซากของกระสวยจึงตกกระจัดกระจายกินพื้นที่กว่า 2,000 ตารางกิโลเมตรในรัฐเท็กซัสและลุยเซียนา

NASA ต้องทำภารกิจกู้ซากครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ระดมทีมกว่า 25,000 คน ใช้เวลากว่า 3 เดือน และสามารถเก็บกู้ชิ้นส่วนได้กว่า 84,000 ชิ้น หรือราว 38% ของกระสวยทั้งหมด ซากที่พบมีตั้งแต่ชิ้นส่วนฉนวนกันความร้อน, ระบบรองรับล้อของกระสวย, แผ่นกระเบื้องกันความร้อน, ไปจนถึงเศษซากของชุดนักบินอวกาศ บางซากถูกพบโดยประชาชนในพื้นที่ ซึ่ง NASA ขอความร่วมมือให้ส่งคืนทั้งหมดเพื่อใช้ในการสืบสวน

ชิ้นส่วนถูกนำมาจัดเรียงเพื่อสืบสวนหาสาเหตุโดยละเอียดของอุบัติเหตุในครั้งนี้ ที่มา – NASA

เพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุ NASA นำชิ้นส่วนของ Columbia มาประกอบขึ้นใหม่ภายใน Reusable Launch Vehicle Hangar หรือ RVL Hangar ซึ่งเป็นอาคารใกล้กับลานลงจอดของกระสวยอวกาศใน Kennedy Space Center คล้ายกับการจัดเรียงกระดูกและเศษซากร่างกายของผู้เสียชีวิต เป็นภาพที่ดูแล้วสะเทือนใจและน่าขนลุกในเวลาเดียวกัน โครงการดังกล่าวนี้มีชื่อว่า Columbia Reconstruction Project

ทีมเก็บกู้ซากกำลังจัดเรียงซากของกระสวยอวกาศตามจุดต่าง ๆ ที่มันควรจะอยู่ ที่มา – NASA

ผลจากการสอบสวนพบว่า รูรั่วบนขอบปีกซ้ายเป็นจุดที่ทำให้ความร้อนสูงกว่า 1,650 องศาเซลเซียส ไหลทะลุเข้ามาภายใน และทำให้โครงสร้างของกระสวยพังลง คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุ Columbia Accident Investigation Board CAIB หรือ CAIB ระบุว่าความล้มเหลวของ NASA ในการตรวจสอบความเสียหายก่อนกลับสู่โลกคือสาเหตุหลักของหายนะ

ด้านหน้าของอาคาร RLV Hangar มีการขึ้นแผ่นป้ายภารกิจ STS-107 เพื่อระลึกถึงว่าสถานที่แห่งนี้เคยถูกใช้ในการประกอบร่างของ Columbia ขึ้นมาอีกครั้งในการสอบสวน ที่มา – NASA

นอกจากปัญหาทางเทคนิคแล้ว CAIB ยังชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องเชิงระบบของ NASA รวมถึงวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับตารางปฏิบัติภารกิจมากกว่าความปลอดภัย การเพิกเฉยต่อคำเตือนจากวิศวกร และความล้มเหลวในการเรียนรู้จากอุบัติเหตุของกระสวยอวกาศชาเลนเจอร์ในปี 1986 คณะกรรมการแนะนำให้ NASA ปรับปรุงแนวทางด้านความปลอดภัยและการบริหารจัดการ รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อลดความเสี่ยงของภารกิจในอนาคต

บ้านหลังสุดท้ายของกระสวยลำนี้

หลังจากการสอบสวนที่ RLV Hanger ปัจจุบันซากของ Columbia ถูกเก็บรักษาไว้ในอาคาร Vehicle Assembly Building (VAB) ที่ Kennedy Space Center NASA ตัดสินใจเก็บรักษาซากเหล่านี้อย่างถาวรในห้องที่มีการควบคุมสภาพแวดล้อม ไม่เปิดให้สาธารณชนเข้าชม และใช้เป็น “อนุสรณ์เงียบ” เพื่อเตือนใจนักวิศวกรรุ่นหลัง

NASA เรียกห้องนี้ว่า Columbia Research and Preservation Office

ขบวนรถบรรทุกนำเอาซากของกระสวย Columbia เดินทางมายังอาคาร VAB ของ NASA เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2003 ที่มา – NASA

ห้องขนาด 600 ตารางเมตร บนชั้น 16 ของอาคาร Vehicle Assembly Building  ที่ถูกดัดแปลงมาจากพื้นที่สำนักงานวิศวกรรม ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก ด้านหน้าของห้องจัดแสดงชิ้นส่วนที่มีขนาดใหญ่และสามารถจดจำได้ง่าย รวมถึงกรอบหน้าต่างของห้องนักบิน ซากของประตูทางเข้าลูกเรือ และโครงรองรับตัว Verticle Stablizer ของกระสวยอวกาศ

ถังเชื้อเพลิงของกระสวยอวกาศ​ถูกลำเลียงโดยรถบรรทุกขึ้นไปเก็บบนชั้น 16 ของอาคาร VAB ที่มา – NASA

ชิ้นส่วนเหล่านี้ไม่ได้ถูกเคลื่อย้ายหรือถูกเปิดให้ใครมาเยี่ยมชมมากนัก เนื่องจาก NASA ต้องการให้เกียรติกับลูกเรือทั้ง 7 คนที่เสียชีวิตไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น ห้องดังกล่าวจึงทำหน้าที่เป็นเหมือนกับ “ห้องสมุด” ที่เก็บบันทึกเรื่องราวสำคัญทางประวัติศาสตร์เอาไว้อย่างให้ความเคารพ

โครงสร้างส่วน Airlock ของกระสวยอวกาศ Columbia ใน Preservation Office ที่มา – NASA

ในปี 2004 NASA เคยเปิดห้องนี้ให้นักข่างบางกลุ่มได้เข้าไปถ่ายบรรยากาศด้านใน ซึ่งสามารถดูได้จากใน Columbia’s Arlington: ‘Final resting place’ for fallen shuttle’s debris ปัจจุบัน NASA ไม่ได้อนุญาตให้ถ่ายภาพหรือนำกล้องเข้าไปด้านใน

ในบางครั้งเศษซากชิ้นส่วนเหล่านี้จะถูกนำไปศึกษา หรือทำวิจัย ตัวอย่างเช่นในภาพล่าง ในเดือนพฤษภาคม 2004 เจ้าหน้าที่กำลังบรรจุชิ้นส่วนซากของกระสวยอวกาศ Columbia เพื่อจัดส่งไปยัง The Aerospace Corporation ในเมืองเอลเซกันโด รัฐแคลิฟอร์เนีย ชิ้นส่วนเหล่านี้ได้รับการอนุมัติให้ปล่อยกู้แก่หน่วยงานที่ไม่ใช่ภาครัฐเพื่อใช้ในการทดสอบและวิจัย

บริษัทจะใช้ชิ้นส่วนเหล่านี้เพื่อศึกษาผลกระทบของการกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกที่มีต่อวัสดุคอมโพสิต ก่อนที่ NASA จะปล่อยชิ้นส่วนเหล่านี้ให้กับ Aerospace Corporation ครอบครัวของลูกเรือ Columbia ได้รับแจ้งเกี่ยวกับการนำซากไปใช้ในการวิจัยแล้ว The Aerospace Corporation จะได้รับซากเหล่านี้เป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อวิเคราะห์และประเมินอุณหภูมิสูงสุดที่เกิดขึ้นระหว่างการตกกลับสู่โลกโดยอ้างอิงจากรูปร่างและมวลของเศษซากที่เก็บกู้ได้

บรรยากาศในห้องที่ใช้เก็บซากของกระสวยอวกาศ Columbia และเจ้าหน้าที่ที่กำลังเตรียมส่งซากเพื่อไปใช้เพื่อการวิจัย ที่มา – NASA

ในขณะที่ชิ้นส่วนบางชิ้นของ Columbia ถูกนำไปจัดแสดงในนิทรรศการ “Forever Remembered” ที่ NASA Kennedy Space Center Visitor Complex ควบคู่กับซากของ Challenger โดยมีแผ่นป้ายภารกิจ STS-107 พร้อมรายชื่อนักบินทั้ง 7 คน ซึ่งเราเคยพาไปดูในบทความ พาเที่ยว NASA Kennedy Space Center กระสวย Atlantis และซาก Challenger, Columbia

หลังโศกนาฏกรรม NASA ได้ปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยครั้งใหญ่ เพิ่มการตรวจสอบความเสียหายของกระสวยในวงโคจร โดยจะมีการใช้กล้องวิดีโอ ณ​ ปลายของแขนกล Canadarm ถ่ายภาพท้องของกระสวยเพื่อตรวจหาสิ่งผิดปกติ รวมถึงหากเป็นภารกิจการเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศนานาชาติ ลูกเรือในสถานีฯ จะตรวจสอบความเสียหายของกระสวยจากภายนอกก่อนการเดินทางกลับสู่โลก มีการปรับปรุงฉนวนโฟมของถังเชื้อเพลิง และพัฒนาแผนฉุกเฉินสำหรับการซ่อมแซมในอวกาศ อุบัติเหตุของ Columbia นำไปสู่การตัดสินใจปลดระวางกระสวยอวกาศทุกลำในปี 2011 และเปลี่ยนมาใช้ระบบขนส่งแบบใหม่ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง

แผ่นป้ายภารกิจ STS-107 ที่ถูกติดตั้งในอาคาร VAB ของ NASA เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้กับคนรุ่นหลัง ที่มา – NASA

ทุกวันนี้ หากเราได้เข้าไปในอาคาร VAB ของ NASA เราจะพบกับป้ายภารกิจ STS-107 ที่ติดไว้ข้างในเงียบ ๆ เป็นเครื่องเตือนใจว่ามี 7 ชีวิตที่ต้องจากไป เพื่อให้เรามีการสำรวจอวกาศที่ปลอดภัยขึ้น ทุกความก้าวหน้าในวันนี้ เกิดขึ้นเพราะบทเรียนจากอดีต Columbia อาจจะหายไปจากท้องฟ้า แต่จิตวิญญาณของมันยังคงอยู่กับ NASA และนักสำรวจอวกาศทุกคนต่อไป

ขอบคุณ Columbia เราจะเก่งขึ้นและบินให้สูงขึ้นไปอีก

อ่านเพิ่มเติม

กระสวยอวกาศ ประวัติศาสตร์ของการเดินทางสู่ความเท่าเทียมแห่ง เพศ ชาติพันธุ์ และมนุษยชาติ
Loss of Crew ความน่าจะเป็นที่เราจะตายในภารกิจสำรวจอวกาศ
พาชมด้านในและขึ้นหลังคาอาคาร Vehicle Assembly Building ของ NASA

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.