เจาะลึก Crew-10 ภารกิจส่งลูกเรือสู่สถานีอวกาศนานาชาติแรกของปี 2025

วันที่ 15 มีนาคม 2025 เวลา 06:03 ตามเวลาประเทศไทย จรวด Falcon 9 พร้อมกับยานอวกาศ Dragon ได้พาลูกเรือทั้ง 4 คนเริ่มต้นการเดินทางสู่สถานีอวกาศนานาชาติในภารกิจ Crew-10 ภารกิจรับส่งลูกเรือระหว่างแผ่นดินสหรัฐฯ กับสถานีอวกาศนานาชาติภารกิจที่ 10 ที่ SpaceX ทำให้กับ NASA ภายใต้สัญญา Commercial Crew ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2020

โดยลูกเรือในภารกิจ Crew-10 นั้นก็ได้แก่ Anne McClain และ Nichole Ayers จากสหรัฐฯ Takuya Onishi จากองค์การอวกาศญี่ปุ่นหรือ JAXA รวมถึง Kirill Peskov ลูกเรือแลกเปลี่ยนจาก Roscosmos องค์การอวกาศรัสเซีย ทั้งสี่คนจะขึ้นไปประจำการอยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติในฐานะลูกเรือกลุ่ม Expedition 72/73 กินระยะเวลาประมาณ 5 เดือน และจะกลับสู่โลกในเดือนกรกฎาคม 2025

จรวด Falcon 9 บินขึ้นจากฐานปล่อย LC-39A ที่มา – SpaceX

ในเที่ยวบินนี้ จรวด Falcon 9 จะบินออกจากฐานปล่อย LC-39A ใน NASA Kennedy Space Center เป็นการกลับมาใช้งานฐานปล่อย LC-39A ในการส่งลูกเรืออีกครั้ง หลังหลังจากที่ในภารกิจ Crew-9 เมื่อช่วงปลายปี 2024 ตารางการปล่อยดันคาบเกี่ยวกับการปล่อยยาน Europa Clipper ที่ใช้จรวด Falcon Heavy และสามารถปล่อยได้แค่จากฐานปล่อย LC-39A เท่านั้น ทำให้ Crew-9 ต้องไปใช้ฐานปล่อย SLC-40 ใน Cape Canaveral Space Force Station แทน

ภารกิจ Crew-10 ถือว่าเป็นที่จับตามองอย่างมาก เพราะข้องเกี่ยวกับกำหนดการณ์กลับโลกของ Butch Wilmore และ Suni Williams ที่เดินทางขึ้นสู่สถานีฯ ในภารกิจการทดสอบยาน Starliner เมื่อเดือนมิถุนายน 2024 แต่ต้องรอกลับโลกพร้อมกับภารกิจ Crew-9 เนื่องจากยาน Starliner ไม่ผ่านมาตรฐานการตรวจสอบความปลอดภัยของ NASA ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องราว และความสำคัญของภารกิจ และสิ่งที่น่าสนใจในภารกิจนี้กัน

เปิดรายชื่อและประวัติลูกเรือที่ทุกคนเป็นนักบิน

สำหรับรายชื่อของลูกเรือกลุ่ม Crew-10 นั้น ก็เริ่มต้นด้วยผู้บัญชาการภารกิจ พันเอก Anne McClain วัย 45 ปี จากฝั่ง NASA ซึ่งนี่คือการเดินทางสู่อวกาศรอบที่สองของ McClain หลังจากที่ก่อนหน้านี้ McClain เคยเดินทางสู่อวกาศในภารกิจ Soyuz MS-11 และประจำการเป็นนักบินอวกาศกลุ่ม Expedition 58/59 ในปี 2019 ทำให้ก่อนเดินทางกับ Crew-10 นั้น McClain มีช่วงเวลาอยู่ในอวกาศมาแล้ว 203 และเคยออกไปทำ EVA สองครั้ง ตอนนี้ McClain ได้รับเลือกให้เดินทางสู่อวกาศครั้งแรกในปี 2019 นั้น McClain มีอายุเพียงแค่ 39 ปี เท่านั้น นับเป็นหนึ่งในนักบินอวกาศที่มีประสบการณ์ของ NASA ทำให้ในเที่ยวบินนี้ McClain ได้รับเลือกให้เป็นผู้บัญชาการภารกิจ (Commander)

ผู้บัญชาการภารกิจ พันเอก Anne McClain ขณะฝึกซ้อม ที่มา – SpaceX

ประวัติของ McClain ก่อนจะมาเป็นนักบินอวกาศในช่วงปี 2013 นั้น ไม่ธรรมดา เนื่องจาก McClain เป็นทหารมาก่อน และเคยร่วมรบในอิรักมาแล้ว ซึ่ง McClain นั้นเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ Black Hawk มาก่อน รวมชั่วโมงบินในเครื่องบินทุกแบบมากกว่า 2,000 ชั่วโมง

ต่อมาคือพันตรี Nichole Ayers วัย 36 ซึ่งเป็นการเดินทางสู่อวกาศครั้งแรกของ Ayers หลังจากที่ได้รับคัดเลือกให้เข้ามาเป็นนักบินอวกาศของ NASA ในปี 2021 คนนี้ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน เพราะว่าเป็นนักบินเครื่อง F-22 ของ กองทัพอากาศสหรัฐฯ โดยรับหน้าที่เป็นครูฝึกหรือ Flight Instructor จบการศึกษาจาก United States Air Force Academy ในสาขาเอกคณิตศาสตร์และโทภาษารัสเซีย ในปี 2011 ก่อนที่จะไปเรียนต่อโทที่ Rice University ในสาขา Computational and Applied Mathematics

พันตรี Nichole Ayers ขณะเตรียมการซักซ้อมในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ที่ Kennedy Space Center ที่มา – SpaceX

ต่อจากลูกเรือฝั่ง NASA ทั้งสองคนก็มาถึงฝั่งชาติพันธมิตรบ้าง คิวของญี่ปุ่นกลับมาอีกครั้งหลังจากที่ Satoshi Furukawa ลูกเรือกลุ่ม Expedition 69/70 เดินทางกลับโลกหลังจากภารกิจ Crew-7 ในเดือนมีนาคม 2024 หลังจากที่สถานีฯ ว่างเว้นนักบินญี่ปุ่นมาราว 1 ปี ก็ได้คิวญี่ปุ่นกลับสู่สถานีฯ อีกครั้ง ในรอบนี้ก็คือ Takuya Onishi นักบินอวกาศญี่ปุ่นจากฝั่ง JAXA ซึ่งเป็นการเดินทางสู่อวกาศครั้งที่สองของ Onishi

Takuya Onishi ลูกเรือจากฝั่ง JAXA สำหรับภารกิจ Crew-10 ที่มา – SpaceX

Takuya Onishi มีอายุ 49 เคยเดินทางสู่อวกาศในภารกิจ Soyuz MS-01 และประจำการเป็นลูกเรือกลุ่ม Expedition 48/49 ระหว่างเดือน กรกฎาคม ถึงตุลาคม 2016 รวมระยะเวลาอยู่ในอวกาศ 115 วัน ก่อนจะเป็นนักบินอวกาศเขาจบการศึกษาปริญญาตรีสาขา Space Engineering จาก University of Tokyo และเริ่มต้นทำงานกับสายการบิน ANA ก่อนที่จะได้มาเป็นนักบินเครื่อง Boeing 767 เขานั้นได้รับคัดเลือกให้เป็นนักบินอวกาศกับ JAXA ในปี 2019

การกลับสู่สถานีฯ ของนักบินญี่ปุ่นในรอบนี้ แน่นอนว่ายังส่งผลต่อกิจกรรมที่ไทยมีส่วนร่วมก็คือโครงการ Asian Try Zero-G และ Kibo-Robot Programming Challenge ภายใต้โครงการการใช้ประโยชน์จากโมดูล Kibo ของ JAXA บนสถานีอวกาศนานาชาติด้วย

ลูกเรือแลกเปลี่ยนจาก Roscosmos กับการเดินทางสู่อวกาศครั้งแรกของ Kirill Peskov ที่มา – SpaceX

และสุดท้าย โครงการลูกเรือแลกเปลี่ยนระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย ยังคงดำเนินต่อไป แม้สงครามรัสเซียยูเครนยังคงยืดเยื้อ ในรอบนี้ ลูกเรือฝั่งรัสเซียที่มาบินกับยานสหรัฐฯ นั้นก็คือ Kirill Peskov วัย 34 ปี ซึ่งตัวแลกเปลี่ยนของ Peskov ก็ไม่ใช่ใครที่แต่แต่เป็น Jonny Kim นักบินอวกาศ หมอ หน่วยซีล ที่หลายคนยกย่องให่เป็นโคตรพ่อโคตรแม่ความภูมิใจของพ่อแม่ชาวเอเชียน (ซึ่งเรื่องนี้ถ้ามองประวัติของ Kim ก็ไม่ตลกเท่าไหร่ เพราะ Kim โตมาในครอบครัวที่ Abusive) ที่จะไปบินกับภารกิจ Soyuz MS-27 ในเดือนเมษายน 2025

Peskov นั้นคนนี้ก็เป็นนักบินอีกแล้ว เขาจบการศึกษาด้านการบินพลเรือนโดยเฉพาะและเคยเป็นนักบินสายการบิน Ikar Airlines โดยบินเครื่อง Boeing 757 และ 767 ก่อนที่จะได้รับคัดเลือกให้เป็นนักบินอวกาศของ Roscosmos ในปี 2018 และ Peskov ก็ได้รับคัดเลือกให้มาบินเที่ยวบินแรกกับภารกิจ Crew-10 นี้

เรียได้ว่าลูกเรือภารกิจนี้ทุกคนเคยเป็นนักบินมาก่อนหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นเฮลิคอปเตอร์, เครื่องบินรบ และเครื่องบินพาณิชย์ แม้ว่าปกตินักบินอวกาศทุกคนจะต้องฝึกบินด้วยเครื่องบินฝึกอยู่แล้ว แต่ทั้ง 4 เรียกได้ว่ามีประสบการณ์มาก่อนหน้า

การเดินทางขึ้นสู่อวกาศ และการเตรียมความพร้อม และการเลื่อน

กระบวนการซ้อมต่าง ๆ นั้นเกิดขึ้นย้อนกลับไปหลายเดือนก่อนการปล่อย ลูกเรือทุกคนจะต้องเดินทางไปมาระหว่าง NASA Johnson Space Center ที่ดูแลกิจกรรมการสำรวจอวกาศแบบมีมนุษย์ และสำนักงานใหญ่ของ SpaceX ใน Hawthorne รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อซักซ้อมการใช้เครื่องมือและการบินต่าง ๆ รวมถึงที่ NASA Kennedy Space Center เพื่อฝึกซ้อมการอพยพในกรณีฉุกเฉิน

ลูกเรือ Crew-10 กำลังฝึกซ้อมการใช้งานยานอวกาศ Dragon ณ สำนักงานใหญ่ของ SpaceX ที่มา – SpaceX

ลูกเรือกลุ่ม Crew-10 ทั้ง 4 นั้นได้เดินทางมาถึง NASA Kennedy Space Center ในวันที่ 8 มีนาคม 2025 เพื่อเข้ารับการเก็บตัวใน The Neil Armstrong Operations and Checkout Building ก่อนที่จะมีการซ้อมการเดินทางขึ้นยานต่าง ๆ

จรวดที่ใช้สำหรับการปล่อยรอบนี้ก็คือ Falcon 9 หมายเลข B1090 ซึ่งเป็นจรวดที่ผ่านการใช้งานมาแล้วเพียงแค่ครั้งเดียวในเที่ยวบินนำส่งดาวเทียมให้กับบริษัท SES เมื่อเดือนธันวาคม 2024 ตามมาตรฐานการส่งลูกเรือ จรวดจะต้องผ่านการทำ Static Fire หรือการจุดเครื่องยนต์ทดสอบก่อนบินจริง ซึ่งการทำ Static Fire ก็ได้เกิดขึ้นไปในวันที่ 9 มีนาคม 2025

จรวด Falcon 9 บนฐานปล่อย LC-39A เตรียมพร้อมสำหรับภารกิจ Crew-10 ที่มา – SpaceX

ความพยายามในการปล่อยครั้งแรกเกิดขึ้นในวันที่ 13 มีนาคม 2025 เวลาประมาณ ตีสามครึ่งตามเวลาประเทศไทย ซึ่งเป็นช่วงเวลาเย็น ๆ ของฐานปล่อย โดยทั้งสี่ได้ขึ้นรถยนต์ Tesla Model X ที่จัดโดย SpaceX เพื่อเดินทางมายังฐานปล่อย LC-39A ที่ NASA Kennedy Space Center

ลูกเรือทั้ง 4 ขณะออกจาก Checkout Facility และเดินมาเตรียมขึ้นรถเพื่อไปยังฐานปล่อย ที่มา – NASA

หลังจากนั้นลูกเรือทั้ง 4 ก็จะเดินทางขึ้นคอคอยปล่อย เพื่อขึ้นยาน Dragon โดยมี “ทีมนินจา” ใส่ชุดสีดำ คอยช่วยเหลือ ซึ่งทีมนี้จะเป็นทีมเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานบนฐานปล่อยนอกเหนือจากลูกเรือ เนื่องจากความปลอดภัย ซึ่งเราเคยเล่าไปในบทความ Emergency Egress แผนการอพยพออกจากฐานปล่อยหากเกิดเหตุฉุกเฉิน

อย่างไรก็ตามการปล่อยในวันที่ 13 มีนาคมถูกเลื่อนออกไปจากปัญหาที่ SpaceX แจ้งว่าเกิดจากระบบไฮดรอลิกของระบบแขนประคองที่ใช้ประคองตัวจรวด Falcon 9 บนฐานปล่อย และในนาทีที่ 40 ก่อนการปล่อยก็ได้มีการขอเลื่อนการปล่อยเกิดขึ้น สำหรับวันและเวลาปล่อยใหม่ต้องรอประกาศจาก NASA แล SpaceX อีกครั้ง ลูกเรือต้องเดินทางออกจากตัวจรวดและกลับมายัง Checkout Facility เพื่อรอการปล่อยใหม่

Falcon 9 บินขึ้นจากฐานปล่อย มองจากอาคาร Vehicle Assembly Building ที่มา – SpaceX

จนในวันที่ 15 มีนาคม NASA และ SpaceX ได้เริ่มต้นการปล่อยอีกครั้ง แผนทุกอย่างเป็นไปตามซักซ้อม ตั้งแต่การเดินทางไปยังฐานปล่อยจนถึงการเตรียมความพร้อมในขั้นสุดท้าย จนในที่สุดเวลา 06:03 ตามเวลาประเทศไทยจรวด Falcon 9 ก็ได้บินขึ้นและพาลูกเรือเริ่มต้นการเดินทางได้สำเร็จ และ Falcon 9 ก็ได้กลับมาลงจอด ณ Landing Zone 1

ยาน Dragon สำหรับภารกิจ Crew-10 นี้จะเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศนานาชาติเวลา 10:30 ของเช้าวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม ตามเวลาประเทศไทย เพื่อส่งไม้ต่อสถานีฯ

การส่งไม้ต่อสถานีหลังจากปัญหายาน Starliner

ในบทความเรื่อง Crew-9 ภารกิจที่สร้างประวัติศาสตร์หลาย ๆ อย่างให้กับวงการอวกาศ เราได้พูดถึงการที่ Crew-9 ต้องลดลูกเรือจาก 4 คนเป็น 2 คน เพื่อเว้นที่ว่างให้กับ Butch Wilmore และ Suni Williams จากภารกิจ Starliner กันไปแล้ว ในส่วนของภารกิจ Crew-10 นี้ก็เรียกได้ว่า ตารางการบินกลับมาเป็นเหมือนปกติอีกครั้ง ดังนั้นไม่มีอะไรที่ปรับเปลี่ยนไปมากนัก จะมีก็แต่ปัญหายาน Crew Dragon หมายเลข C-213 ที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่ (เป็นลำสุดท้าย) ยังไม่พร้อมหลังจากยังไม่ผ่านการตรวจสอบจาก NASA ทำให้ SpaceX ตัดสินใจนำเอายาน Dragon หมายเลข C-210 ที่ชื่อว่า Endurance มาบินแทน

การสลับยานอวกาศนี้เรียกได้ว่าน่าเสียดาย เพราะปกติตามธรรมเนียม ลูกเรือที่บินกับยานครั้งแรกจะได้รับโอกาสให้ตั้งชื่อยาน อย่างชื่อ Endurance นี่ก็มาจากลูกเรือกลุ่ม Crew-3 ที่บินกับยานลำนี้เป็นกลุ่มแรก โดย SpaceX นั้น ตอนนี้มียาน Crew Dragon อยู่ในฝูงทั้งหมด 7 ลำ ประกอบไปด้วยยาน Cargo Dragon 3 ลำ และ Crew Dragon 4 ลำได้แก่ Endeavour, Resilience, Endurance และ Freedom ยังไม่รวมอีกลำที่จะเข้ามาประจำการ

ยาน Dragon หมายเลข C-210 เดินทางมาถึงแหลมคะเนอเวอรัลขณะเตรียมนำเข้าไปประกอบกับ Falcon 9 ที่มา – SpaceX

ภารกิจ Crew-10 ยังถูกเลื่อนมาจากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2025 มาเป็นเดือนมีนาคม ซึ่งแน่นอนว่าทำให้ภารกิจ Crew-9 ยังกลับไม้ได้ เพราะการส่งไม้ต่อของสถานีฯ จำเป็นต้องรอให้ลูกเรือกลุ่มใหม่เดินทางขึ้นไปก่อน อ่านเรื่องนี้ได้ในบทความ สถานีอวกาศนานาชาติ มีขั้นตอนการผลัดเปลี่ยนลูกเรืออย่างไร รู้จัก Direct และ Indirect Handover และแน่นอนว่าเรื่องนี้ก็ได้ถูกนำมาเป็นประเด็นทางการเมือง อย่างที่เราเคยรายงานไปในบทความ เมื่อ Trump สั่ง SpaceX ให้ไปรับลูกเรือ Starliner ให้เร็วที่สุด ทั้งที่ NASA มีแผนทุกอย่างอยู่แล้ว ด้วย (ปัญญาอ่อนมาก ๆ)

โดยกำหนดการเดินทางกลับโลกของ Crew-9 นั้น ก็อยู่ที่วันที่ 16 มีนาคม 2025 (หรือ 17 มีนาคม ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากที่ Crew-10 เทียบท่ากับสถานีฯ เรียบร้อยแล้ว

ภารกิจและกิจกรรมบนสถานีฯ ที่น่าสนใจของ Crew-10

ลูกเรือกลุ่ม Crew-10 นี้ มีกำหนดเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศนานชาติกับโมดูล Harmony ในฝั่งด้านหน้าของสถานีฯ และและจะประจำการอยู่บนสถานีจนถึงเดือนกรกฎาคม 2025 รวมระยะเวลาประมาณ 150 วัน ลูกเรือกลุ่มนี้ จะต้องต้อนรับการผลัดเปลี่ยนลูกเรืออีกครั้งจากฝั่งรัสเซีย ระหว่าง Soyuz MS-26 และ MS-27 ในเดือนเมษายน รวมถึงภารกิจการสำรวจอวกาศเอกชน Axiom-4 ที่มีกำหนดเดินทางขึ้นไปในช่วงเดือนเมษายนเช่นเดียวกัน

ลูกเรือทั้ง 4 ถ่ายภาพร่วมกันขณะทำการซ้อมเดินทางเข้ายาน ที่มา – SpaceX

ในระหว่าง Expedition 73 นักบินอวกาศ Takuya Onishi จะยังรับหน้าที่เป็น Station Commander หรือผู้บัญชาการสถานีฯ ทำให้เขาจะกลายเป็นนักบินญี่ปุ่นคนที่ 3 ที่เป็น Commander ต่อจาก Koichi Wakata ในปี 2014 และ Akihiko Hoshide ในปี 2021 ซึ่งประเด็นนี้ เราได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ Mission Operations ฝั่ง JAXA มาก่อนหน้าว่าจริง ๆ แล้ว Commander คนต่อไปจะต้องเป็น Kimiya Yui ในภารกิจ Starliner-1 (ภารกิจส่งนักบินประจำการเต็มเวลาแรกของ Boeing) แต่เนื่องจากปัญหาที่เจอกับภารกิจ Crew Flight Test ทำให้ Starliner-1 ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทั้งที่ควรจะได้บินแล้วในช่วงต้นปี 2025

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.