Europa Clipper เจอปัญหาใหญ่ในขั้นสุดท้ายก่อนปล่อย หลังพบอุปกรณ์ไม่ตรงเสป็ค

Europa Clipper เป็นยานอวกาศตระกูล Large Strategic Science Mission ของ NASA ที่จะเดินทางไปยังดาวพฤหัสบดีในปี 2030 และมีกำหนดการปล่อยอยู่ในช่วงประมาณวันที่ 10 ตุลาคม 2024 นี้ด้วยจรวด Falcon Heavy ซึ่งภารกิจดังกล่าวนับเป็นความหวังของการสำรวจดาวพฤหัสบดียุคใหม่ ที่จะช่วยวางรากการศึกษาวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ (Planetary Science) ในอีกกว่า 50 ปีข้างหน้า ซึ่งภารกิจนี้มีมูลค่ามากกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือมากกว่าหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นสามพันล้านบาท เป็นหนึ่งในภารกิจที่มีมูลค่ามากที่สุดในปัจจุบัน

เราเคยพาทุกคนไปเยี่ยมชมยาน Europa Clipper ในบทความ เยือน NASA Jet Propulsion Laboratory จากห้องควบคุม สู่โรงเก็บโรเวอร์

ยาน Europa Clipper ในห้องประกอบของ JPL ในช่วงเดือนสิงหาคม 2024 ขณะประกอบเสาสื่อสารขนาดใหญ่ ที่มา – NASA/JPL-Caltech

ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2024 ที่ผ่านมา ยาน Europa Clipper ได้ถูกเคลื่อนย้ายจากห้องประกอบของ Jet Propulsion Laboratory หรือ JPL ไปยัง ห้องประกอบในขั้นสุดท้าย Payload Hazardous Servicing Facility ของ NASA Kennedy Space Center ณ แหลมคะเนอเวอรัล เพื่อเตรียมพร้อมการปล่อยในเดือนตุลาคม โดยได้มีการติดตั้งอุปกรณ์ในส่วนท้าย ๆ เช่น แผง Solar Arrays ขนาดใหญ่ และเตรียมการทดสอบขั้นสุดท้ายสำหรับการปล่อย

Europa Clipper หลังจากที่ถูกย้ายมาที่ Payload Hazardous Servicing Facility ณ แหลมคะเนอเวอรัล ที่มา – NASA/JPL-Caltech

อย่างไรก็ตาม ในเดือนมิถุนายน 2024 มีรายงานเป็นข่าวกันมาอย่างหนาหูว่า Europa Clipper นั้นประสบปัญหา “ฮาร์ดแวร์ไม่ตรงเสป็ค” หลังจากที่ทีมวิศวกรของ JPL ได้พูดคุยกับวิศวกรดาวเทียมว่าตัว “Transistor” ที่ใช้กับยาน Europa Clipper นั้น ต่ำกว่าเกรดที่กำหนดโดยกองทัพอวกาศสหรัฐฯ (Military Space Grade) ทำให้อาจไม่สามารถรองรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยรังสีและอนุภาคพลังงานสูงอย่างบนวงโคจรของดาวพฤหัสบดีได้

รายงานดังกล่าวได้ถูกเขียนลงบนเว็บไซต์ Science ในบทความ Vulnerable transistors threaten to upend Europa Clipper mission

ซึ่งในตอนนั้น Europa Clipper กำลังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมความพร้อมและอุปกรณ์เกือบทั้งหมดก็ถูกติดตั้งเข้าไปในที่ทางของมันแล้ว และได้มีการซีลปิดบอร์ดหรือแผงวงจรของอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Instrument) บนยานเรียบร้อยแล้วด้วย โดยอุปกรณ์ทั้งหมดจะอยู่ภายใต้แผ่นโลหะ Aluminum-Zinc Alloy หนา 1 เซนติเมตร ที่หวังจะปกป้องชิ้นส่วนอิเล็กโทรนิคสำคัญของตัวยานจากปริมาณของรังสีและอนุภาคพลังงานสูงมหาศาลบนวงโคจรของดาวพฤหัสบดี

ตัวอุปกรณ์ที่มีปัญหานี้มีชื่อว่า Metal-Oxide-Semiconductor Field-Effect Transistors หรือ MOSFET ซึ่งเป็นอุปกรณ์ Transistor Gate รูปแบบหนึ่งที่อาศัยความแรงหรืออ่อนของสนามไฟฟ้าในการควบคุม Gate โดยเราอาจมองได้ว่ามันเป็น Switch เปิดและปิดรูปแบบหนึ่ง เป็นอุปกรณ์ที่เรามักจะพบเห็นได้โดยทั่วไปบน Board เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ โดยอุปกรณ์ตัวนี้กระจายอยู่ในทั่ว Logic Board ของยาน Euora Clipper เช่นกัน

MOSFET ที่มีปัญหานี้ผลิตโดยบริษัท Infineon Technologies ซึ่งก็นับว่าเป็นบริษัทใหญ่ มีการส่งมอบสินค้าตระกูล Semiconductor ต่าง ๆ ไปทั่วโลก และถูกเลือกใช้โดยผู้ผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งในระดับอุตสาหกรรมและทางการทหาร ไปจนถึงระดับการสำรวจอวกาศ

และเหมือนกับอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชิ้น อุปกรณ์พวกนี้จะมีระดับของรังสี หรือ Radiation ที่มันสามารถรับได้และทำงานได้เป็นปกติและไม่พังไปเสียก่อน โดยเฉพาะในงานอวกาศสิ่งนี้สำคัญมาก ซึ่งก็จะต้องมีการยืนยันหรือทดสอบว่าอุปกรณ์เหล่านี้นั้นเป็น Military Space Grade จริง ๆ

จนวันที่ 9 กรกฎาคม Shannon Fitzpatrick ผู้เป็น Associate Director of Planetary Science Flight Programs ของ NASA ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้กับ Planetary Science Advisory Committee ซึ่งเป็นคณะกรรมการอิสระที่ตรวจสอบการทำงานด้านภารกิจสำรวจอวกาศของ NASA บอกว่า วิศวกรได้พบว่า MOSFET ที่ได้รับจากบริษัท Infineon Technologies นั้น สามารถทนต่อรังสีได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นจริง ๆ

หลังจากที่มีข่าวนี้ออกมา NASA ก็ได้ออกมาประกาศ NASA Continues Assessing Electrical Switches on Europa Clipper เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2024 บอกว่าปัญหาดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจริง และได้มีการสั่งให้ทดสอบและประเมินคุณสมบัติของ Transistor เหล่านี้ในห้องแล็บต่าง ๆ ของ NASA ตั้งแต่ที่ Jet Propulsion Laboratory หรือ JPL ไปจนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและร่วมสร้างได้แก่ Johns Hopkins Applied Physics Laboratory หรือ APL และ NASA’s Goddard Space Flight Center และคาดหวังว่าจะมีผลการตรวจสอบออกมา

หลังจากที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกมาในวงกว้างเรียกได้ว่า ก็เกิดคำถามขึ้นมากมายว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรตั้งแต่แรก รวมถึงจะส่งผลกระทบต่อการปล่อยยาน Euorpa Clipper หรือไม่ Jeff Frost จาก Space News ซึ่งกำลังเข้าร่วมงาน COSPAR 2024 ในเมืองปูซาน เกาหลีใต้ ได้สัมภาษณ์  Nicky Fox ผู้เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ NASA ฝ่ายภารกิจด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งกำลังร่วมงานอยู่พอดี โดย Fox กล่าวว่า NASA จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป และยังไม่มีการตัดสินใจต่อช่วงเวลาการปล่อยยานที่จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งการสัมภาษณ์ดังกล่าวได้ถูกรายงานไว้ในบทความ NASA science head optimistic Europa Clipper launches on schedule และ NASA ประเมินว่าผลการตรวจสอบจะได้ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2024

Europa Clipper ปัจจุบันอยู่ที่ Payload Hazardous Servicing Facility ณ แหลมคะเนอเวอรัล ที่มา – NASA/JPL-Caltech

จนกระทั่งจนถึงวันที่เรารายงานนี้ 17 สิงหาคม 2024 ซึ่งเป็นเวลาน้อยกว่า 2 เดือนก่อนวันปล่อย NASA ก็ยังคงเงียบและไม่ได้ออกมามีถ้อยแถลงต่อกรณีดังกล่าวอยู่ โดยหาก NASA ตัดสินใจเลื่อนการปล่อยจริง ก็ถือว่าเป็นงานช้างพอสมควรโดยมีสองความเป็นไปได้ก็คือ NASA ต้องรอผลทดสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคบน Europa Clipper จะทำงานได้ ถ้าไม่ได้มีผลกระทบอะไรหรือมีวิธีแก้ไขฮาร์ดแวร์ด้วยซอฟแวร์​ (อีกแล้ว) ก็ไม่ติดอะไร หรืออีกทางก็คือรื้ออุปกรณ์ทั้งหมดออกมาเปลี่ยนชิ้นส่วนที่มีปัญหาแล้วประกอบกลับเข้าไปใหม่ (ซึ่งน่าจะยากมาก) โดยหากเกิดสองเหตุการณ์นี้ขึ้น แปลว่า Europa Clipper ไม่น่าจะปล่อยทันปลายปี 2024 และอาจจะได้ปล่อยอีกที ในปี 2026

สาเหตุที่ต้องเลื่อนยาว 2 ปีก็เพราะว่าในการปล่อยภารกิจตระกูลสำรวจดาวเคราะห์นั้นต้องรอให้ดาวเคราะห์มาเรียงตัวกันตามวงโคจรที่ออกแบบไว้ ซึ่ง Europa Clipper นั้น ได้วางแผนการใช้วงโคจรและทิศทางการเคลื่อนที่ที่ซับซ้อนมากที่สุดรูปแบบหนึ่ง เนื่องจากมันจะต้องทำ Gravity Assist โดยการใช้แรงโน้มถ่วงของดาวอังคารและโลกในการช่วงเหวี่ยงตัวเองไปยังดาวพฤหัสบดี เพื่อเก็บตุนเชื้อเพลิงไว้สำหรับภารกิจอันยาวนานในการเข้าสู่วงโคจรของดาวพฤหัสบดี และวงโคจรของดวงจันทร์ยูโรปาของดาวพฤหัสบดีตามลำดับ มวลของตัวยานมากกว่า 6 ตันนี้ ทำให้การเดินทางของมันจำเป็นต้องใช้จรวดขนาดใหญ่อย่าง Falcon Heavy ด้วยเช่นกัน

สุดท้าย ก็คงต้องรอกันต่อไปว่า NASA จะมีท่าทีอย่างไรต่อปัญหา MOSFET นี้ แต่ที่แน่ ๆ ปัจจุบัน NASA ยังคงดำเนินแผนการณ์ในส่วนอื่น ๆ เช่น การติดตั้งอุปกรณ์ในขั้นสุดท้าย หรือการตัดตั้งแผง Solar Array ต่อไป

กรกฎาคม 2024 แผง Solar Array ขนาดใหญ่จาก Airbus ได้ถูกนำมาติดตั้งกับยานในห้องประกอบ Payload Hazardous Servicing Facility ณ แหลมคะเนอเวอรัล ที่มา – NASA/JPL-Caltech

ดาวพฤหัสบดีนั้น จัดว่าเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ที่มีสนามแม่เหล็กแรงที่สุดในระบบสุริยะ เนื่องด้วยขนาดของมัน ซึ่งสนามแม่เหล็กของมันส่งผลให้อนุภาคมีประจุต่าง ๆ เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและมีพลังงานที่สูง จนเราสามารถเห็นแสงออรอร่าบนดาวพฤหัสบดีได้ด้วยอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่รับคลื่นในย่านที่มันแผ่ออกมา

กล้อง NuSTAR พบ X-ray พลังงานสูงที่สุดเท่าที่เคยพบมาบนดาวพฤหัส

หาก Europa Clipper ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานภายใต้สภาวะสุดอันตรายในวงโคจรของดาวพฤหัส ก็เป็นไปได้ว่าตัวยานอาจจะเกิดความเสียหายและส่งผลต่อช่วงเวลาปฏิบัติภารกิจ ที่ NASA วางเอาไว้ว่าอยู่ที่ 4 ปี ซึ่งสุดท้ายตัวเลขนี้ก็จะถูกต่อไปอีกเรื่ิอยจนกว่ายานอวกาศจะไม่ไหวแล้ว เหมือนภารกิจตระกูล Planetary Science ลำก่อน ๆ เช่น Cassini หรือ JUNO

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer - 21, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.