ยาน Nova-C Athena ลงแบบแปลก ๆ อีกแล้ว ล้มหน้าทิ่มบนดวงจันทร์


อัพเดทล่าสุด 8 มีนาคม 2025 ทั้ง NASA และ Intuitive Machines ประกาศ จบสิ้นภารกิจ (End-of-Mission) สำหรับภารกิจ Nova-C “Athena” หลังตัวยานไม่สามารถสร้างพลังงานจากทิศทางการลงจอดที่แผง Solar Arrays ไม่ได้ชี้เข้าหาดวงอาทิตย์ได้ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่สามารถทำงานได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ประกาศไว้ใน NASA Receives Some Data Before Intuitive Machines Ends Lunar Mission


วันที่ 7 มีนาคม 2025 เวลา 12:30 ตามเวลาประเทศไทย บริษัท Intuitive Machines ได้ส่งยานไปลงจอดบนดวงจันทร์ แต่ในรอบนี้ได้ลงจอดแบบบงง ๆ อีกแล้ว โดยตัวยาน Nova-C “Athena” ได้ลงจอดในบริเวณใกล้กับขอบหลุมอุกกาบาต Shackleton ใกล้กับขั้วใต้ของดวงจันทร์ เตรียมพร้อมสู่การสำรวจดวงจันทร์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการไปเยือนของนักบินอวกาศในโครงการ Artemis แต่ตัวยานดันกลับลงจอดไม่เหมือนที่คาดการณ์ไว้

ภาพจากยาน Nova-C ก่อนการลงจอดบนพื้นผิวของดวงจันทร์ ที่มา – Intuitive Machines

โดยไฮไลต์ของการลงจอดครั้งนี้ก็ยังคงงง ๆ ต่อว่ายาน Nova-C เป็นบริษัทเอกชนรายที่สองต่อจากยาน Blue Ghost ของ Firefly Aerospace ยาน Blue Ghost ลงจอดบนดวงจันทร์แล้ว กลายเป็นเอกชนรายแรกที่ประสบความสำเร็จ หรือเปล่า, การลงจอดครั้งนี้ก็ยังนับว่าเป็นการลงจอดที่ใกล้กับขั้วใต้ของดวงจันทร์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ มีระยะห่างเพียงแค่ 160 กิโลเมตร ทำลายสถิติของยาน Chandrayan 3 ของอินเดียที่ไปลงจอดที่ระยะห่าง 600 กิโลเมตรจากขั้วใต้ของดวงจันทร์ นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นยานที่มีมวลมากที่สุดของยุค Artemis จากฝั่งสหรัฐฯ ณ วันที่ลงจอด ซึ่งอยู่ที่ 1,900 กิโลกรัม หนักกว่ายาน Blue Ghost ที่มีมวลประมาณ 500 กิโลกรัมเพียงเท่านั้น (ยาน Chandryan 3 ของอินเดีย มีมวล 1,700 กิโลกรัม และยาน Chang’e 6 ของจีน มีมวล 3,200 กิโลกรัม)

อ่านเรื่องราวกว่าจะเป็นภารกิจที่สองในบทความ Nova-C Athena ความพยายามลงจอดดวงจันทร์ครั้งที่สองของบริษัท Intuitive Machines

การลงจอดแบบงง ๆ ครั้งนี้เป็นไปหลังจากเส้นทางการเดินทางสู่ดวงจันทร์ที่กินระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น โดยหลังจากลงจอดตัวยานมีแผนทำงานบนดวงจันทร์เป็นเวลา 10 วัน หากไม่มีการต่ออายุภารกิจเพิ่มเติม


การเดินทางสู่ดวงงจันทร์ของ Athena

หลังจากที่ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศไปในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2025 ด้วยจรวด Falcon 9 ของ SpaceX จากฐานปล่อย LC-39A ใน NASA Kennedy Space Center ตัวยาน Nova-C ได้ใช้เส้นทาง “บินตรง” สู่ดวงจันทร์ โดยไม่แวะพักบนวงโคจรของโลก และได้เข้าสู่วงโคจรของดวงจันทร์ในวันที่ 3 มีนาคม 2025 หลังจากการจุดเครื่องยนต์เป็นเวลา 492 วินาที เพื่อชะลอความเร็วเพื่อเข้าสู่วงโคจรของดวงจันทร์ที่เรียกว่า Lunar Orbit Insertion หรือ LOI

ระหว่างเส้นทางบิน Nova-C ได้ส่งภาพถ่ายจำนวนหนึ่งกลับโลกนับว่าเป็นภาพที่สวยงามและทรงพลัง แสดงถึงการสำรวจดวงจันทร์ยุคใหม่โดยเอกชนอย่างชัดเจน โดยในแต่ละภาพเราจะเห็นยานลงจอดขนาดเล็ก Micro-Nova ที่ติดไปกับยานด้วย ซึ่งยานลำนี้จะทำหน้าที่สำคัญซึ่งเราจะอธิบายในหัวข้อถัดไป

ยาน Nova-C หลังจากที่เข้าสู่วงโคจรของดวงจันทร์ ที่มา – Intuitive Machines

หลังจากเข้าสู่วงโคจรของดวงจันทร์ Nova-C โคจรรอบดวงจันทร์ทั้งสิ้น 39 วงโคจร ก่อนที่ในวันที่ 6 มีนาคม เวลาหกโมงเย็น ตามเวลาประเทศไทย ตัวยานได้จุดเครื่องยนต์อีกครั้งเพื่อทำ Descent Orbit Insertion หรือ DOI เพื่อปรับวงโคจรเตรียมพร้อมการลงจอด


การลงจอดที่สุดท้ายจบลงด้วยความงง

ยาน Nova-C Athena ใช้เครื่องยนต์รุ่น VR900 เป็นเครื่องยนต์จรวดที่ใช้เชื้อเพลิงแบบ ออกซิเจนเหลว (Liquid Oxygen) และมีเทน (Methane) พัฒนาโดยบริษัท Intuitive Machines เอง ซึ่งได้รับมรดกทางเทคโนโลยีจาก Project Morpheus ของ NASA ที่เป็นการพัฒนาระบบลงจอดบนดวงจันทร์

ในการลงจอดนั้น เนื่องจากบนดวงจันทร์ไม่มีระบบระบุตำแหน่งหรือ GPS การนำทางจะถูกทำโดยระบบ Terrain Relative Navigation เพื่อดูภูมิประเทศของดวงจันทร์เป็นจุดอ้างอิง ก่อนที่ตัวยานจะจุดเครื่องยนต์ในขั้นสุดท้ายที่เรียกว่า Powered Descent เพื่อลดความเร็วและความสูงลงเรื่อย ๆ ระหว่างนั้น กล้องบนยานจะทำหน้าที่ Hazard Identification and Avoidance ซึ่งเป็นการเลือกจุดลงจอดที่ไม่มีอุปสรรค หรืออะไรมาขวางทางตัวยาน

ภาพจาก Simulation จำลองขณะที่ตัวยานกำลังจุดเครื่องยนต์ลดความเร็วเพื่อลงจอด ที่มา – Intuitive Machines

จุดที่ยาน Nova-C จะลงจอดก็คือจุดที่มีที่ชื่อว่า Mons Mouton เป็นภูเขาสูงใกล้กับหลุมอุกกาบาต Shackleton ซึ่งจุดนี้มีบริเวณที่เป็น “Peak of Eternal Light” หรือยอดแห่งแสงนิรันด์ ซึ่งด้วยลักษณะที่เป็นภูมิประเทศของมันทำให้ยอดตรงนี้ถูกแสงแดดส่องถึงเสมอ และยังอยู่ระหว่างจุดที่เป็น “Permanently Shadowed Regions” หรือแดนเงารัติกาล ซึ่งเป็นจุดในหลุมอุกกาบาตที่ไม่โดนแสงจากดวงอาทิตย์มาเป็นเวลานับแสนปี

โดยบริเวณนี้ก็คือโจทย์สำคัญของการลงจอดในโครงการ Artemis ซึ่งเราเคยอธิบายโดยละเอียดไว้ในบทความ สรุปทุกอย่างที่เรารู้เกี่ยวกับจุดลงจอด Artemis III โดยละเอียด

อย่างไรก็ตามในการลงจอดสัญญาณ Telemetry จากยานได้มีพฤติกรรมแปลก ๆ คือ ความสูงของยานค้างอยู่ที่ 5 เมตรเหนือพื้นผิวของดวงจันทร์ ในช่วงเวลาที่ตัวยานควรจะแตะพื้นได้แล้ว ในช่วงเวลานั้นเจ้าหน้าที่จากห้องควบคุุมภารกิจได้บอกว่า “เครื่องยังติดอยู่” ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น จน กระทั่งเวลาประมาณ 12:37 ตามเวลาประเทศไทย เจ้าหน้าที่ได้รับสัญญาณจากตัวยานบอกว่า “เครื่องดับแล้ว”

ภาพของตัวยานในช่วงท้าย ๆ ก่อนที่ยานจะสัมผัสกับผิวของดวงจันทร์ ที่มา – Intuitive Machines

แม้เราจะได้รับสัญญาณจากตัวยาน และสามารถยืนยันได้ว่า “ตัวยานอยู่บนพื้นผิวของดวงจันทร์” แต่ยังไม่มีการยืนยันจากห้องควบคุมว่าเกิดอะไรขึ้นกับยาน Nova-C จนถึงช่วงเวลา ณ ตอนนี้ ว่ายาน Nova-C อยู่ในสภาพไหน จะคว่ำเหมือนรอบที่แล้วมั้ย

ผ่านไปมากกว่า 20 นาที เจ้าหน้าที่ในห้องควบคุมยังคงเดินเข้า ๆ ออก ๆ ห้อง และพยายามสรุปผลให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับยาน Nova-C กันแน่ และพยายามดูว่ายาน Nova-C อยู่ในสภาพไหน ล้มคว่ำเหมือนรอบที่แล้วหรือเปล่า

ในการแถลงข่าวประมาณ 3 ชั่วโมงหลังกาลงจอด Steve Altemus ผู้เป็น CEO ของ Intuitive Machines บอกว่าการลงจอดนับว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ยอมรับว่ายานอาจไม่ได้อยู่ในท่าทางที่ถูกต้องบนพื้นผิวดวงจันทร์ (อีกแล้วเหรอ Steve) ความผิดพลาดดังกล่าวน่าจะมาจากระบบเลเซอร์วัดระยะ หรือ Laser Ranging System ได้ให้ข้อมูลที่ผิดแปลกไปจากสิ่งที่ควรจะเป็นตั้งแต่ช่วงทดสอบในวงโคจรดวงจันทร์ และยังคงผิดปกติจนถึงวินาทีสุดท้ายก่อนแตะพื้น ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การลงจอดผิดพลาด

แม้จะลงจอดในสภาพแปลก ๆ แต่ในรายงานได้ยืนยันว่ายาน Nova-C ยานยังสามารถรับพลังงานผ่าน Solar Arrays และส่งข้อมูลกลับมายังโลกได้ วิศวกรกำลังวิเคราะห์หาท่าทางการลงจอดของยาน เพื่อประเมินว่าระบบต่าง ๆ ยังสามารถทำงานได้มากน้อยเพียงใด

ภาพแรกหลังจากการลงจอดของ Nova-C ที่ Intuitive Machines เปิดเผยออกมา ที่มา – Intuitive Machines

ต่อมาในช่วงค่ำของวันที่ 8 ตามเวลาประเทศไทย Intuitive Machines ได้เผยภาพแรกของยานหลังจากลงจอดบนดวงจันทร์ และเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ยาน Nova-C ล้มแบบหน้าทิ่มบนดวงจันทร์อีกแล้ว หากวิเคราะห์จากภาพเราจะเห็นว่าตัวยานเอาด้านที่เป็นโรงเก็บโรเวอร์ หันชี้ขึ้นฟ้า แปลว่าท่านี้ไม่สามารถปล่อยโรเวอร์ออกมาได้แน่นอน ส่วนเครื่องขุดเจาะ PRIME-1 ก็ไม่ได้สัมผัสกับดินเลย แบบนี้จะเอาอะไรมาขุดดิน เรียกได้ว่า งงกันไปหมด

ภาพแสดงบริเวณต่าง ๆ ณ ขั้วใต้ของดวงจันทร์ ในบริเวณที่เป็นสันเขาของกลุ่มหลุมอุกกาบาต Shackleton ที่มา – NASA’s Scientific Visualization Studio 

ความงง ๆ ของการลงจอดในรอบนี้นับว่าเป็นครั้งที่สอง หลังจากที่เมื่อปีก่อน Intuitive Machines สามารถลงจอดยาน Nova-C บนดวงจันทร์ได้แต่ตัวยานดันเกิดล้มหน้าทิ่ม ทำให้นับเป็นความสำเร็จเพียงแค่บางส่วน โดยการลงจอดในครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม และได้ทำงานบางส่วนจนถึงวันที่ 29 มีนาคม 2024 อุปกรณ์วิทยาศาสตร์บางส่วน ได้ส่งข้อมูลกลับมายังโลก


อุปกรณ์วิทยาศาสตร์บนยานจะทำงานได้หรือเปล่า

อุปกรณ์ที่เดินทางไปพร้อมกับยาน Nova-C เป็นการเน้น การศึกษาบริเวณขั้วใต้บนดวงจันทร์เป็นหลัก เช่น ระบบทดลองจุดเจาะ Polar Resources Ice Mining Experiment หรือ PRIME-1 ที่จะขุดเจาะเอาดินของดวงจันทร์ขึ้นมาวิเคราะห์ในห้องวิเคราะห์ตัวอย่าง เพื่อตรวจธาตุองค์ประกอบโดยใช้ Mass Spectrometer ที่ชื่อว่า MSolo หรือ Mass Spectrometer Observing Lunar Operations ที่จะเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญในการทำความเข้าใจวัฒจักรน้ำบนดวงจันทร์

นอกจากนี้ Nova-C ยังมีการทดลองอื่น ๆ เดินทางไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น ยานกระโดด Micro-Nova ที่ชื่อ “Gracie” ยานอวกาศขนาดเพียงแค่ 1 กิโลกรัม ที่จะใช้วิธีกระโดดออกจากยานแม่ไปไกลกว่า 25 กิโลเมตร เพื่อลงไปสำรวจยัง Permanently Shadowed Regions ที่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เราจะศึกษาบริเวณปริศนานี้ด้วยยานลงจอด ไม่ได้แค่ศึกษาจากวงโคจร หรือโรเวอร์ที่ชื่อว่า MAPP พัฒนาโดย Lunar Outpost ที่จะมีการทดลองต่าง ๆ ติดไป และมีโรเวอร์ขนาดสุดจิ๋ว ขนาดเท่ากับกล่องไม้ขีดไฟอย่าง AstroAnt ที่พัฒนาโดย MIT ปล่อยออกมาด้วย

อีกการทดลองหนึ่งที่เป็นที่พูดถึงกันก็คือการทดสอบการสื่อสารด้วยคลื่นวิทยุ 4G LTE ที่พัฒนาโดย Nokia Bell Lab เพื่อใช้เป็นระบบโครงข่ายการสื่อสารบนดวงจันทร์ในยุค Artemis

ทั้งหมดนี้ทำให้ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า อุปกรณ์เหล่านี้จะทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบหรือไม่ (ที่แน่ ๆ อะไรที่ต้องอาศัยการขุด การเจาะ หรือการปล่อยโรเวอร์ ได้รับผลกระทบจากการลงจอดในท่าแปลก ๆ อยู่แล้ว) ซึ่งก็ต้องรอการยืนยันจาก Intuitive Machines เพิ่มเติมว่า Nova-C จะมีแผนการทำงานอย่างไรต่อ และแน่นอนว่าถือเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรที่รอบนี้ Intuitive Machines ยังไม่ประสบความสำเร็จในการลงจอดอย่างเต็มรูปแบบ แม้จะมีความหวังจาก Payload การทดลองที่สำคัญกว่าในเที่ยวบินแรกมาก


ต่อมา NASA ได้ประกาศไว้ใน NASA Receives Some Data Before Intuitive Machines Ends Lunar Mission ว่ายาน Nova-C ได้ส่งข้อมูลวิทยาศาสตร์จำนวนนึงกลับโลก เช่น การตรวจจับโมเลกุลของแก๊สที่เกิดจากระบบลงจอดของยาน แต่ข้อมูลวิทยาศาสตร์จากดวงจันทร์ แต่ภารกิจไม่สามารถดำเนินต่อได้ และ Intuitive Machines ได้ตัดสินใจ End-of-Mission หรือจบสิ้นภารกิจในที่สุด

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.