Blue Origin ประสบความสำเร็จใน New Glenn เที่ยวบินแรก แต่ยังลงจอดบูสเตอร์ไม่สำเร็จ

16 มกราคม 2025 เวลาบ่ายสองโมงสี่นาทีตามเวลาประเทศไทย จรวด New Glenn ได้บินขึ้นจากฐานปล่อย LC-36 ใน Cape Canaveral Space Force Station เปิดฉากเที่ยวบินแรกของจรวดยักษ์ทรงพลังรุ่นใหม่ที่พัฒนาโดย Blue Origin ได้เดินทางขึ้นสู่อวกาศหลังจากการเลื่อนปล่อยมาหลายวัน

การปล่อยในวันดังกล่าวเดิมทีถูกกำหนดไว้เป็นช่วงบ่ายโมงตรง แต่เนื่องจากมีการเลื่อนการปล่อยออกมาจากปัญหาจำนวนหนึ่งที่เกิดขึ้นกับทั้งตัวจรวดและได้มีเรือเข้าไปในเขตห้ามเดินเรือ แต่ในที่สุดเราก็ได้เห็น New Glenn บินขึ้น

จรวดรุ่น New Glenn ลำดังกล่าวถูกตั้งชื่อว่า “So You’re Telling Me There’s a Chance.” ซึ่งหมายความประมาณว่า แปลว่ามันก็มีโอกาสน่ะสิ เป็นการกล่าวถึงการทดสอบลงจอดบนเรือครั้งแรกที่จะเกิดขึ้นในเที่ยวบินนี้เช่นกัน อ่าน – รู้จักเรือ Jacklyn สำหรับลงจอดจรวด New Glenn ของ Blue Origin

จรวด New Glenn บนฐานปล่อย LC-36 ณ Cape Canaveral Space Force Station ที่มา – Blue Origin

จรวด New Glenn จุดเครื่องยนต์ BE-4 ทั้ง 7 ตัว สร้างแรงขับมากกว่า 17 ล้านนิวตัน พาให้จรวด New Glenn พรุ่งขึ้นจากฐานปล่อยเป็นครั้งแรก หลังจากนั้น เวลา 1 นาที 30 วินาทีหลังการปล่อย ตัวยานสามารถรอดพ้นจากช่วง Max Q หรือ Maximum Dynamic Pressure ซึ่งเป็นช่วงที่ท้าทายต่อโครงสร้างของตัวจรวดที่สุดได้ จนกระทั่งในเวลา 3 นาที 12 วินาทีหลังการปล่อย เครื่องยนต์ BE-4 ทั้งสี่ตัวบนจรวดท่อนแรกก็ได้ดับลง (Main Engine Cutoff หรือ MECO) ก่อนที่จรวดท่อนแรกและท่อนที่สองจะแยกตัวออกจากกัน โดยเครื่องยนต์ BE-3U จำนวน 2 ตัวของจรวดท่อนที่สอง รับช่วงพาเอา Payload ทดสอบ เดินทางขึ้นสู่วงโคจรต่อไป

New Glenn บินขึ้นจากฐานปล่อย LC-36 ที่มา – Blue Origin

อย่างไรก็ดี ในเที่ยวบินทดสอบนี้ Blue Origin มีแผนทดสอบการลงจอดจรวด New Glenn ท่อนแรกบนเรือ Jacklyn ของตัวเอง ซึ่งในอนาคตจะถูกใช้สำหรับการเก็บกู้จรวดเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ แต่สุดท้ายการลงจอดก็ไม่ได้เกิดขึ้น เมื่อ New Glenn ท่อนแรก สัญญาณได้ขาดหายไปในช่วงที่กำลังกลับเข้าสู่บรรยากาศ ในนาทีที่ 8 หลังการปล่อย ทำให้อาจคาดการณ์ได้ว่า จรวด New Glenn น่าจะไม่รอดในช่วงที่ต้องกลับสู่บรรยากาศ โดยในตอนนั้นเราไม่ได้เห็นภาพจากการถ่ายทอดสด ทำให้การยืนยันชะตากรรมของจรวดท่อนแรกต้องรอข้อมูลจาก Blue Origin

สุดท้ายหลังจากการปล่อยประมาณ 13 นาที จรวด New Glenn ท่อนที่สองก็ได้ดับเครื่องยนต์ (Second Engine Cutoff หรือ SECO) เป็นการบ่งบอกว่าตัวจรวดนั้นได้เดินทางขึ้นสู่วงโคจรสำเร็จเรียบร้อย เป็นจรวดระดับ Orbital Class ลำแรกของ Blue Origin

Blue Origin รายานผ่านทาง X บอกว่าจรวดท่อนที่สองมีการจุดเครื่องยนต์อีกครั้งเวลาบายสามโมงตรง เพื่อเดินทางไปยังวงโคจรสุดท้ายที่กำหนดไว้ โดยวงโคจรดังกล่าวนั้นเป็นวงโคจรแบบวงรี มีจุดใกล้โลก (Perigee) อยู่ที่ 2,400 กิโลเมตร และจุดไกลโลก (Apogee) อยู่ที่ 19,300 กิโลเมตร มีความชันของวงโคจร (Inclination) อยู่ที่ 30 องศา เมื่อเทียบกับเส้นศูนย์สูตร ถือว่าเป็นวงโคจรที่สูง เมื่อเทียบกับสถานีอวกาศนานาชาติที่โคจรอยู่ที่ระดับความสูงสม่ำเสมอประมาณ 400 กิโลเมตร

ในระหว่างที่ New Glenn ท่อนที่สองกำลังโคจรรอบโลกพร้อมกับ Payload ทดสอบ Blue Ring Pathfinder ที่เป็นระบบ Bus หรือองค์ประกอบสำคัญของดาวเทียม (คอมพิวเตอร์ ระบบนำทาง และอื่น ๆ) ขึ้นไปทดสอบเพื่อปูทางสู่การพัฒนาดาวเทียมของตัวเองที่จะให้บริการกับลูกค้าในอนาคต


New Glenn นับได้ว่าเป็นหนึ่งในจรวดที่ใหญ่ที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน มีความสูง 98 เมตร ซึ่งสูงกว่าจรวด Falcon Heavy ของ SpaceX และใกล้เคียงกับ Saturn V จรวดที่ใช้ในโครงการ Apollo ของ NASA เส้นผ่านศูนย์กลาง 7 เมตร ทำให้มีพื้นที่ใน Payload Fairing ที่กว้างและรองรับ Payload ขนาดใหญ่

ตราสัญลักษณ์ New Glenn 1 ภารกิจแรกของ New Glenn ที่ถูกติดบน Payload Fairing ขนาดกว่า 7 เมตร ที่มา – Blue Origin

New Glenn เตรียมการทดสอบมานานมากกว่า 1 ปีแล้ว (ข่าว – Blue Origin นำ New Glenn ขึ้นฐานปล่อย LC-36 เริ่มต้นปล่อยจรวดจากคะเนเวอรัล) และเดิมทีมีกำหนดส่งยานอวกาศ​ ESCAPDE ให้กับ NASA ในช่วงเดือนตุลาคม 2024 เดินทางไปยังดาวอังคาร (แม้จะเป็นภารกิจทดสอบก็ตาม) แต่เนื่องจากการเลื่อนการปล่อย ทำให้เรายังไม่ได้เห็นการใช้ New Glenn พาเอายานเดินทางไปยังดาวอังคาร แต่จากประสิทธิภาพของ New Glenn ที่เห็น อาจพูดได้ว่าถ้าการทดสอบวันนี้เป็นการทำวงโคจรแบบ Trans-Mars Orbit ไปยังดาวอังคารก็อาจจะประสบความสำเร็จด้วยซ้ำ

ภารกิจต่อไปของ New Glenn ในเที่ยวบินทดสอบที่ 2 นั้นยังไม่ได้เปิดเผยวันออกมา และถ้าการทดสอบครั้งที่สองสำเร็จ Blue Origin จะสามารถนำเอาจรวด New Glenn มาให้บริการได้เต็มรูปแบบและผ่านมาตรฐาน National Security Space Launch หรือ NSSL เพื่อทำภารกิจให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ และภารกิจทางการทหารได้

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.