สรุปเหตุการณ์ Starship เที่ยวบินทดสอบที่ 7 ระเบิดในวงโคจร หลังแยกตัวกับ Super Heavy

วันที่ 17 มกราคม 2025 ในการทดสอบเที่ยวบินที่ 7 ของยาน Starship และจรวด Super Heavy นั้น SpaceX เสียยาน Starship หมายเลข B33 หลังจากที่ตัวยานแยกตัวออกจากจรวด Super Heavy ภายหลัง SpaceX ออกมาแถลงว่าตัวยานได้ระเบิดออก ซึ่งวิศวกรจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลที่เพื่อตอบคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับ Starship ลำนี้กันแน่

การทดสอบยานอวกาศ Starship ในเที่ยวบินที่ 7 นั้นถูกเลื่อนมาหลายครั้ง หลังจากที่ตัว Super Heavy และ Starship ได้ผ่านการทดสอบ Static Fire หรือการทดสอบจุดเครื่องยนต์บนพื้นมาในช่วงเดือนธันวาคม 2024 จนในที่สุดการทดสอบก็ได้เกิดขึ้นในวันศุกร์ที่ 17 มกราคม ในช่วงเช้ามืดของประเทศไทย หรือในช่วงเย็นของเวลา ณ ฐานปล่อย

Starship รุ่นใหม่ Block 2 ที่มาพร้อมกับการจัดวางแผ่นกันความร้อนแบบใหม่ ที่มา – SpaceX

โปรไฟล์การบินในเที่ยวทดสอบที่ 7 นี้นั้น จะไม่แตกต่างจากการทดสอบในครั้งก่อน ๆ ตัวยานจะบินขึ้นจาก Starbase ในเท็กซัส Super Heavy หมายเลข B14 จะแยกตัวออกจาก Starship และกลับมาทดสอบลงจอดบนหอคอย Orbital Launch Mount ก่อนที่ Starship จะบินข้ามอ่าวเม็กซิโกไปยังแปซิฟิก ผ่านตอนใต้ของแอฟริกาและลงจอดกลางมหาสมุทรอินเดีย แต่ความพิเศษในรอบนี้นั้นก็คือยาน Starship ที่ใช้จะเป็นยานรุ่นใหม่ Block 2 ที่เพิ่งถูกพัฒนาขึ้นโดยอิงโครงสร้างและระบบบางส่วนจาก Starship รุ่นเดิม แต่จะมีการจัดเรียงแผ่นกันความร้อนแบบใหม่ ระบบคอมพิวเตอร์ที่ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น และที่สำคัญคือจะสามารถปล่อย Payload ทดสอบ ได้แก่ดาวเทียม Starlink จำลองในขณะที่กำลังเดินทางในอวกาศได้

อ่าน สรุปการทดสอบเที่ยวบินที่ 6 ของ Starship จรวดเลือกลงจอดในทะเล แต่ผลการทดสอบเป็นไปด้วยดี

ในขณะที่ Super Heavy หมายเลข B14 นั้นก็ได้มีการนำเอาเครื่องยนต์ Raptor หนึ่งตัวที่ถอดออกมาจาก Super Heavy หมายเลข B12 ที่สามารถกลับมาลงจอดบน Orbital Launch Mount ในเดือนตุลาคม 2024 มาใส่ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการนำเอาเครื่องยนต์กลับมาใช้ทำการบินซ้ำ

การทดสอบเริ่มต้นได้ด้วยดี และการลงจอดประสบความสำเร็จ

การปล่อยในรอบนี้ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย SpaceX ได้เริ่มเติมเชื้อเพลิงให้กับตัวจรวดในช่วงเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนการปล่อย ก่อนที่ 30 วินาทีก่อนการปล่อย เจ้าหน้าที่ Launch Director ก็ได้ให้สัญญาณไฟเขียว สั่ง Go for Launch ให้ดำเนินการปล่อย

Starship เที่ยวบินที่ 7 ขณะบินขึ้นจากฐานปล่อย ที่มา – SpaceX

เวลาตี 5 กับอีก 37 นาที ตามเวลาประเทศไทย จรวด Super Heavy ก็ได้บินขึ้น โดยในนาทีแรก ๆ ของการปล่อยนั้นทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี Super Heavy และ Starship เดินทางสู่ระดับความสูง 60 กิโลเมตร ในเวลา 2 นาที 40 วินาทีหลังการปล่อย ก่อนที่จะแยกตัวออกจากกันสำเร็จ โดย Super Heavy ได้ทำ Boostback Burn เพื่อปรับทิศทางการตกกลับสู่โลก ให้กลับมายังฐานปล่อย ในขณะที่ Starship ยังคงไต่ระดับความสูงอย่างต่อเนื่อง ข้อมูล Telemetry แสดงผลตามปกติ

Raptor Engine ทั้ง 33 ตัวพาเอาจรวด Super Heavy บินขึ้น ที่มา – SpaceX

3 นาที หลังการปล่อย เจ้าหน้าที่ให้สัญญาณ Go for Catch ยืนยันว่า Booster จะกลับมาลงจอด ณ หอคอยปล่อย ในขณะที่เครื่องยนต์ทั้ง 6 ตัวบน Starship ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องปกติ

Super Heavy ขณะชะลอความเร็วและเตรียมถูกจับโดยแขนกล Mechazilla ที่มา – SpaceX

6 นาที 31 วินาที Super Heavy ได้จุดเครื่องยนต์ 13 ตัวเพื่อช่วยชะลอความเร็วในขั้นสุดท้ายขณะที่มันตกกลับลงมายังโลก เพื่อเตรียมถูกจับไว้โดยแขนคีบ Mechazilla ก่อนที่มันจะสามารถถูกจับเอาไว้ได้และลงจอดอย่างนิ่มนวลบนแขนคีบในที่สุด คล้ายกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นในการทดสอบเที่ยวบินที่ 5

การลงจอดรอบนี้ถือเป็นการทดสอบลงจอดรอบที่ 2 ของจรวด Super Heavy ที่มา – SpaceX

ส่วนในฝั่งของ Starship ในวินาทีที่ Mechazilla จับ Super Heavy ได้นั้นตัวยานได้ไต่ระดับไปจนถึงความสูงประมาณ 135 กิโลเมตรเรียบร้อยแล้ว และความเร็วยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ประมาณ 15,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เครื่องยนต์ทยอยดับและตัวยานเกิดการระเบิด

อย่างไรก็ตามในนาทีที่ 7 กับ 40 วินาทีหลังการปล่อย ณ ความสูง 145 กิโลเมตร ได้เกิดสัญญาณของความผิดพลาดขึ้นเมื่อเครื่องยนต์บนยาน Starship นั้นดับไป 1 เครื่องยนต์ หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อตัวยานมีความเร็วได้ประมาณ 20,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์อีกหนึ่งตัวก็ได้ดับไปเช่นกัน หลังจากนั้นก็ตามมาที่ตัวที่สาม และสี่ จนในที่สุด เวลา 8 นาที 28 วินาที หลังการปล่อยข้อมูลจาก Telemetry ก็ได้แสดงให้เห็นว่ามีเครื่องยนต์เพียงตัวเดียวเท่านั้นที่ทำงานอยู่ และสัญญาณทั้งหมดก็ได้ขาดหายไป ตัวเลขความเร็วค้างไว้อยู่ที่ 21,317 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และระดับความสูง 146 กิโลเมตร

Starship หมายเลข 33 แยกตัวจาก Super Heavy หลังการปล่อย ที่มา – SpaceX

ในช่วงเดียวกันนี้เองผู้ใช้งานบัญชี X หลายราย สามารถ บันทึกภาพวัตถุหลายชิ้นแตกกระจาย อยู่บนท้องฟ้าในทะเลแถบแคริเบียน โดยเฉพาะบนเกาะ Turks and Caicos ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวและมีนักท่องเที่ยวอีกหลายคนมองไปยังวัตถุที่ค่อย ๆ ตกลงมาจากท้องฟ้า ทำให้เดาไม่ยากว่านั่นคือยาน Starship ที่ระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ หนึ่งในคลิปที่ถูกโพสต์ลงบน X เผยให้เห็น วัตถุขนาดใหญ่บนท้องฟ้าระเบิดออก ซึ่งนั่นน่าจะเป็นจังหวะที่ Starship ระเบิด

หลังจาก เวลา 6 โมง 24 นาที ตามเวลาประเทศไทย SpaceX ได้ ออกมาโพสต์ผ่านทาง X เช่นกันบอกว่า พวกเขาได้เสียยาน Starship ไปแล้ว โดยตัวยานนั้นได้เกิดการ Rapid Unscheduled Disassembly หรือ RUD ที่จริง ๆ แล้วแปลว่าระเบิด ในขณะที่ตัวยานกำลังไต่ระดับความสูง และทีมวิศวกรจะนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อตอบคำถามว่าทำไม Starship ถึงได้ระเบิดออก

Starship ก่อนระเบิดออกเหนือทะเลแคริเบียน ที่มา – SpaceX

หากวิเคราะห์กันแบบคร่าว ๆ โดยปกติแล้วการระเบิดของจรวดจะเกิดได้จากสองกรณีหลัก ๆ อย่างแรกคือตัวโครงสร้างของจรวดไม่สามารถทนต่อแรงเครียดได้ หรือเป็นการระเบิดจากแรงดันภายในตัวจรวดเอง เช่น เครื่องยนต์ทำงานผิดพลาด หรือสิ่งที่ไม่ควรจะติดไฟดันเกิดติดไฟ และในกรณีที่สองก็คือคอมพิวเตอร์บนยานสั่งระเบิดตัวเอง เรียกว่า Flight Termination System หรือ FTS ที่จะเกิดขึ้นเมื่อจรวดพบว่ามันออกนอกเส้นทาง หรือมีอะไรที่เสี่ยงต่อความปลอดภัย การที่มันระเบิดตัวเองกลางอากาศจะช่วยให้เศษซากจากการระเบิดมีขนาดเล็กลงและไม่ทำอันตรายหรือออกนอกเส้นทางมากนัก ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ากรณีของ Starship ลำนี้นั้น มาจากปัจจัยใด


อัพเดท Elon Musk ได้ออกมา เปิดเผยข้างต้นผ่านทาง X บอกว่า มีข้อบ่งชี้ว่ามีการรั่วไหลของออกซิเจนหรือเชื้อเพลิงในช่องว่างเหนือแผงกั้นเครื่องยนต์ของยาน ซึ่งมีขนาดใหญ่พอที่จะทำให้เกิดแรงดันเกินกว่าความสามารถของระบบระบายความดัน

วิธีแก้ปัญหาคือ นอกจากการตรวจสอบการรั่วซ้ำอย่างละเอียดแล้ว SpaceX จะเพิ่มระบบดับเพลิงในบริเวณดังกล่าว และอาจขยายพื้นที่ช่องระบายแรงดันเพิ่มเติม ขณะนี้ยังไม่มีสิ่งใดที่บ่งชี้ว่าจำเป็นต้องเลื่อนการปล่อยจรวดครั้งถัดไปออกไปเกินกว่าภายในเดือนหน้า

SpaceX ได้ออกหน้าเว็บไซต์ Starship Flight 7 บอกว่า ยาน Starship ถูกออกแบบให้บินในเส้นทางการที่กำหนดไว้ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งบนพื้นดิน ทะเล และอากาศ เศษซากที่หลงเหลืออาจตกในพื้นที่อันตรายที่กำหนด หากพบเศษซากจากการระเบิด อย่าจับหรือเก็บด้วยตนเอง ให้ติดต่อหน่วยงานท้องถิ่นหรือสายด่วน SpaceX Debris Hotline ที่ 1-866-623-0234 หรืออีเมล [email protected]


วิเคราะห์อนาคตของ Starship รุ่นใหม่

Starship รุ่นที่ใช้ในการทดสอบเที่ยวบินที่ 7 นี้เป็นยาน Starship รุ่น Block 2 มีการลดขนาดและปรับตำแหน่งของแผงควบคุมด้านหน้าเพื่อลดความร้อนในช่วงกลับสู่ชั้นบรรยากาศ ปรับปรุงแผ่นกันความร้อน เพิ่มปริมาณเชื้อเพลิง 25% และมีระบบรองรับการทำงานที่ซับซ้อนขึ้น และรองรับการปล่อยดาวเทียมทดสอบ Starlink ได้

ยานรุ่นนี้ถือเป็นความหวังของ SpaceX ในการเดินหน้าสู่การสร้าง Starship รุ่นที่จะให้บริการลูกค้าทั้งเอกชนและตัว NASA เองอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการพัฒนา Starship รุ่นที่จะใช้สำหรับการเป็น Human Landing System หรือระบบลงจอด พานักบินอวกาศขึ้นและลงจากผิวดวงจันทร์ในโครงการ Artemis โดยเฉพาะในภารกิจ Artemis III ซึ่งจะมีการนำเอานักบินอวกาศกลุ่มต่อไปเดินทางสู่ดวงจันทร์ ที่ NASA วางแผนไว้ว่าจะเกิดขึ้นในปี 2027

SpaceX ขณะนำเอา Starship หมายเลข 33 ขึ้นมาติดตั้งบนจรวด Super Heavy ก่อนการทดสอบ ที่มา – SpaceX

การระเบิดของ Starship Block 2 ในเที่ยวบินนี้นั้นอาจนับได้ว่าสร้างเรื่องให้กับ SpaceX ไม่น้อย เพราะที่ผ่านมา Starship ได้เคย ระเบิดในลักษณะแบบเที่ยวบินนี้ครั้งล่าสุดในการทดสอบครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2023 และหลังจากนั้น ตั้งแต่เที่ยวบินที่ 3 วันที่ 13 มีนาคม 2024 เป็นต้นมา Starship ก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถลงจอดบนผิวน้ำ ณ มหาสมุทรอินเดียได้ในเที่ยวบินที่ 4 ในวันที่ 6 มิถุนายน 2024 และนำไปสู่เที่ยวบินที่ 5 และ 6 ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก

แม้ปัจจุบันเราอาจจะยังไม่สามารถวิเคราะห์อะไรได้มากนัก แต่หากสังเกตจากตัวเลข Starship ในเที่ยวบินที่ 7 นี้ มีโปรไฟล์การระเบิดคล้ายกับในเที่ยวบินที่ 2 และมีตัวเลขทั้งความเร็ว ความสูงและช่วงเวลาใกล้เคียงกัน

อีกหนึ่งปัญหาที่จะตามมาก็คือในเที่ยวบินที่ 8 ควรจะเป็นการทดสอบลงจอดของ Starship บนหอคอยคีบ และเป็นการบินแบบครบวงโคจรกลับมายังฐานปล่อย ซึ่งก็ต้องรอดูว่า SpaceX จะมีการเปลี่ยนแผนหรือไม่ เพราะถ้าหาก Starship รุ่นใหม่ Block 2 นี้ยังไม่สามารถเดินทางพ้นอ่าวเม็กซิโกได้ ตัวหอคอยคีบก็ไม่มี Starship ให้จับแน่ ๆ กลายเป็นจับยานอวกาศล่องหนแทน

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.