NASA เริ่มประกอบ SLS สำหรับ Artemis III แล้ว ด้วยวิธีการใหม่ที่ช่วยลดความล่าช้า

ในขณะที่ จรวด Space Launch System หรือ SLS สำหรับ ภารกิจ Artemis II กำลังอยู่ระหว่างการประกอบขั้นสุดท้ายใน High Bay 3 ของ Vehicle Assembly Building ที่ NASA Kennedy Space Center โดยตั้งเป้าปล่อยขึ้นในช่วงต้นปี 2026 ล่าสุด NASA ก็เริ่มขยับชิ้นส่วนสำคัญของ Artemis III ขึ้นสู่สายการประกอบแล้ว ซึ่งนี่ไม่ใช่เพียงการทำงานคู่ขนาน แต่เป็นการส่งสัญญาณว่าการกลับไปเหยียบดวงจันทร์ของมนุษยชาติใกล้เข้ามามากขึ้นทุกที

เดือนสิงหาคม 2025 NASA รับมอบ Boattail Section หรือช่วงที่ปกป้องเครื่องยนต์ของจรวด SLS ในส่วน Core Stage สำหรับ Artemis III มายัง NASA Kennedy Space Center พร้อมเข้าร่วมกับชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่รออยู่แล้ว เช่น Launch Vehicle Stage Adapter หรือ LVSA การมาถึงของ Boattail ไม่ได้เป็นเพียงชิ้นส่วนแต่เป็นเหมือนสัญญาณเริ่มนับถอยหลังสู่การสร้างจรวดที่ตั้งใจจะพามนุษย์กลับไปบนดวงจันทร์ หลังจากห่างหายไปกว่าครึ่งศตวรรษ

สิ่งที่แตกต่างอย่างมีนัยยะคือวิธีการประกอบ SLS ในครั้งนี้ ภารกิจก่อนหน้า ทั้ง Artemis I และ II ก็คือตัว Core Stage ถูกประกอบขึ้นที่ NASA Michoud Assembly Facility ในรัฐลุยเซียนา ก่อนจะถูกขนส่งด้วยเรือ Pegasus ผ่านอ่าวเม็กซิโกและชายฝั่งตะวันออก มายัง Kennedy Space Center เพื่อนำประกอบกับส่วนอื่น ๆ เช่น Interrim Cyrogenic Propulsion Stage หรือ ICPS

ชิ้นส่วนแรก ๆ ของ SLS ในภารกิจ Artemis III ถูกเคลื่อนย้ายเข้ามาในอาคาร VAB – NASA/Cory Huston

แต่สำหรับ Artemis III NASA และ Boeing เลือกที่จะประกอบ Core Stage โดยตรงใน VAB บนโครงเหล็กแนวตั้งที่สร้างขึ้นใน High Bay 2 ก่อนจะย้ายไป High Bay 3 เพื่อประกอบเข้ากับ Mobile Launch Platform หรือ MLP ในขั้นตอนสุดท้าย นี่ไม่ใช่การปรับเปลี่ยนเล็ก ๆ แต่คือการพลิกวิธีคิดในการประกอบ SLS อย่างสิ้นเชิง ซึ่ง NASA ได้พูดถึงไว้ในบทความ NASA, Boeing Optimizing Vehicle Assembly Building High Bay for Future SLS Stage Production

NASA ได้ลงทุนสร้าง Tooling ชุดใหม่ใน High Bay 2 ของ Vehicle Assembly Building โดยมีบริษัท Futuramic จากรัฐมิชิแกนเป็นผู้ผลิต Tooling นี้คือโครงเหล็กและระบบจับยึดขนาดมหึมาที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ Core Stage ในแนวตั้ง ทำให้ทีมงานสามารถบูรณาการชิ้นส่วนที่ซับซ้อนที่สุดอย่าง Engine Section และติดตั้งเครื่องยนต์ RS-25 ทั้งสี่เครื่องได้อย่างแม่นยำ โครงสร้างนี้ยังเคยช่วยรองรับ SLS สำหรับ Artemis II ซึ่ง NASA เคยพาเราไปชมในบทความ NASA พาทีมงานสเปซทีเอช ชมการประกอบจรวด SLS ในอาคาร VAB

ชิ้นส่วนแรกของจรวด SLS สำหรับ Artemis III ถูกนำเข้าวางใน Tooling ใน High Bay 2 ถ่ายในเดือนสิงหาคม 2025 ที่มา – NASA/Cory Huston

ความสำคัญของ Tooling ยังช่วยให้วิศวกรสามารถเข้าถึง Core Stage ได้ รอบด้าน 360 องศา ทั้งภายในและภายนอก การเดินสายไฟ ติดตั้งระบบขับดัน และตรวจสอบ Thermal Protection System จึงทำได้เร็วและปลอดภัยกว่าเดิม High Bay 2 ที่ครั้งหนึ่งเคยใช้ซ้อนจรวด Saturn V และเก็บถังเชื้อเพลิงของ Shuttle จึงกำลังถูกชุบชีวิตขึ้นใหม่ในฐานะสายการผลิตของ SLS ยุค Operational Model

ในฝั่งของ Engine Section ซึ่งถือเป็นส่วนที่ซับซ้อนที่สุด NASA เลือกส่งมาถึง NASA Kennedy Space Center ตั้งแต่ปลายปี 2022 เพื่อให้ทีมงานมีเวลามากพอในการเตรียมความพร้อมสำหรับการติดตั้งเครื่องยนต์ RS-25 ทั้งสี่เครื่องที่ผลิตและทดสอบที่ Stennis Space Center รัฐมิสซิสซิปปี เครื่องยนต์เหล่านี้เสร็จสมบูรณ์และรอการขนส่งมาที่ Kennedy ในปี 2025 เพื่อประกอบเข้ากับ Engine Section ที่รออยู่แล้ว

ชิ้นส่วน Boat Tail Section ของ SLS ในภารกิจ Artemis III ช่วงปลายปี 2024 ที่ Space Systems Processing Facility ที่มา – NASA/Cory S Huston

NASA อธิบายว่า การประกอบ Core Stage ภายใน VAB ตั้งแต่แรกจะช่วย ลดเวลาและความเสี่ยงจากการขนส่ง เพราะ Core Stage เป็นโครงสร้างที่ใหญ่และซับซ้อน ความล่าช้าหรืออุบัติเหตุเล็กน้อยอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ ในเชิงระบบงาน การเปลี่ยนแผนนี้ยังสะท้อนถึง ความมั่นใจที่มากขึ้น ของ NASA และ Boeing ต่อกระบวนการผลิต หลังจากได้บทเรียนจาก Artemis I ที่ล่าช้าอย่างมาก และ Artemis II ที่ยังอยู่ในเส้นทางแต่ก็ต้องถูกขยับกำหนดการไปเป็นต้นปี 2026 การประกอบใน VAB คือการพยายาม “ตัดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น” ออกไป เพื่อไม่ให้ไทม์ไลน์ Artemis III กระทบต่อเป้าหมายการส่งมนุษย์ลงดวงจันทร์

โครงสร้างของ Artemis IV ภารกิจสำคัญในการสร้างสถานีอวกาศ Lunar Gateway รวมถึง Exploration Upper Stage หรือ EUS ก็กำลังถูกสร้างที่ Michoud ไปพร้อม ๆ กัน ความต่อเนื่องนี้สะท้อนว่าหลังจากเจอความล่าช้าใน Artemis I NASA กำลังพยายามจัด Pipeline ให้ SLS ผลิตได้ “หลายลำพร้อมกัน” เหมือนสายการผลิตมากกว่าการทำจรวดแบบโครงการเฉพาะกิจแม้ว่า Artemis IV อาจเป็นเที่ยวบินสุดท้ายของจรวด SLS ก็ตาม

ชิ้นส่วน LVSA ที่ถูกสร้างอยู่ที่ Marshall Space Flight Center ที่มา – NASA/Sam Lott

การเลือกประกอบ Core Stage ใน VAB ยังสามารถอ่านได้ในมิติทางการเมืองวิทยาศาสตร์ เพราะ Artemis III ไม่ได้เป็นแค่ภารกิจบินทดสอบ แต่คือ ภารกิจที่จะส่งนักบินอวกาศกลับไปเหยียบดวงจันทร์ การชะลอหรือเลื่อนกำหนดการมีเดิมพันสูงทั้งในเชิงสัญลักษณ์และในเชิงการแข่งขันระหว่างประเทศ เมื่อจีนเร่งโครงการสถานีวิจัยบนดวงจันทร์ International Lunar Reserach Station หรือ ILRS และประกาศความร่วมมือกับหลายประเทศ การที่ NASA แสดงให้เห็นว่าโครงการ Artemis กำลังเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม จึงไม่ต่างจากการส่งสารไปยังเวทีโลกว่า “สหรัฐฯ ยังถือธงนำในการกลับดวงจันทร์” ซึ่งสิ่งนี้ได้รับการพูดถึงอย่างมากในมิติการเมือง โดยมีการพูดถึงว่าจีนคือภัยคุกคามใหม่ในด้านอวกาศ

เมื่อ Core Stage ของ Artemis III ถูกประกอบเสร็จสมบูรณ์ใน High Bay 2 มันจะถูกเคลื่อนย้ายเข้าสู่ High Bay 3 เพื่อประกอบเข้ากับ Mobile Launch Platform ขั้นตอนนี้คือการรวมร่างครั้งใหญ่ ที่จะทำให้จรวด SLS เตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบและการปล่อยจริงหาก Artemis II คือก้าวยืนยันว่า SLS และ Orion สามารถพานักบินอวกาศโคจรรอบดวงจันทร์ได้ Artemis III จะเป็น บทพิสูจน์ว่ามนุษย์สามารถกลับไปแตะพื้นผิวดวงจันทร์ได้อีกครั้ง และการเริ่มประกอบจรวดลำนี้ในวันนี้ ก็คือก้าวเล็ก ๆ แต่สำคัญของมนุษยชาติบนเส้นทางสู่การสำรวจอวกาศในศตวรรษที่ 21

อ่านประวัติศาสตร์ของจรวด SLS ได้ในบทความ ทำไมจรวด SLS ถึงได้มีชื่อที่สิ้นคิดแบบนี้ และ ทำไม SLS ถึงเป็นจรวดที่แพงแต่จำเป็น

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.