ALIGN เครื่องมือไทยที่จะถูกส่งไปยังดวงจันทร์พร้อมกับ Chang’e 8

เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2025 ในงาน China Space Day ณ นครเซี่ยงไฮ้ องค์การอวกาศแห่งชาติจีน CNSA ได้ประกาศรายชื่ออุปกรณ์วิทยาศาสตร์นานาชาติที่ผ่านการคัดเลือกจำนวน 10 โครงการ สำหรับภารกิจ Chang’e 8 ที่มีเป้าหมายไปยังขั้วใต้ของดวงจันทร์ในปี 2029 หนึ่งในโครงการที่น่าสนใจ คือ “ALIGN” หรือ Assessing Lunar Ion-Generated Neutrons ผลงานการพัฒนาของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NARIT ภายใต้การนำของศาสตราจารย์ David Ruffolo

อ่านบทความพาชมงานฉบับเต็มได้ที่ พาบุก China Space Day 2025 อัพเดทเทคโนโลยี วิเคราะห์ก้าวต่อไปของอวกาศจีน

ก่อนหน้านี้เราได้เห็นการเปิดตัวอุปกรณ์ MATCH หรือ Moon-Aiming Thai-Chinese Hodoscope ซึ่งได้รับคัดเลือกให้ไปติดตั้งบนยานอวกาศ Chang’e 7 ที่จะเดินทางไปโคจรรอบดวงจันทร์ในปี 2026 ซึ่งเราเคยรายงานไปในบทความ สรุปกิจกรรมในวงการอวกาศไทย 2024 เมื่อไทยหันร่วมมือสำรวจอวกาศกับจีนมากขึ้น ณ ตอนนี้ จีนก็ได้ประกาศรายชื่อของ International Payload ตามโครงการ Announcement of Opportunities for International Cooperation of the Chang’E-8 Mission  ของ Chang’e 8 อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ผลออกมาเมื่อเดือนกันยายน 2024

ในรายชื่อ 10 โครงการจาก 11 ประเทศที่ได้รับเลือก มีตั้งแต่หุ่นยนต์จากตุรกี, รถสำรวจจากปากีสถาน, กล้องถ่ายภาพอินฟราเรดจากบาห์เรน-อียิปต์ ไปจนถึงเครื่องมือวัดพลาสมาจากรัสเซีย และไทย

ALIGN ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจจับ “นิวตรอน” ที่กระเด็นออกจากพื้นผิวดวงจันทร์ภายหลังการชนของรังสีคอสมิกและอนุภาคพลังงานสูงจากดวงอาทิตย์ กระบวนการนี้เหมือนการยิงลูกเหล็กเล็ก ๆ ลงไปในทราย แล้วดูว่าเศษทรายที่กระเด็นออกมาเป็นอย่างไร จากข้อมูลของเศษที่กระเด็นมา เราสามารถบอกได้ว่าทรายนั้นหนาแน่นแค่ไหน มีน้ำอยู่ไหม หรือมีวัสดุแปลก ๆ ซ่อนอยู่หรือเปล่า บนดวงจันทร์ สิ่งที่เรากำลังหาไม่ใช่แค่ดินธรรมดา แต่รวมไปถึงน้ำแข็ง น้ำ และแร่ธาตุที่อาจนำมาใช้สร้างอาณานิคมในอนาคต

ตัวอย่างแบบจำลองของ ALIGN ที่จัดแสดงในงาน China Space Day 2025 ที่นครเซี่ยงไฮ้ ที่มา – Nattanon Dungsunenarn/Spaceth

เทคนิคที่ ALIGN ใช้เรียกว่า Passive Detection ซึ่งหมายถึงการ “ฟัง” นิวตรอนที่ปล่อยออกมาโดยธรรมชาติ โดยไม่ต้องยิงอะไรไปกระตุ้นก่อน ต่างจากวิธี Active Detection ที่บางภารกิจเคยใช้ ซึ่งต้องมีแหล่งปล่อยนิวตรอนในตัวยานเอง การเลือกใช้ Passive Detection ทำให้อุปกรณ์มีขนาดเล็กลง ประหยัดพลังงาน และลดความซับซ้อนลงอย่างมาก

โครงสร้างของ ALIGN ถูกออกแบบเป็นเหมือนหัวหอมสามชั้น แต่ละชั้นทำหน้าที่รับรู้พลังงานนิวตรอนต่างกัน เพื่อให้เข้าใจลึกถึงต้นกำเนิดของนิวตรอนแต่ละชนิดและปริมาณของพวกมัน

ชั้นนอกสุดคือ EJ-200 พลาสติก Scintillator ที่ไวต่อการชนของนิวตรอนพลังงานสูง เวลาอนุภาคเหล่านี้ชนกับ EJ-200 มันจะปล่อยแสงออกมาเหมือนหิ่งห้อยระเบิดในขวดแก้ว ทีมงานใช้ SiPMs (Silicon Photomultipliers) ซึ่งทำหน้าที่เหมือนตาข่ายดักจับแสงจิ๋ว ๆ เพื่อเก็บข้อมูลจากแสงที่ปล่อยออกมา

ป้ายนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ ALIGN ที่จะเดินทางไปกับยาน Chang’e 8 ในงาน ที่มา – Nattanon Dungsunenarn/Spaceth

ชั้นกลางคือ CLYC หรือ Cesium Lithium Yttrium Chloride ซึ่งเปรียบได้กับตัวตรวจจับ ที่สามารถแยกแยะได้ว่าสัญญาณที่ตรวจจับมาเป็นนิวตรอนหรือรังสีแกมมา เพราะมันมีคุณสมบัติพิเศษในการวิเคราะห์ลักษณะพัลส์ของแสง (Pulse Shape Discrimination) หากนิวตรอนชนเข้าไป แสงที่ปล่อยออกมาจะมี “ลายเซ็น” คนละแบบกับเมื่อโดนรังสีแกมมา

ชั้นในสุดคือ EJ-245 ซึ่งผสม Boron-10 เข้าไปในเนื้อวัสดุ Boron นี้ทำหน้าที่เหมือนกับ “กับดักแมลงวัน” สำหรับจับนิวตรอนพลังงานต่ำ (Thermal Neutron) โดยตรง ด้วยปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่มีความไวสูง สร้างสัญญาณเฉพาะที่สามารถวิเคราะห์ต่อได้ง่าย

สัญญาณทั้งหมดที่ได้จากทั้งสามชั้นจะถูกอ่านออกมาและแปลงเป็นข้อมูลด้วยชุดเซนเซอร์ที่เลือกใช้ระหว่าง SiPMs และ PMTs (Photomultiplier Tubes) เพื่อเพิ่มความแม่นยำ และลดสัญญาณรบกวนในระดับที่ทำให้สามารถสังเกตปรากฏการณ์นิวตรอนจำนวนน้อยมากได้

อุปกรณ์ ALIGN ไม่ได้มีแค่ตัวตรวจจับเดียว แต่มี 3 หน่วย (แต่ละตัวเรียกว่า Nodes) ติดตั้งรวมกันในลักษณะที่ครอบคลุมมุมมองถึง 130 องศาต่อ Node การออกแบบนี้เหมือนการตั้งเสาอากาศแบบกางร่มเพื่อจับสัญญาณจากทิศทางต่าง ๆ ทำให้สามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับนิวตรอนที่สะท้อนกลับมาจากผิวดวงจันทร์และที่มาจากฟ้าได้พร้อมกัน

ภาพแสดงตัวจรวจจับทั้งสามตัวของ ALIGN ที่ครอบคลุมองศาถึง 130 องศา ที่มา – David Ruffolo/Mahidol University

ในแง่ของตัวเลข ALIGN มีขนาดกะทัดรัดเพียง 252 x 121 x 175 มิลลิเมตร น้ำหนักรวมเพียง 3.5 กิโลกรัมเท่านั้น ตามขนาดที่ทาง CNSA ระบุไว้ และกินพลังงานเพียง 15 วัตต์ซึ่งน้อยกว่าหลอดไฟ LED ขนาดใหญ่ในบ้านหนึ่งหลอด และมีระบบควบคุมอุณหภูมิในตัวพร้อมฮีตเตอร์กำลัง 20 วัตต์เพื่อให้สามารถทำงานได้แม้ในสภาพแวดล้อมโหดร้ายของดวงจันทร์

เป้าหมายสำคัญของ ALIGN คือการช่วยเปิดเผยแหล่งน้ำและทรัพยากรบนดวงจันทร์ในบริเวณขั้วใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่หลายภารกิจในทศวรรษหน้าเล็งเห็นว่ามีศักยภาพสูงสุดสำหรับการสร้างฐานถาวร นอกจากนี้ ข้อมูลจาก ALIGN ยังจะถูกใช้ร่วมกับโครงการ International Lunar Research Station หรือ ILRS ที่จีนและรัสเซียกำลังผลักดัน เพื่อวางแผนระบบสนับสนุนชีวิต เช่น แหล่งน้ำดื่ม การสกัดออกซิเจน และการผลิตเชื้อเพลิงสำหรับนักบินอวกาศในอนาคต

โครงการ ALIGN ไม่เพียงแต่เป็นก้าวกระโดดสำคัญของประเทศไทยในการเข้าสู่การสำรวจดวงจันทร์ระดับภาคพื้น หากยังสะท้อนปรากฏการณ์ใหม่ในโลกวิทยาศาสตร์ยุคศตวรรษที่ 21 ซึ่งความร่วมมือระหว่างประเทศไม่จำกัดเฉพาะมหาอำนาจอีกต่อไป แต่เปิดโอกาสให้นักวิจัยจากทุกมุมโลกได้มีบทบาทในการปฏิบัติภารกิจแนวหน้าเคียงข้างกันอย่างแท้จริง

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Jirasin Aswakool | Researcher Assistant | นักวิจัยอยากผันตัวกลับมาทำงานสื่อสารวิทยาศาสตร์