อเมริกาไม่สามารถแพ้จีนได้ – สรุปใจความการฟังความเห็น Jared Isaacman ก่อนเป็นผู้อำนวยการ NASA

ในปี 2021 Jared Isaacman เป็นที่รู้จักในฐานะนักธุรกิจพันล้านและผู้บุกเบิกภารกิจอวกาศพลเรือน “Inspiration4” ซึ่งเขานำทีมนักบินอวกาศพลเรือนล้วนเดินทางสู่วงโคจรของโลกโดยไม่ต้องพึ่งนักบินจาก NASA นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่ในปี 2025 หลังจากได้รับการเสนอชื่อโดยประธานาธิบดี Donald Trump เขากำลังก้าวเข้าสู่เวทีใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า นั่นคือการบริหาร NASA ทั้งองค์กร ในวัยเพียง 42 ปี

อ่านภารกิจที่ผ่านมาของ Isaacman ได้ใน โครงการ Inspiration4 เมื่อ 4 ฮีโร่ มาเป็นนักบินอวกาศพลเรือนกลุ่มแรก และ สรุปการทำ EVA ครั้งแรกโดยเอกชนในภารกิจ Polaris Dawn

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2025 ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี วุฒิสภาสหรัฐฯ จัดการไต่สวนเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อการแต่งตั้ง Isaacman เป็นผู้บริหารสูงสุดของ NASA แทน Bill Nelson ที่เพิ่งพ้นวาระไป Bill Nelson และ Pam Melroy อำลาตำแหน่งผู้อำนวยการ NASA ควบคู่กับการเสนอชื่อ Olivia Trusty เข้ารับตำแหน่งกรรมาธิการของ FCC โดยมีวุฒิสมาชิก Ted Cruz เป็นประธานในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในเวทีที่เปิดให้เห็นทิศทางนโยบายอวกาศของสหรัฐฯ อย่างชัดเจนที่สุดในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ สามารถชมย้อนหลังได้ที่ Jared Isaacman Senate Nomination Hearing for NASA Administrator

Jared Isaacman ในการรับฟังความเห็น ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ที่มา – NASA/Bill Ingalls

ก่อนจะมีการตั้งคำถาม Issacman ยังได้แสดงวิศัยทัศน์ต่อสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีทรัมป์ให้เป็นผู้นำ NASA ผมเป็นผู้ที่ได้ใช้ชีวิตตามแบบของ ‘American Dream’ และผมอยากตอบแทนประเทศนี้ด้วยการทำงานเพื่อผลักดันขอบเขตของการสำรวจจักรวาลให้ไกลออกไป” เขาเล่าต่อ

“ผมเริ่มต้นจากการลาออกจากโรงเรียนตั้งแต่อายุ 16 เพื่อสร้างบริษัทในห้องใต้ดินของบ้านพ่อแม่ จากนั้นก็ประสบความสำเร็จในวงการธุรกิจ รวมถึงก่อตั้งบริษัทด้านการบินและอวกาศเอกชนที่มีบทบาทสำคัญในการฝึกนักบินรบของอเมริกา ผมยังเป็นนักบินที่มีประสบการณ์มากกว่า 7,000 ชั่วโมง และเคยขึ้นสู่อวกาศสองครั้ง โดยในภารกิจล่าสุด เราเดินทางออกไปไกลจากโลกมากที่สุดนับตั้งแต่ยุคที่มนุษย์เหยียบดวงจันทร์”

“เราทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์กว่า 50 รายการในอวกาศ ผมยังเคยสนับสนุนกล้องโทรทรรศน์อวกาศ X-ray Chandra (ที่เคยถูกตัดงบ) และกล้องโทรทรรศน์ Hubble ภารกิจของเราถูกสนับสนุนโดยภาคเอกชน ไม่ได้ใช้เงินภาษี และเรายังระดมทุนกว่า 250 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนโรงพยาบาลเด็ก St. Jude เพื่อช่วยชีวิตเด็ก ๆ ทั่วโลก”

และสุดท้ายเขายังได้ตั้งนโยบาย 3 ข้อสำคัญที่เขาจะทำหากได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการ NASA ได้แก่ การนำนักบินอเมริกันกลับสู่ดวงจันทร์ และเดินหน้าสู่ดาวอังคาร, สร้างเศรษฐกิจอวกาศที่ยั่งยืนในวงโคจรต่ำของโลก, และการเพิ่มบทบาทของ NASA ในการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ “NASA จะไม่ใช่แค่หน่วยงานของรัฐอีกต่อไป แต่จะเป็นผู้นำระดับโลกในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และความหวังของมนุษย์” เขากล่าวปิดท้าย

อเมริกาจะแพ้จีนไม่ได้ และการเดินทางสู่ดวงจันทร์

Isaacman ถูกตั้งคำถามจากวุฒิสมาชิกหลายคนเกี่ยวกับการแข่งขันกับจีนและอนาคตของโครงการ Artemis วุฒิสมาชิก Ted Cruz ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นตัวเรียกความมันในประเด็นรอบนี้ พร้อมอ้างอิงคำเตือนของ พลเอก Chance Saltzman แห่ง United States Space Force ที่เคยกล่าวถึงภัยคุกคามจากโครงการอวกาศของจีน และตั้งคำถามต่อกรณีโครงการ International Lunar Research Station หรือ ILRS ของจีน (ซึ่งไทยเราได้เซ็นร่วมทั้ง ILRS และ Artemis) แถมยังมีการเอารูปที่ถูกสร้างจาก ChatGPT ผ่านคำถามว่า “อวกาศในปี 2030 จะเป็นอย่างไร” หยิบขึ้นมาถามว่า ทำไมธงสหรัฐฯ เล็กกว่าจีน (ฮา)

อนาคตของวงการอวกาศจะเป็นอย่างไรเมื่อถาม ChatGPT พร้อมรูปประกอบ ที่มา – NASA/Bill Ingalls

“If China beats us to the Moon, what consequences might America face?” หรือถ้าจีนเอาชนะในการไปยังดวงจันทร์ได้ ผลที่จะเกิดขึ้นกับสหรัฐฯคืออะไร ซึ่ง Isaacman ตอบว่า “We certainly cannot lose. If we do not lead in space, we risk ceding the ultimate high ground to our adversaries.” หมายความว่าเราแพ้ไม่ได้ และถ้าเราไม่เป็นผู้นำในวงการอวกาศเราจะเสียจุดยืนที่เหนือคู่แข่งของเรา

คำตอบของ Isaacman ชัดเจนว่าเขามองอวกาศไม่ใช่แค่พื้นที่สำรวจทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็น “High Ground” ทางยุทธศาสตร์ที่มีเดิมพันสูงระดับความมั่นคงของประเทศ คำว่า “We certainly cannot lose” หรือเราแพ้ไม่ได้อย่างแน่นอน กลายเป็นสัญลักษณ์ของแนวคิดใหม่ที่ NASA ภายใต้การนำของเขาอาจให้ความสำคัญกับบทบาทเชิงภูมิรัฐศาสตร์มากขึ้น

กรณีนี้แสดงให้เห็นว่า NASA กำลังจะเจอแรงกดดันจากฝั่งการเมืองอย่างรุนแรงต่อกรณีของโครงการ Artemis และ ILRS ซึ่งแน่นอนว่าจะสะท้อนผ่านนโยบายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ บทสนทนาพวกนี้ชวนนึกไปถึงยุคสงครามเย็นที่ NASA จะต้องแข่งขันกับสหภาพโซเวียตอย่างออกหน้าออกตา คำว่าเราแพ้ไม่ได้กลายเป็นคำที่อยู่ในดีเอ็นเอของการสำรวจอวกาศ ณ ตอนนั้น และมันได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง

ประธานาธิบดีสั่งให้ทำสิ่งที่ขัดกับรัฐธรรมนูญจะคัดค้านหรือไม่

คำถามสำคัญอีกข้อจากวุฒิสมาชิก Tammy Duckworth คือ Isaacman สนับสนุนการสร้างฐานถาวรบนดวงจันทร์หรือไม่ เขาตอบว่า “I am committed to it” หรือแปลว่าผมจะทำ

Isaacman ยังอ้างถึงกฎหมายของรัฐบาลกลางที่กำหนดภารกิจนี้ไว้แล้ว และกล่าวเสริมว่า “We will prioritize sending astronauts to Mars, along the way we will have the capabilities to return to the Moon and determine the scientific, economic, and national security benefits.” เราจะให้ความสำคัญในการส่งนักบินอวกาศไปยังดาวอังคาร เช่นเดียวกับการกลับสู่ดวงจันทร์ และยึดมั่นในผลประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ เศรษฐกิจ และความมั่นคงของชาติ

Isaacman ขณะกำลังชี้แจ้ง ต่อวุฒิสมาชิก ที่มา – NASA/Bill Ingalls

แต่ที่เด็ดสุดคือ Duckworth ถามตรง ๆ เลยว่า “If given Unconstitutional order by President Trump or superiors, Would you oppose it?” หรือถ้าประธานาธิบดีสั่งคำสั่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญเขาจะยังปฏิบัติตามหรือไม่ Issacman ตอบว่า “I don’t think President Trump Would give illegal order. I would follow the law.” หมายความว่าเขาไม่คิดว่าประธานาธิบดีจะสั่งสิ่งที่ขัดต่อกฎหมาย และเขาจะปฏิบัติตามกฎหมาย

Isaacman แสดงออกถึงวิสัยทัศน์แบบ “Moon to Mars” หรือการใช้ดวงจันทร์เป็นจุดพักเพื่อไปดาวอังคารตามแผนของโครงการ Artemis อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามเราสังเกตได้ว่าท่าทีของเขาเริ่มโน้มไปทาง “Mars-First” มากขึ้น ซึ่งอาจสะท้อนสัญญาณของการเปลี่ยนนโยบายหากฝ่ายบริหารสหรัฐฯ เปลี่ยนมือหลังการเลือกตั้งปลายปีนี้ โดยเฉพาะเมื่อประธานาธิบดี Donald Trump พูดอย่างชัดเจนว่า “อเมริกาจะต้องไปดาวอังคาร” ในการแถลงเข้ารับตำแหน่งของเขา ที่ตอนนั้น Elon Musk ยิ้มหน้าบานอย่างชัดเจน

กรณีอาจเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนกรณีเป็นลูกค้ารายสำคัญ

วุฒิสมาชิก Amy Klobuchar ถามว่า Elon Musk อยู่ในห้องเมื่อ Trump เสนอชื่อเขาหรือไม่ Isaacman ตอบว่า “I was interviewed by the President of the United States” หมายความว่าตัวเขาได้รับการสัมภาษณ์โดยตรงจากประธานาธิบดี โดยไม่ได้ปฏิเสธหรือยืนยันบทบาทของ Musk โดยตรง และยอมรับว่า “มีการสนทนาแบบผ่าน ๆ” กับ Elon Musk อยู่เช่นกันต่อกรณีการเข้ารับตำแหน่ง

วุฒิสมาชิก Maria Cantwell ขณะกำลังตั้งคำถามกับ Isaacman ที่มา – NASA/Bill Ingalls

ประเด็นนี้ทำให้เกิดความกังวลเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) เนื่องจาก SpaceX ซึ่ง Musk เป็น CEO เป็นหนึ่งในผู้รับเหมาหลักของ NASA และ Isaacman เองก็เป็นลูกค้ารายสำคัญของบริษัทดังกล่าวผ่านภารกิจ Inspiration4 และ Polaris Dawn ความคลุมเครือของคำตอบสะท้อนให้เห็นถึงแรงเสียดทานระหว่างภาคเอกชนกับสถาบันรัฐที่อาจยังต้องหาจุดสมดุลกันต่อไป

อนาคตของสถานีอวกาศนานชาติหลังปี 2030

Isaacman ยืนยันว่าจะไม่ปล่อยให้เกิด “ช่องว่างในวงโคจร” หลังการเลิกใช้งานสถานีอวกาศนานาชาติ โดยเขาสนับสนุนการยืดอายุการใช้งานไปถึงปี 2030 และเสริมว่า “We must ensure there is no lapse in America’s presence in Low Earth Orbit.” เราจะมั่นใจว่าสหรัฐฯ จะไม่มีช่องว่างในการปฏิบัติการในวงโคจรต่ำของโลก

อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามถึงโครงการ Gateway สถานีอวกาศรอบดวงจันทร์ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Artemis เขายังให้คำตอบไม่ชัดเจนนัก โดยบอกว่าจะ “Evaluate its benefits” หรือประเมินถึงประโยชน์ที่จะได้รับ ก่อนจะตัดสินใจ ซึ่งอาจสร้างความกังวลในหมู่วุฒิสมาชิกบางคนถึงท่าทีของเขาต่อโครงการที่ลงทุนไปมหาศาลแล้ว และโมดูลแรกอย่าง HALO ก็เพิ่งเดินทางมาถึงแผ่นดินสหรัฐฯ

บรรยากาศในห้องแสดงความคิดเห็น จะเห็นว่าผู้ร่วมฟังประกอบไปด้วยสื่อมวลชนและนักบินอวกาศ รวมถึงลูกเรือ Artemis II ที่มา – NASA/Bill Ingalls

Isaacman ยังแสดงความสนใจในโครงการด้านวิทยาศาสตร์โลก เช่น การวิจัยภูมิอากาศ ซึ่งแน่นอนว่าจากกระแสที่พูดถึงกันหลังจาก Trump เข้ารับตำแหน่งว่าเขาไม่เชื่อเรื่องโลกร้อน น่าจะมีส่วนสำคัญที่นำมาสู่คำถามนี้ โดย Isaacman กล่าวว่า “Earth Science is Vital” วิทยาศาสตร์การสำรวจโลกนั้นสำคัญมาก แต่ยังไม่ให้คำมั่นชัดเจนว่าจะสนับสนุนการจัดสรรงบประมาณเพิ่มในด้านนี้

จากการตอบคำถามหลายข้อ Isaacman แสดงให้เห็นว่าเขามีวิสัยทัศน์ชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทใหม่ของ NASA ในโลกยุคใหม่ แต่ก็ยังหลีกเลี่ยงการแสดงจุดยืนในบางเรื่องที่ละเอียดอ่อน เช่น ความสัมพันธ์กับผู้รับเหมาเอกชนรายใหญ่หรือแนวทางต่อโครงการที่กำลังดำเนินอยู่

สรุปแล้ววันนี้เราได้เห็นอะไรจากการรับฟังความคิดเห็น

หากการเสนอชื่อผ่านวุฒิสภา Isaacman จะกลายเป็นผู้บริหาร NASA ที่มาจากภาคเอกชนเต็มตัวคนแรก นอกจากนั้นเขายังมีประสบการณ์การเดินทางสู่อวกาศ (ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อดีตผู้อำนวยการ NASA หลายคนมาจากการเป็นนักบินอวกาศ) และเป็นผู้ขับเคลื่อนโมเดลใหม่ที่ NASA ร่วมมือกับเอกชนอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น คำถามคือ NASA ในยุคของเขาจะยังเป็นองค์กรวิทยาศาสตร์เพื่อมนุษยชาติ หรือจะกลายเป็นกลไกใหม่ของการแข่งขันอำนาจระดับโลกที่ ณ ตอนนี้เราได้เห็นความดุเดือดอย่างมากจากนโยบายของ Trump ที่กำลังสั่นสะเทือนโลกทั้งใบอยู่

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.