วันที่ 10 กรกฏาคม 2017 เป็นเวลา 1 หลังจากที่ยาน Juno ยานอวกาศลำที่ 2 ที่ถูกออกแบบมาให้โคจรรอบดาวพฤหัส ได้ทำการบินโฉบบริเวณที่น่าทึ่งที่สุดของดาวพฤหัสที่เราเริ่มทำการสำรวจเมื่อปี 1713 โดย Giovanni Cassini นักดาราศาสตร์ชาวอิตาลี
เวลากว่า 300 ปีผ่านไป ยาน Juno ได้นำภาพที่ชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยถ่ายได้ จากการที่มันบินโฉบลงไป 9,000 กิโลเมตรเหนือจุดนั้น มันได้ทำการถ่ายภาพที่น่าทึ่งนี้ออกมา ขนาดของมันใหญ่เกือบเท่าโลกทั้งใบ ไม่น่าแปลกใจที่มันถูกเรียกว่าจุดแดงใหญ่ในภาษาไทย
หลังจากที่ภาพนี้ได้ถูกส่งกลับมายังโลก มันได้ถูกส่งต่ออย่าแพร่หลายผ่านโลกออนไลน์ คลิปวิดีโออีกหลายวิดีโอถูกอัพโหลดขึ้นมาตามลำดับ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่โลกออนไลน์ได้เห็นภาพถ่ายของดาวพฤหัสจากการถ่ายภาพในช่วงเวลาเดียวกัน เพราะก่อนหน้านี้ ภาพถ่ายดาวพฤหัสจากยานอวกาศในระยะใกล้ คือภาพถ่ายจากยาน New Horizons ในปี 2007 เมื่อมันเดินทางผ่านดาวพฤหัส แต่ในตอนนั้นกระแสสังคมออนไลน์ยังไม่ได้มากเท่าทุกวันนี้
JunoCam ที่ไม่นับเป็นอุปกรณ์วิทยาศาสตร์
ยาน Juno นั้นมีอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ (Instrument) ต่าง ๆ มากมายติดขึ้นไปด้วย หนึ่งในนั้นก็คือ JunoCam กล้องถ่ายภาพพร้อมเซ็นเซอร์ KODAK KAI-2020 ที่รองรับภาพความละเอียดเพียงแค่ 1600 x 1200 พิกเซล (ไม่ถึงสองล้านพิกเซลด้วยซ้ำ)
อันที่จริง กล้อง JunoCam บางคนก็ไม่นับว่าเป็นอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ เนื่องจากมันถูกออกแบบมาให้ใช้งานเพื่อ “ถ่ายภาพ” เท่านั้น และวัตถุประสงค์ของการถ่ายภาพ ก็เพื่อแค่ให้ NASA ได้นำภาพเหล่านี้มาเผยแพร่ต่อสาธรณชน
กล้อง JunoCam ติดอยู่กับตัวยาน ดังนั้นภาพที่มันถ่ายได้ก็จะต้องอยู่ในมุมที่ยานหันไปเท่านั้น และสิ่งที่ไม่สามารถทำได้เลยก็คือ การ Selfie ที่ฟังดูแล้วก็เหมือนจะตลก ว่าเป็นยานอวกาศจะ Selfie ไปทำไม แต่อย่าลืมว่าการถ่ายภาพตัวเองขณะปฏิบัติงานนั้น นับว่าเป็นอีกหนึ่งความเท่ที่สุด ถ้ามันสามารถทำได้ กล้องบนยาน Curiousity ถูกออกแบบมาให้สามารถทำการ Selfie ได้โดยที่ไม่เห็นไม้ Selfie ด้วย อีกหนึ่งกรณีก็คือการที่ยาน Rosetta ทำการ Selfie ในขณะที่มันบินผ่านดาวอังคาร
ภาพถ่ายแรกที่ยาน Juno ทำการถ่ายก็คือภาพของโลกนั่นเอง ตอนที่มันถูกส่งออกจากโลกไปในปี 2011 มันโคจรกลับมายังโลกอีกครั้งในปี 2013 เพื่อใช้แรงโน้มถ่วงของโลกช่วยเหวี่ยงตัวยานออกไปในวงโคจรที่ไกลขึ้นเพื่อเดินทางไปยังดาวพฤหัส
ภาพถ่ายด้านบนนี้เป็นการนำภาพทั้งหมด 82 ภาพมารวมกันเป็นภาพโลก ด้วยการถ่ายจากระยะห่าง 3,197 กิโลเมตร เพียงแค่ 10 นาทีก่อนที่มันจะเคลื่อนที่เข้ามาใกล้โลกที่สุด และถูกเหวี่ยงออกไปเริ่มต้นการเดินทางสู่ดาวพฤหัส
ด้วยโอกาสนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดสอบต่าง ๆ มากมาย พบว่าตัวกล้องสามารถใช้งานได้ดี และพร้อมสำหรับภารกิจสำคัญในการเก็บภาพโลกยักษ์และจุดแดงใหญ่ของมันเพื่อส่งกลับมายังโลก
เดือนสิงหาคม 2016 มันได้ส่งภาพถ่ายจากระยะห่าง 703,000 กิโลเมตร ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่มันจะทำการโคจรรอบดาวพฤหัสเป็นครั้งแรก (1 st Perijove) เสียอีก นอกจากนี้ในเดือนเดียวกันมันยังได้ทำการถ่ายภาพชุด “MARBLE MOVIE” ซึ่งเป็นการถ่ายภาพดาวพฤหัสจากระยะไกลในทุก ๆ 15 – 30 นาที แล้วนำภาพมาเรียงกัน ทำให้เราเห็นการหมุนของดาวพฤหัสอย่างชัดเจน รวมถึงในบางภาพเราก็จะเห็นชุดแดงใหญ่ของดาวพฤหัสด้วย
325 bits per second และข้อจำกัดในการส่งภาพกลับ
หลังจากการถ่ายภาพ ภาพถ่ายจะถูกส่งกลับมายังโลกพร้อมกับข้อมูลวิทยาศาสตร์อื่น ๆ ผ่านระบบ DSN หรือ Deep Space Network ด้วยจานรับสัญญาณขนาดใหญ่ 3 จานจาก 3 มุมโลก ทำให้ไม่มีข้อจำกัดในการรับสัญญาณ แต่ปัญหากลับอยู่ที่การส่งภาพกลับมาต่างหาก ยาน Juno ใช้เวลาในการโคจรรอบดาวพฤหัส 1 รอบ ใช้เวลา 11 วันโลก ซึ่งในการส่งสัญญาณกลับ ยาน Juno จะต้องอยู่ในจุดที่ดีที่สุดก่อนที่จะทำการหันเสาสัญญาณมายังโลกและส่งสัญญาณกลับมา นั่นหมายความว่าเราจะได้ข้อมูลจาก Juno ในทุก ๆ 11 วัน
วิศวกรทีม Juno จำกัดขนาดของข้อมูลสำหรับการส่งกลับมาของ JunoCam เพราะด้วยความเร็วการส่งเพียงแค่ 325 Bits/Sec นั่นทำให้สามารถส่งรูปกลับมาได้แค่ครั้งละ 10-100 รูปเท่านั้น ขึ้นอยู่กับเทคนิคการบีบอัดภาพ
จากเหนือจรดใต้ และภาพถ่ายขั้วดาว
ปัจจุบันยาน Juno และกล้อง JunoCam ยังทำการถ่ายภาพดาวพฤหัสอยู่เรื่อย ๆ หนึ่งในภาพชุดที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็คือภาพถ่ายที่ JunoCam ทำการถ่ายภาพดาวพฤหัสตั้งแต่เหนือจนถึงใต้ด้วยรายละเอียดที่น่าทึ่ง
ภาพถ่ายนี้เป็นการแสดงขั้วเหนือของดาวพฤหัส ซึ่งไม่สามารถถ่ายภาพออกมาได้จากโลกเนื่องจากดาวพฤหัสไม่ได้หันขั้วของมันชี้มายังโลก การจะถ่ายต้องถ่ายจากยานอวกาศเท่านั้น และยานอวกาศก็จำเป็นต้องโคจรแบบ Polar Orbit คือเหนือจรดใต้ ทำให้ยาน Juno เป็นยานอวกาศเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถบันทึกภาพนี้ได้
อีกหนึ่งสิ่งที่ถูกพูดถึงก็คือวิดีโอที่ยาน Juno ได้ทำการบันทึกอย่างต่อเนื่องในขณะที่มันโคจรจากขั้วเหนือลงใต้และค่อย ๆ ถอยห่างออกไป วิดีโอนี้ได้ถูกโพสต์ลงบนเว็บไซต์ YouTube
JunoCam กล้องหน้ารถที่ไม่ชัด แต่ก็ขาดไม่ได้
ย้อนกลับไปตอนที่บอกว่า JunoCam นั้นออกแบบมาสำหรับถ่ายภาพที่ไม่ได้เป็นเชิงวิทยาศาสตร์ ทำให้วิศวกรออกแบบ JunoCam ให้พอถ่ายภาพในช่วง 2-3 เดือนแรกของภารกิจเท่านั้น ต่างจากกล้องบนยาน Cassini ที่สามารถถ่ายภาพได้ยันวินาทีสุดท้าย (สามารถชมภาพถ่ายชุดสุดท้ายของยานแคสินีได้ในบทความ ก่อนจะสิ้นชีพบนดาวเสาร์ แคสสินีเห็นอะไรเป็นภาพสุดท้าย )
นักวิทยาศาสตร์คำนวณไว้ว่ากล้อง JunoCam จะถูกสนามแม่เหล็กของดาวพฤหัสทำลายจนไม่สามารถใช้การได้ รวมถึงเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ก็มีโอกาสที่จะถูกชนด้วยอนุภาคพลังงานสูงต่าง ๆ จนทำงานผิดพลาดได้เช่นกัน (ด้วยเหตุนี้มันถึงไม่ถูก Qualified ให้เป็นอุปกรณ์วิทยาศาสตร์)
อย่างไรก็ตาม JunoCam ก็ได้เป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์รู้ว่าจะใช้กล้องจากภาพพื้นโลก (หรือกล้อง Hubble) สำรวจเพิ่มเติมตรงไหน (เหมือนว่าเป็นตัวชี้เป้า) ซึ่งนับว่าเป็นแนวคิดที่ฉลาดพอสมควร บางรายเรียก JunoCam ว่าเป็นเหมือน “กล้องหน้ารถ” ของยาน Juno
แม้ว่า JunoCam จะเป็นแค่กล้องหน้ารถ แต่หน้าที่ของมันก็คือการบันทึกภาพและเรื่องราวต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ สุดท้ายอาจจะมีคำถามมากมายว่าติดขึ้นไปทำไมให้เปลืองงบ แต่เชื่อว่าสิ่งที่มันได้ถูกใช้งานในการส่งมองภาพถ่ายสวย ๆ หรือแม้กระทั่งคอยชี้เป้าการสำรวจต่าง ๆ ให้กลับกล้องอีกหลายร้อยหลายพันตัวบนโลก กล้องหน้ารถตัวนี้อาจจะไม่ได้เป็นกล้องที่ชัดที่สุด แต่จะเป็นกล้องที่มีประโยชน์ที่สุดเวลาที่มีใครซักคนต้องการมัน
เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co
อ้างอิง