รู้จักกับ LandSpace บริษัทจรวดจีน เจ้าของเครื่องยนต์มีเทน และการนำจรวดกลับมาใช้ใหม่

ช่วงหลังนี้ตลาดอวกาศจีนเติบโตอย่างมาก เมื่อช่วงต้นปี 2025 เราได้พาทุกคน ไปชมงาน China Space Day 2025 อัพเดทเทคโนโลยี วิเคราะห์ก้าวต่อไปของอวกาศจีน ก็น่าจะได้เห็นการเติบโตของอุสาหกรรมอวกาศจีน แต่หนึ่งในบริษัทที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดก็คือ LandSpace บริษัททำจรวดที่ตั้งเป้าจะให้จรวดสามารถกลับมาลงจอดเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ได้เหมือนกับ Falcon 9 และยังเป็นเจ้าของเทคโนโลยีเครื่องยนต์จรวดมีเทนเครื่องแรกที่พาเอา Payload เดินทางสู่อวกาศได้จริง และตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการทดสอบ Zhuque-3 จรวดรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำตลาด ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกถึงเรื่องราวของ LandSpace ไปจนถึงเสป็คและราคา ว่ากลยุทธ์ของบริษัท LandSpace นั้นเป็นอย่างไร

จรวด Zhuque-3 ในปี 2025 ซึ่งเป็นความหวังของการนำเอาจรวดกลับมาใช้งานใหม่ด้วยการลงจอด ที่มา – LandSpace

LandSpace ก่อตั้งในปี 2015 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่จีนปรับนโยบายให้บริษัทต่าง ๆ เข้ามาทำเทคโนโลยีอวกาศได้ ก็เป็นช่วงเดียวกับที่เกิดบริษัทอื่น ๆ อย่าง i-Space หรือ OneSpace เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในบริษัทอวกาศเอกชนแรก ๆ ในแผ่นดินจีน โดย LandSpace มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมือง Beijing แต่มีโรงงานและสถานที่สำหรับทดสอบกระจายอยู่ทั่วประเทศ ผู้ก่อตั้งบริษัท LandSpace นั้นชื่อว่า Zhang Changwu เป็นนักลงทุนและอดีตวาณิชธนกรที่ HSCB ที่หันมาสนใจการลงทุนด้านอวกาศ ซึ่งประเด็นนี้น่าสนใจมากเพราะตัวเขาเองไม่ได้เป็นวิศวกรแต่มาจากสายลงทุนที่ต้องการเปิดตลาดใหม่ด้านอวกาศในประเทศจีน

จุดเริ่มต้นของการพัฒนาจรวดเอกชนรายแรกของจีน

ในปี 2018 นั้น LandSpace ประสบความสำเร็จในการพัฒนาจรวด Zhuque-1 ซึ่งเป็นจรวดเชื้อเพลิงแข็ง มีความสูง 19 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.35 เมตร ถือว่าเป็นจรวดขนาดกลาง ๆ จรวด Zhuque-1 นั้นบินขึ้นเที่ยวบินแรกในวันที่ 27 ตุลาคม 2018 มีภารกิจคือส่งดาวเทียม Weilai-1 ให้กับ CCTV อย่างไรก็ตามในเที่ยวบินแรกนั้น จรวดท่อนแรกกับท่อนที่สองทำงานได้ตามที่ออกแบบไว้ แต่จรวดท่อนที่สามไม่สามารถพาตัวดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรได้ แต่เที่ยวบินนั้นก็ถือว่าเป็นเที่ยวบินประวัติศาสตร์ เพราะมันทำให้ LandSpace เป็นบริษัทเอกชนรายแรกจากจีนที่ปล่อยจรวดได้สำเร็จ ฐานปล่อยที่ทาง LandSpace ใช้นั้นก็คือฐานปล่อย Site 96 ใน Jiuquan ซึ่งทางจีนปล่อยให้ทางเอกชนได้เข้ามาใช้งาน

LandSpace ทิ้งโครงการ Zhuque-1 และไม่ได้มีการปล่อยอีก แต่หันมาพัฒนาจรวด Zhuque-2 ซึ่งเป็นจรวดเชื้อเพลิงเหลว ใช้เครื่องยนต์มีเทนร่วมกับออกซิเจนเหลว โดย LandSpace ตั้งชื่อเครื่องยนต์ว่า TQ-12 จรวด Zhuque-2 ใช้เครื่องยนต์ TQ-12 ทั้งหมด 4 ตัว มีความสูงประมาณ 50 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 3.35 เมตร อธิบายให้เห็นภาพก็คือขนาดพอ ๆ กับ Falcon 9 แต่เตี้ยกว่าเล็กน้อย ตัวจรวดเริ่มพัฒนาตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งทำให้ LandSpace กลายเป็นบริษัทจีนบริษัทแรกที่พัฒนาจรวดเชื้อเพลิงเหลวด้วย

การทดสอบเครื่องยนต์ TQ-12 ที่ถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างมากของ LandSpace ที่มา – LandSpace

การพัฒนา Zhuque-2 นั้นค่อยเป็นค่อยไป ในปี 2019 LandSpace ประสบความสำเร็จใจการทดสอบจุดเครื่องยนต์ TQ-12 สำเร็จ ถือว่าเร็วมาก ๆ แสดงถึงความจริงจังและเป้าหมายของ LandSpace ในการจะเข้ามาเป็นผู้เล่นเอกชน เราจะสังเกตว่า LandSpace นั้นเป็นบริษัทแรกที่ทำทุกอย่างที่เรากล่าวมา จนกระทั่งหลังจากนั้นหลายคนก็น่าจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น นั่นก็คือเหตุการณ์ COVID-19 ที่ทำให้โลกทั้งใบหยุดชะงัก โดยเฉพาะจีนที่เรียกได้ว่าโดนไปหนักมาก ๆ ทำให้โครงการ Zhuque-2 นั้นล่าช้าออกมา จนกว่า Zhuque-2 จะได้บินในเที่ยวบินแรกก็เป็นปี 2022 เลย

โรงประกอบจรวดของ LandSpace ใกล้กับฐานปล่อยที่ Jiuquan ที่มา – LandSpace

ในเที่ยวบินแรกของ Zhuque-2 ที่เกิดขึ้นในวันที่ 14 ธันวาคม 2022 นั้น ตัวจรวดบินขึ้นได้ พร้อมกับ Payload ได้แก่ดาวเทียม CubeSat ชื่อ Zhixing 1B ทำให้นับว่านี่เป็นจรวดมีเทนลำแรกของโลกด้วย แต่จรวดท่อนที่สองยังเกิดข้อผิดพลาดอยู่ทำให้เรายังไม่นับว่าเป็นความสำเร็จและตัวดาวเทียมไม่สามารถเดินทางสู่วงโคจรได้

ความสำเร็จกลายเป็นจรวดมีเทนรุ่นแรกของโลก

จนกระทั่งในวันที่ 12 กรกฎาคม 2022 ในเที่ยวบินที่สองของ Zhuque-2 ภารกิจทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ในเที่ยวบินนี้ไม่ได้มีดาวเทียมติดไปด้วย เป็นการบินจรวดลำเปล่า สร้างประวัติศาสตร์จรวดมีเทนลำแรกของโลกที่ประสบความสำเร็จ ต่อมาไม่กี่เดือนหลังจากนั้น  Zhuque-2 ก็ได้บินขึ้นอีกครั้งแต่รอบนี้พร้อมกับดาวเทียมของลูกค้าได้แก่ Honghu-1, Honghu-2 และ Tianyi 33 ถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างมาก โดยการปล่อยเกิดขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคม 2023

จรวด Zhuque-2 ซึ่งนับได้ว่าเป็นจรวดมีเทนรุ่นแรกของโลกที่ประสบความสำเร็จในการเดินทางสู่อวกาศ ที่มา – LandSpace

หลังจากความสำเร็จของ Zhuque-2 ทาง LandSpace ก็ได้อัพเกรดตัวจรวดไปสู่รุ่น Zhuque-2E โดยมีจุดเปลี่ยนสำคัญคือปรับตัวจรวดท่อนที่สองมาใช้เครื่องยนต์ TQ-15A ที่ให้แรงขับมากกว่าเดิม ส่วนจรวดท่อนแรกนั้นยังเป็น TQ-12 จำนวน 4 ตัวอยู่เหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยน

เที่ยวบินของ Zhuque-2E เที่ยวแรกเกิดขึ้นในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2024 เป็นการนำส่งดาวเทียม Guangchuan 1 และ
Guangchuan 2 เดินทางสู่วงโคจร ซึ่งภารกิจก็ประสบความสำเร็จ ตามด้วยวันที่ 17 พฤษภาคม 2025 กับเที่ยวบินที่สองของ Zhuque-2E ที่ก็ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี อย่างไรก็ตามในวันที่ 15 สิงหาคม 2025 จรวด Zhuque-2E กลับเกิดข้อผิดพลาดในส่วนจรวดท่อนที่สองทำให้ดาวเทียม GuangChuan ที่เดินทางขึ้นไปด้วยจำนวน 4 ดวงเดินทางไม่ถึงวงโคจร โดยทาง LandSpace นั้นยังคงทำตลาดด้วยจรวด Zhuque-2E อยู่

เป้าหมายใหม่คือการนำจรวดกลับมาลงจอด

หลังจากความสำเร็จของ Zhuque-2 ก็ได้เวลาการมาของ Zhuque-3 ซึ่งนอกจากการอัพเกรดมาใช้เครื่องยนต์ TQ-12B จำนวนถึง 9 ตัวด้วยกัน หน้าตาของมันก็ดูคุ้น ๆ เพราะมันใช้การออกแบบเหมือนกับ Falcon 9 ทั้งการวางเครื่องยนต์ 9 ตัว ขาตั้งสำหรับลงจอด ไปจนถึง Grid Fins สำหรับควบคุมการบินกลับฐาน ทำให้เดาไม่ยากเลยว่าเป้าหมายของการพัฒนา Zhuque-3 ก็คือการนำมันกลับมาลงจอดเพื่อใช้งานซ้ำนั่นเอง

หน้าตาของ Zhuque-3 บนฐานปล่อยในช่วงปลายปี 2025 ที่ LandSpace เตรียมทดสอบเที่ยวบินแรก ที่มา – LandSpace

บริบทของโลกตะวันตก ตอนนี้มีเพียงแค่ Falcon 9 ของ SpaceX และ New Glenn ของ Blue Origin เท่านั้นที่เป็นจรวดที่สามารถใช้ในการส่งดาวเทียมและยานอวกาศและสามารถบินกลับมาลงจอดที่ฐานเพื่อใช้งานใหม่ได้ หาก Zhuque-3 ทำสำเร็จ LandSpace จะกลายเป็นเอกชนจีนรายแรกและเอกชนรายที่ 3 ของโลกทันทีที่ครอบครองเทคโนโลยีจรวดที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้

ขาตั้งของ Zhuque-3 ที่ใช้สำหรับการลงจอดและเครื่องยนต์ TQ-12 จำนวน 9 ตัว ที่มา – LandSpace

ในคู่มือของ Zhuque-3 ได้ระบุเสป็คของตัวจรวดว่า มีความสูง 65 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 4.5 เมตร ถ้าเทียบขนาด มันจะอ้วนกว่า Falcon 9 เล็กน้อยแต่มีความสูงเท่า ๆ กัน ฟีเจอร์เด็ดของมันคือสามารถนำส่งดาวเทียมหรือยานอวกาศหนักมากกว่า 11,800 กิโลกรัมขึ้นสู่วงโคจร Low Earth Orbit สำหรับรุ่นปกติ และในรุ่นอัพเกรด Zhuque-3E นั้นจะสามารถบรรทุกได้มากถึง 21,300 กิโลกรัม ส่วนการบรรทุกสู่วงโคจร Geostationary Transfer Orbit นั้นจะบรรทุกได้อยู่ราว ๆ 1,200 กิโลกรัม สำหรับรุ่นปกติและ 5,100 กิโลกรัมสำหรับรุ่น Zhuque-3E

โดยสำหรับการนำกลับมาใช้ใหม่นั้น Zhuque-3 จะมีโปรไฟล์การบิน 3 รูปแบบด้วยกัน แบบแรกคือ Expendable หรือการใช้แล้วทิ้ง ซึ่งจะสามารถรีดเอาประสิทธิภาพของตัวจรวดออกมาได้มากที่สุด ต่อมาคือรูปแบบ Downrange Recovery คือการกลับมาลงจอด แต่ไปลงจอดที่จุดตกของตัวจรวด คล้ายกับกรณีการลงจอดบนเรือโดรนของ SpaceX และรูปแบบสุดท้ายคือการ Retutn to Launch Site ซึ่งตัวจรวดจะต้องเผื่อเชื้อเพลิงในการบินกลับฐานปล่อย ทำให้บรรทุกน้ำหนักได้น้อยที่สุด

การทดสอบบินขึ้นและลงจอดของจรวด Zhuque-3 จำลอง ที่มา – LandSpace

การทดสอบ Zhuque-3 ที่สำคัญ ๆ ได้แก่ การทดสอบบินขึ้นและลงในแนวดิ่ง ที่ความสูงประมาณ 350 เมตร ที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม 2024 ต่อมาในเดือนกันยายน มีการทดสอบบินขึ้นอีกครั้งแต่รอบนี้เป็นการบินขึ้นสู่ระดับความสูง 10 กิโลเมตร และตัวจรวดสามารถกลับมาลงจอด ณ ฐานปล่อยได้ เป็นสิ่งที่แสดงว่า LandSpace นั้นพร้อมมากสำหรับการทดสอบการลงจอดจริง ๆ กับภารกิจส่งดาวเทียมที่มีแผนไว้ในช่วงปลายปี 2025

ในวันที่ 1 ธันวาคม 2025 จริง ๆ แล้วตัวจรวด Zhuque-3 มีแผนทดสอบบินเที่ยวบินแรก อย่างไรก็ตามมีการเลื่อนเที่ยวบินดังกล่าวออกไป ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่สำหรับเที่ยวบินแรกของ Zhuque-3 สิ่งที่ต้องจับตามองเลยก็คือการทดสอบลงจอด ที่หากสำเร็จ LandSpace จะกลายเป็นบริษัทที่ 3 ของโลกทันทีที่ลงจอดจรวดระดับส่งของขึ้นวงโคจรได้

กรณีของ LandSpace เผยให้เห็นจังหวะสำคัญของอุตสาหกรรมอวกาศจีนเลย ในภาพรวมมันคือสัญญาณว่าตลาดจีนไม่ได้วิ่งไล่ SpaceX แบบลอกการบ้านเฉย ๆ แต่กำลังสร้างระบบนิเวศที่มีทั้งทุน ความเร็วเชิงนโยบาย และความกล้าเสี่ยงเชิงเทคโนโลยีอยู่พร้อมกัน การที่บริษัทเอกชนอย่าง LandSpace เดินทางจากจรวดแข็งรุ่นเล็กไปจนถึงจรวดเชื้อเพลิงมีเทนแบบใช้ซ้ำได้ในระยะเวลาไม่กี่ปี มันบอกเราว่า “Learning Curve ของจีนชันมาก” คือยอมลอง ยอมผิดพลาด แต่พัฒนาเร็วแบบหน่วยทวีคูณ และไม่กลัวจะก้าวกระโดดไปจับเทคโนโลยีที่ใหม่อย่างเครื่องยนต์มีเทน

อีกประเด็นที่มันน่าสนใจกว่านั้นคือ LandSpace ไม่ได้โตแบบบริษัทเดียววิ่งเดี่ยว ๆ แต่มันเป็นภาพสะท้อนของการแข่งขันในประเทศจีนที่กำลังเดือดเต็มที่ ทั้ง i-Space, Galactic Energy, Deep Blue Aerospace ต่างก็เร่งทำเทคโนโลยีใช้ซ้ำเหมือนกัน ซึ่งการแข่งขันภายในประเทศนี่แหละที่ทำให้จีนกลายเป็นตลาดส่งดาวเทียมที่ราคาจะกดลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นแรงกดดันต่อยุโรปและแม้กระทั่งสหรัฐฯ ในอนาคต การมาของ Zhuque-3 จึงไม่ใช่แค่จรวดลำใหม่ แต่เป็น “สัญญาณเชิงโครงสร้าง” ว่าตลาดส่งดาวเทียมอาจเปลี่ยนดุลอำนาจได้ ถ้าจีนสามารถปิดดีลการใช้ซ้ำในเชิงปฏิบัติการได้สำเร็จ เพราะทันทีที่จีนมีจรวดใช้ซ้ำพร้อมขายจริง เราจะเข้าสู่ยุคที่ผู้เล่นรายใหม่สามารถซื้อ Launch ราคาถูกแต่บินบ่อยได้ ซึ่งมันคือสิ่งที่หลายประเทศรวมถึงไทย ต้องคิดแล้วว่า Ecosystem ใหม่แบบนี้เราจะวางตัวตรงไหน

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.