บันทึกการล่าสุริยุปราคาวงแหวนที่สิงคโปร์ EP.2: ซ้อม วางแผน และซ้อมอีก

ปรากฏการณ์สุริยุปราคาวงแหวนที่พึ่งจะเกิดขึ้นไปเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2562 นั้นนับได้ว่าเป็นเหตุการณ์ทางดาราศาสตร์ครั้งสำคัญส่งท้ายปี 2019 เลยทีเดียว และอย่างที่หลาย ๆ ท่านคงจะทราบกัน ทางทีมงาน SPACETH.CO ก็ได้รายงานสดเหตุการณ์นี้ส่งตรงมาจากสิงคโปร์ได้ตั้งแต่ดวงจันทร์เริ่มเข้าคราสไปจนถึงวินาทีที่ดวงจันทร์เข้าบดบังดวงอาทิตย์โดยสมบูรณ์ นับเป็นความสำเร็จของภารกิจการถ่ายทอดสดข้ามประเทศครั้งแรกของทางทีมงาน ซึ่งก็แน่นอนแหละครับว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลังมาให้เล่ากันแบบเต็มพิกัดแน่ ๆ ติดตามกันได้ในบทความนี้เลย

รวมบทความบันทึกการล่าสุริยุปราคา

วันที่ 2 – ซ้อมใหญ่

ทีมงานตื่นเช้ากันสุด ๆ (เท่าที่จะตื่นไหว) ที่เวลา 8 โมงของสิงคโปร์ วันนี้เป็นวันซ้อมใหญ่ และสภาพอากาศช่วงเช้าก็สดใสมาก แดดออกสว่างสดใสรับอรุณชนิดที่ว่าทีมงานไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็น ทีมงานได้แพ็คของและอุปกรณ์ส่วนใหญ่ไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน ช่วงเช้าจึงเป็นการจัดการธุระและหาข้าวเช้าทานกัน

ตัวอย่างของอาคารพาณิชย์แบบคลาสสิก ร้านอาหาร “ริมทาง” ส่วนใหญ่นั้นมักจะอยู่ในอาคารเหล่านี้ในรูปแบบของ Food Court ย่อม ๆ

โชคไม่ดีที่ร้านที่เล็งไว้นั้นคนแน่นมาก ๆ ขนาดเป็นตอนเช้าวันธรรมดาก็ไม่ได้ช่วยอะไร วินาทีนั้นก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าวันนี้วันคริสต์มาสแล้วนี่นา อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คนเต็มร้านก็ได้กระมัง เราจึงเปลี่ยนไปกินข้าวมันไก่สิงคโปร์ที่ร้านหัวมุมใกล้ ๆ แทน

ร้านอาหารที่นี่ก็เป็นห้องแถวเหมือนบ้านเรานี่เอง แต่ความแตกต่างอยู่ที่สไตล์ของร้านที่ออกไปในทางศูนย์อาหาร และความสะอาดระดับท๊อปเทียร์ อาหารที่ขายจะออกแนวไปทางอาหารจีน นอกจากข้าวเป็นจานแล้วก็มีทั้งเมนูเส้นไปจนถึงซาลาเปาและติ่มซ่ำ ในด้านเครื่องดื่มนั้นคนที่นี่ดูจะอินกับชามะนาวและไมโลเป็นพิเศษ (แทบจะหาโอวัลตินไม่ได้จริง ๆ) ทีมงานสั่งไก่ต้มสับมาตัวหนึ่งพร้อมข้าวกับน้ำซุปและชามะนาวสำหรับทุกคน เป็นการเปิดฉากมื้อเช้าสไตล์สิงคโปร์เป็นครั้งแรกด้วยเมนูข้าวมันไก่สิงคโปร์อันสุดแสนจะคลาสสิค

ภารกิจจริง ๆ เริ่มต้นต่อจากนี้ การซ้อมใหญ่หมายความว่าทีมงานทั้ง 7 คนจะต้องกระเตงแบกอุปกรณ์ครบเซตไปด้วย ที่น้ำหนักรวม ๆ กันแล้วก็เกือบ 10 กิโล ยังดีที่พอจะทิ้งอะไรบางอย่างที่ไม่จำเป็นอย่างโน้ตบุ๊คหรือเครื่องอัดเสียงไว้ในห้องได้ แต่ของที่ต้องแบกไปก็ยังนับว่าเยอะพอสมควร ทีมงานเลือกเดินทางไปยัง Marina Bay ด้วยรถบัส โดยกระจายสัมภาระให้แต่ละคนช่วยกันถือ รถเมล์ที่นี่มีประสิทธิภาพและเร็วมาก ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง ทีมงานก็แลนดิ้งที่บริเวณสวน ก่อนจะเดินเท้าลอดใต้สะพานสู่ Marina Bay พี่เฟิร์สจาก The Peak Foto นั้นเดินทางมาถึงแล้วเช่นกัน และมาร่วมภารกิจซ้อมใหญ่กับทีมงานหลักหลังจากเก็บของที่ Hostel เรียบร้อยแล้ว

ทีมงานเริ่มซ้อมการถ่ายภาพกับกล้องหลัก ในขณะที่ถูกซ้อมถ่ายทำโดยทีมงานอีกคนหนึ่ง

โซนที่ทีมงานตัดสินใจเลือกนั้นคือฝั่ง Esplanade ซึ่งมองไปเห็นทั้ง Merlion และ Marina Bay Sands ไปจนถึงตัวเมือง Central Area วิวพาโนรามาที่จุดนี้เป็นมุมเอกลักษณ์ของสิงคโปร์เลยทีเดียว ถึงนักท่องเที่ยวจะน้อยกว่าฝั่ง Merlion ก็ตาม ทีมงานทำการยืนยันและปักหลักพื้นที่กันแล้วก็เป็นเวลาประมาณสาย ๆ เกือบจะเที่ยง ซึ่งใกล้เคียงกับเวลาการเกิดปรากฏการณ์จริง

ทีมถ่ายทำจึงเริ่มทยอยนำอุปกรณ์ออกมาซ้อมเล็งและบันทึกภาพ นำโดยพี่มิกกับกล้องตัวท๊อปของ Fujifilm ที่มาคู่กับเลนส์เทเลและฟิล์มกรองแสงม้วนละ 4,000 บาท ในภารกิจนี้ ชุดกล้องของพี่มิกจะเป็นตัวถ่ายภาพปรากฏการณ์หลัก โดยกล้องที่เหลือจะถูกใช้เก็บภาพบรรยากาศโดยรอบ และสุดท้ายคือกล้อง iPhone จะใช้ในการถ่ายทอดสดในส่วนของทีมงานบรรยายเหตุการณ์ร่วมกับระบบบันทึกเสียงหลัก

กล้องติดกระดาษฟอยล์ฟิมล์กรองแสง

ในขณะเดียวกันน้องกิ๊กก็เริ่มทำการตั้งกล้องดูดาวเพื่อใช้เล็งดวงอาทิตย์พร้อมกันกับทีมงานที่เหลือที่ค่อย ๆ ทยอยเซ็ตอัพชุดอุปกรณ์อื่น ๆ โดยการซ้อมใหญ่ในวันนี้เน้นไปที่ความคุ้นเคยในการเซ็ตกล้องและติดตามดวงอาทิตย์เป็นหลัก เมื่อชุดอุปกรณ์ถ่ายทำมูลค่ากว่าสองแสนบาทเข้าที่เข้าทางแล้วทางทีมงานก็ซ้อมเก็บภาพกันทันที ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่มีดวงจันทร์มาบังดวงอาทิตย์ ภาพที่ได้ผ่านฟิมล์กรองแสงนั้นก็น่าตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อย

ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนอย่างแข็งขันท่ามกลางแสงแดดอันร้อนระอุที่จะอยู่กับเราอีกไม่นาน

แต่แล้วความแปรปรวนของสภาพอากาศก็เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ของมันออกมาให้เห็น เพราะในระหว่างที่ทีมงานกำลังวุ่นอยู่กับการซ้อมเก็บภาพ ฝนก็ค่อย ๆ โปรยลงมาใส่ พร้อมกับเมฆที่เข้าบดบังทัศนวิสัยจนมิด เพื่อไม่ให้อุปกรณ์ราคาแพงต้องเสียหาย ทางทีมงานจึงรีบเก็บของและย้ายที่ไปหลบฝนทันที ก่อนที่ฝนจะตกหนักกว่านี้

สุดท้ายแล้วทีมงานยังคงทำงานต่อไปในสายฝนที่โปรยปราย

ทุก ๆ คนช่วยกันแบกขาตั้งกล้องและอุปกรณ์หลากหลายชิ้นเข้ามาหลบอยู่ใต้สะพานพร้อมกับฝนที่ตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ อุปกรณ์ส่วนใหญ่ของทีมงานนั้นกันน้ำได้ในระดับหนึ่ง จึงไม่ต้องห่วงว่าจะมีปัญหาในการทำงานตามมา ทีมงานจัดการเช็ดคราบน้ำออกจากเลนส์กล้องและตัดสินใจว่าจะอยู่ตรวจสอบพื้นที่ต่อหากฝนซาลง

บังเอิญมีคณะนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงเดินเข้ามาทักพวกเราพอดี ด้วยสกิลภาษาอังกฤษของพี่ ๆ ในทีม ทำให้จับใจความได้ว่าพวกเขาก็เดินทางมาดูสุริยุปราคาวงแหวนเช่นเดียวกันกับเรา ด้วยความที่ทีมงานแบกทั้งกล้องดูดาวกับชุดกล้องติดเทเลกันชัดเจนขนาดนี้ พวกเขาเลยรู้ว่าเราต้องมาล่าสุริยุปราคาแน่ ๆ สำหรับนักศึกษากลุ่มนี้ เป็นกลุ่มชมรมดาราศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮ่องกง ที่เดินทางมาร่วมกับมหาวิทยาลัยสิงคโปร์ในการรับชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาวงแหวนโดยเฉพาะ แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่ได้ร่วมสังเกตการณ์กับเราในวันจริงที่บริเวณ Marina Bay แห่งนี้

การสนทนาระหว่างผู้ชื่นชอบดาราศาสตร์

ทางเราทำการแลก IG กับทีมฮ่องกงก่อนจะถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน นี่เป็นสัญญาณที่ดีว่าจริง ๆ แล้วก็มีผู้คนที่สนใจดาราศาสตร์อยู่เยอะมากและคนกลุ่มนี้ก็เหมือนกับเราที่ลงทุนเดินทางมายังสิงคโปร์เพื่อทำตามความฝันในการชมสุริยุปราคาวงแหวนนี้แบบเต็มสองตา

ช่วงเย็นนั้นทีมงานตัดสินใจเดินทางไปยังย่าน Orchard Road ย่านชอปปิ้งชื่อดังที่รวมห้างหรูไว้เพียบ ทีมงานแยกออกเป็นสองกลุ่ม ทีมหนึ่งไปเก็บบรรยากาศและเดินสำรวจ ในขณะที่อีกทีมไปนั่งทำคอนเทนท์ต่อใน Starbuck (Signature Move ไหมล่ะ) ต่อจากนี้เป็นเวลาฟรีไทม์อีกรอบให้ทุกคนได้เดินเล่นตามช้อปต่าง ๆ ก่อนจะกลับมารวมตัวกันเพื่อแวะทานอาหาร ซึ่งร้านที่ทีมงานเลือกนั้นก็เป็นร้านอาหารไทยซะด้วย

เติมพลังงานกันด้วยเครื่องดื่มคาราเมล (ที่ดันมีรสกาแฟ)

แต่ละเมนูนั้นทำออกมาได้อร่อยมาก และก็เป็นที่น่าสังเกตอีกว่าในสิงคโปร์มีร้านอาหารไทยอยู่เยอะเหมือนกัน (ร้านอาหารชาติอื่นอย่างอินโดก็มี) ประเทศนี้เป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมขนานแท้ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน เราจะสามารถมองเห็นคนจากหลากหลายประเทศอยู่รวมกัน ยากจะแยกออกได้ว่าคนสิงคโปร์แท้ ๆ นั้นคือใครกันแน่ (การทักผิด ไปทักนักท่องเที่ยวด้วยกันเองจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ)

ผู้คนดูจะเยอะผิดปกติในวันนี้ พอนึกดูดี ๆ ถึงรู้ว่า “วันนี้วันคริสต์มาสนี่นา” สงสัยจะทำงานจนเบลอแล้วละมั้งถึงได้ลืมเวลาไปหมด ภารกิจนี้เลยแถมโบนัสเป็นการฉลองคริสต์มาสในต่างแดนของทีมงานไปด้วยในตัว แสงไฟประดับถนนค่อย ๆ สว่างขึ้นในช่วงเย็น และถึงแม้ว่าพวกเราจะอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าเป็นส่วนใหญ่ ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันครึกครื้นภายนอก ผู้คนมากมายต่างเดินทางมาในย่านนี้เพื่อเลี้ยงฉลองในเทศกาลแห่งความสุขนี้

ผลไม้ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก

เดินห้างกันจนขาลากถึง 4 ทุ่มก็ได้เวลากลับ Hostel สิ่งแรกที่ผมทำเมื่อถึงห้องคือทยอยเก็บของทันที การซ้อมใหญ่วันนี้ช่วยให้เราเลือกได้ว่าอะไรจำเป็นต้องเอาไปใช้ถ่ายทำและอะไรที่ไม่ต้องใช้ แทบทุกคนก็ทำการเตรียมเก็บกระเป๋าไว้เช่นเดียวกัน เพราะวันพรุ่งนี้ทีมงานจะมีเวลาเคลียร์ของน้อยมากก่อนจะเช็คเอ้าท์ พี่มิกและพี่เฟิร์สแยกอุปกรณ์แต่ละชิ้นออกมาวางโชว์ไว้บนเตียง เพื่อดูแลและเช็คสภาพ รอบนี้ทีม SPACETH.CO มีอุปกรณ์ถ่ายทำรวม ๆ กัน ก็ปาไปหลายแสนแล้วทีเดียว เราจึงจำเป็นต้องยืนยันว่าทุกอย่างจะไม่เสียหายและใช้งานได้ตามปกติในวันจริง

ฟรีไทม์ครั้งสุดท้ายเริ่มต้นขึ้นแล้ว ถึงเราจะดับไฟห้อง แต่ไอความตื่นเต้นก็ชัดเจนทั้งจากสีหน้าของแต่ละคน เสียงรัว Butterfly Keyboard ของทีมคอนเทนท์ยังคงดังลอดผ้าม่านออกมา และทีมกล้องก็ยังคงเช็คเซตอัพกันจนวินาทีสุดท้าย เพื่อไม่ให้บรรยากาศการทำงานเครียดจนเกินไป (จุ๊ ๆ บอกแล้วไงว่านี่เป็นทริปเที่ยวเนียน) พี่อิ้งจึงนำทีมงานมาเล่นเกมพักสมองกัน ส่วนผมและกรก็ลงไปตีปิงปองเล่นที่ส่วนห้องรับรอง ตามรอยทีมก่อนหน้าที่ลงไปอุ่นเกี๊ยวซ่ากิน

ส่วนนึงของการประดับไฟในย่าน Orchard แสงสีตามห้างสรรพสินค้านั้นยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้กัน

ข้อดีอีกข้อคือ Hostel ทิ้งพวกของกินกระจุกกระจิกไว้ให้ที่ส่วนกลาง เช่นซีเรียล นม น้ำผลไม้ ขนมปัง เนย ฯลฯ สำหรับคนที่ไม่มีเสบียงตุนไว้ และก็คงไม่ต้องเดาครับ ผมต้องเอามารีวิวอยู่แล้ว ของว่างพวกนี้ช่วยรองท้องคนหิวยามวิกาลได้ แต่ปริมาณน้ำตาลในซีเรียลนั้นน่าจะทำให้หลายคนนอนตาค้างได้เหมือนกัน

ทีมงานยังคงหวังว่าสภาพอากาศในวันรุ่งขึ้นนั้นจะเป็นใจ ถึงแม้พยากรณ์อากาศจะยังคงเตือนเรื่องพายุฝนอยู่ก็ตาม

รวมบทความบันทึกการล่าสุริยุปราคา

.

สุริยุปราคา 2019 ซีรีส์

ผู้สนับสนุน (และร่วมผจญภัยในภารกิจนี้)

Fujifilm Thailand
The Peak Foto

นานุ | ชายผู้หลอมรวมความชอบในด้านวิทยาศาสตร์และศิลปะเข้าด้วยกัน | นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | ปัจจุบันเป็นศิลปินอิสระ (ไส้แห้ง) ที่ชื่นชอบในการวาดรูป, แอนิเมชั่น, 3D Modeling และกราฟฟิกดีไซน์ ไปจนถึงการถ่ายทำภาพยนตร์สั้น