เลิกพูดว่าติดอยู่บนอวกาศ สรุปภารกิจ 287 วัน ของ Butch Wilmore และ Suni Williams

19 มีนาคม 2025 ลูกเรือกลุ่ม Crew-9 เดินทางกลับโลก โดยลูกเรือทั้ง 4 ได้แก่ Nick Hague, Aleksandr Gorbunov และที่เป็นที่ถูกจับตามองอย่างมากก็คือ Butch Wilmore และ Suni Williams สองลูกเรือจากภารกิจ Starliner Crew Flight Test ที่ต้องถูกปรับเปลี่ยนการเดินทางมากลับโลกพร้อมกับยาน Dragon ในภารกิจ Crew-9 แทน เนื่องจากตัวยาน Starliner ที่อยู่ในช่วงทดสอบ ประสบปัญหาแก๊สรั่วในระหว่างการทดสอบ และ NASA กับ Boeing ตัดสินใจร่วมกันว่าจะให้ยาน Starliner กลับโลกด้วยยานเปล่า

ยาน Dragon สัมผัสกับผิวอ่าวเม็กซิโก หรืออ่าวอเมริกา หรืออ่าวอะไรก็ช่าง ที่มา – NASA/Keegan Barber

เวลาตีห้ามตามเวลาประเทศไทย ยานอวกาศ Dragon ได้เดินทางถึงโลก และลงจอดนอกชายฝั่งฟลอริดา หลังจากนั้นเรือเก็บกู้ Megen ของ SpaceX ที่จอดรออยู่ ณ​ บริเวณลงจอด ได้นำเอายานขึ้นเรือ พร้อมกับเปิดฝายานเป็นครั้งแรก เผยให้เห็นถึงลูกเรือ 4 คน ปลอดภัยอยู่ด้านใน

ภารกิจ Crew-9 นั้น กินระยะเวลา 171 วัน นับจากวันปล่อยในวันที่ 28 กันยายน 2024 พร้อมกับสองลูกเรือ Hague และ Gorbunov ในขณะที่สองลูกเรือจากภารกิจทดสอบ Starliner ได้แก่ Buch Wilmore และ Suni Williams นั้น รวมระยะเวลาอยู่ในอวกาศนับจากภารกิจทดสอบ Starliner นานทั้งสิ้น 287 วัน

ลูกเรือทั้ง 4 ของภารกิจ Crew-9 หลังจากเปิดฝายานออกมา ที่มา – NASA/Keegan Barber

สถิตินี้ทำให้ Suni Williams กลายเป็นนักบินอวกาศหญิงที่ครองสถิติอันดับสองในการใช้ชีวิตในอวกาศนานที่สุดรวมทุกภารกิจ ทั้งสิ้น 608 วัน ในขณะที่ Butch Wilmore รวมระยะเวลาอยู่ในอวกาศจากทุกภารกิจ 464 วันด้วยกัน

แน่นอนว่าข่าวกระแสหลัก ยังคงตีความภารกิจนี้ไปในลักษณะ “ภารกิจช่วยเหลือ” หรือ “นักบินอวกาศทั้งสองติดอยู่บนสถานีอวกาศ” อยู่ แม้เวลาจะผ่านไปหลายเดือน และมีความพยายามในการอธิบายถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ มากมาย ในบทความนี้เราจึงจะมาย้อนดูเรื่องราวของ Butch Wilmore และ Suni Williams กันอีกครั้ง ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างจากภารกิจ Starliner Crew Flight Test จนถึงการกลับโลกด้วยยาน Dragon


ย้อนประวัติการทดสอบยาน Starliner

ยานอวกาศ Starliner เป็นยานอวกาศที่อยู่ในช่วงการทดสอบของ Boeing เป็นหนึ่งในยานอวกาศที่อยู่ภายใต้โครงการ Commercial Crew ของ NASA ที่ NASA ว่าจ้างบริษัทเอกชนให้พัฒนายานอวกาศรุ่นใหม่สำหรับนำส่งนักบินอวกาศขึ้นและลงจากสถานีอวกาศนานาชาติ เปรียบเทียบง่าย ๆ ว่า Starliner คือคู่แข่งของยาน Dragon จากฝั่ง SpaceX ที่ประสบความสำเร็จในการทำเที่ยวบินทดสอบไปในปี 2019 และ 2020 ตามลำดับ จนผ่านมาตรฐานของ NASA และนำมาให้บริการได้ตามปกติ

ตามกฎกติกาของ NASA ยานในโครงการ จะต้องผ่านการทดสอบบินยานเปล่าขึ้นลงสถานีฯ หนึ่งเที่ยวบิน เรียกว่า Orbital Test Flight และบินยานพร้อมลูกเรือหนึ่งเที่ยวบิน อย่างไรก็ดี ยาน Starliner นั้นมีการทดสอบในปี 2019 ซึ่งเป็นรอบบินยานเปล่า แต่ภารกิจยังไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้ต้องมีการทดสอบอีกครั้งในปี 2022 ซึ่งในรอบนี้ผ่านการทดสอบ ตามที่เรารายงานไปในบทความ OTF-2 ภารกิจทดสอบ CST-100 Starliner ของแมวเก้าชีวิตอย่าง Boeing ทำให้เหลือแต่เพียงการบินขึ้นพร้อมลูกเรือ

Starliner บินขึ้นในเที่ยวบิน Crew Flight Test ในวันที่ 5 มิถุนายน 2024 ที่มา – NASA/Joel Kowsky

การทดสอบบินกับลูกเรือหรือ Crew Flight Test นั้นถูกกำหนดไว้เป็นช่วงปี 2024 และได้ถูกเลื่อนมาเล็กน้อยจนมาอยู่ในเดือนพฤษภาคม แต่ในความพยายามปล่อยรอบแรกนั้น การปล่อยยังไม่สำเร็จและเจอปัญหาต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบวาล์ลต่าง ๆ บนยาน โดยเราได้ร่วมตามติดการทดสอบในบทความ สรุปบรรยากาศทดสอบ CFT-1 ยาน Starliner และการเลื่อนปล่อย ทำให้ได้มาปล่อยจริง ๆ ในช่วงเดือนมิถุนายน 2024 ในตอนช่วงปล่อยนั้น ตัวยานก็ยังประสบปัญหาอยู่ แต่ยังอยู่ในขอบเขตที่พอรับได้ เราได้รายงานเรื่องนี้ไปในบทความ ยาน Starliner พา Butch และ Suni เดินทางสู่อวกาศสำเร็จ โดยตัวยานเข้าเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศนานาชาติ และมีแผนที่จะอยู่บนสถานีฯ เป็นเวลา 10 วัน อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้านระบบวาล์ลส่อแววหนักขึ้นเรื่อย ๆ จน NASA และ Boeing ต้องการเวลาเพิ่มเติมเพื่อศึกษาถึงปัญหาดังกล่าว และถ่วงเวลาภารกิจมาเรื่อย ๆ จากหลักวัน กลายเป็นหลักเดือน

ปัญหายาน Starliner และการตัดสินใจให้ลูกเรือรอกลับโลกด้วยยาน Dragon

ในบทความ Starliner กับปัญหาแก๊สรั่วบนสถานีอวกาศ ทำไมยังไม่กลับบ้าน ที่ถูกเขียนในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2024 เราได้รายงานอิงจากการแถลงข่าวที่จัดขึ้นเป็นระยะในช่วงนั้นบอกว่า NASA ยังไม่มีแผนให้ลูกเรือกลับโลกด้วยยานอวกาศลำอื่น แต่อย่างไรก็ตาม ในเดือนสิงหาคม เป็นเวลากว่า 2 เดือนที่ Butch Wilmore และ Suni Williams อาศัยอยู่บนสถานีฯ NASA ก็ได้ออกมาประกาศครั้งแรกว่า NASA วางแผน พาลูกเรือ Starliner กลับโลกด้วยยาน Dragon แต่ยังไม่ได้มีการตัดสินใจ จนกระทั่งในวันที่ 25 สิงหาคม 2024 ก็ได้มีประกาศชัดเจนออกมาว่า Butch Wilmore และ Suni Williams จะเดินทางกลับโลกด้วยยาน Dragon ในภารกิจ Crew-9 และจะถอนยาน Starliner กลับโลกด้วยยานเปล่า แต่จะมีการถ่วงระยะเวลาไว้ระยะหนึ่ง เพื่อให้วิศวกรทำความเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด โดย Starliner แม้จะเชื่อมต่อกับสถานีฯ แต่มีการรันคำสั่ง และตรวจสอบโค้ดหลายแสนบรรทัด เพราะเมื่อยานถอนตัวออกจากสถานีฯ แล้ว ชิ้นส่วนที่เป็นปัญหา จะถูกปลดทิ้งไปและเผาไหม้ในบรรยากาศ ไม่มีโอกาสให้วิศวกรได้ตรวจสอบอีกแล้ว

Starliner ถ่ายจากยาน Dragon บนสถานีอวกาศนานาชาติ ที่มา – NASA

การปรับเปลี่ยนลักษณะนี้นั้นทำให้ NASA ต้องนำเอาลูกเรือ 2 คนออกจากภารกิจ Crew-9 เพื่อให้เหลือพื้นที่ว่างให้กับ Butch Wilmore และ Suni Williams นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ยาน Dragon จะบินลูกเรือเพียงแค่ 2 คน (รอบแรกคือภารกิจ Crew Demo 2 ซึ่งเป็นภารกิจทดสอบในปี 2020)

ในการแถลงข่าวนั้นผู้อำนวยการ NASA ณ เวลานั้น Bill Nelson ได้กล่าวว่า “การตัดสินใจนี้ มาจากบริบทว่าเราเคยมีความผิดพลาดในอดีต นำไปสู่การสูญเสียกระสวยอวกาศถึงสองลำ” บ่งชี้ว่ายาน Starliner ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยที่ NASA ตั้งไว้สููงมาก ๆ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องทำความเข้าใจกันว่า การที่ Butch Wilmore และ Suni Williams ไม่ได้กลับโลกกับ Starliner นั้น เนื่องมาจากมาตรฐานความปลอดภัยและการประเมินความเสี่ยง ซึ่งเราได้เล่าไปในบทความ Loss of Crew ความน่าจะเป็นที่เราจะตายในภารกิจสำรวจอวกาศ

ยาน Starliner หลังจากลงจอดสู่พื้นโลก ที่มา – NASA/Aubrey Gemignani

สรุปก็คือจริง ๆ แล้ว การตัดสินใจนี้ไม่ได้หมายความว่าถ้า Butch และ Suni ขึ้นยาน Starliner ทั้งสองจะตายและไม่ได้กลับโลก แต่ยาน Starliner ก็จะยังสามารถพาทั้งสองกลับโลกได้อยู่ เพียงแต่ NASA ต้องการลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด เหมือนกับรถยนต์ที่ยังขับต่อได้แม้จะมีไฟแจ้งเตือนข้อผิดพลาด (ซึ่งเราขับรถกันบนท้องถนน อันตรายกว่า Butch และ Suni ขึ้น Starliner อีก) แต่การเดินทางในอวกาศไม่เหมือนการขับรถยนต์ NASA จึงตัดสินใจลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด และสุดท้ายในวันที่ 7 กันยายน 2024 ยาน Starliner ก็ได้ลงจอดอย่างปลอดภัยบนพื้นโลก ไม่ได้ระเบิดหรือหมุมมั่วบนวงโคจร หรือสร้างความเสียหายให้กับสถานีฯ แต่อย่างใด

จากลูกเรือ Crew Flight Test สู่ Expedition 72

จากการตัดสินใจในตอนนั้น ทำให้ Butch Wilmore และ Suni Williams ได้ถูกนับเป็นลูกเรือกลุ่ม Expedition 71 ซึ่งคำว่า Expedition นั้นก็เป็นคำที่ใช้เรียกลูกเรือที่ผลัดเปลี่ยนกันไปประจำากรอยู่บนสถานีฯ โดย ณ ตอนที่ Butch และ Suni ขึ้นไปในเดือนมิถุนายน ตอนนั้นเป็นรอบประจำการของ Expedition 71 ที่มีนักบินอวกาศประจำการอยู่ 6 คนด้วยกัน ทำให้หากรวมสองคนที่เข้าไปใหม่แล้ว จะเป็น 8 คน

สถานีอวกาศนานาชาติ มีขั้นตอนการผลัดเปลี่ยนลูกเรืออย่างไร รู้จัก Direct และ Indirect Handover

โดยแผนกลับโลกของ Butch และ Suni นั้นก็ได้ถูกกำหนดไว้ให้เป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งจะตรงกับการผลัดเปลี่ยนลูกเรือชุดต่อไป เราเรียกว่า Direct Handover นั่นก็คือการส่งไม้ต่อระหว่าง Crew-8 และ Crew-9 ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนกันยายน 2024 ในตอนนั้น ลูกเรือ 4 คนได้แก่ Matthew Dominick, Michael Barratt, Jeanette Epps และ Alexander Grebenkin เดินทางกลับโลก และลูกเรือ Crew-9 ได้แก่ Nick Hague และ Aleksandr Gorbunov เดินทางขึ้นมารับช่วงต่อในปลายเดือนกันยายน นับเป็นกลุ่ม Expedition 72

ลูกเรือกลุ่ม Expedition 71 ที่กินระยะเวลาในช่วงเดือนเมษายนจนถึงเดือนกันยายน 2024 ที่มา – NASA

ทำให้ ณ สถานีฯ ในช่วง Expedition 72 หรือนับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายนเป็นต้นไปนั้น มีลูกเรือจากฝั่งสหรัฐฯ มากถึง 5 คน ได้แก่ Butch Wilmore, Suni Williams, Nick Hague และแถมอีกคนคือ Don Pettit ที่ขึ้นมาประจำการกับยานฝั่งรัสเซีย

อ่านรายละเอียดที่เกิดขึ้นได้ในบทความ Crew-9 ภารกิจที่สร้างประวัติศาสตร์หลาย ๆ อย่างให้กับวงการอวกาศ

การที่ Butch และ Suni ได้กลายเป็นลูกเรือประจำการบนสถานีฯ นั้นหมายความว่าทั้งสองจะปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ เหมือนกับคนอื่น ๆ ซึ่งจริง ๆ ทั้งสองก็ปฏิบัติภารกิจเหมือนกับคนอื่น ๆ มาตั้งแต่ขึ้นไปบนสถานีฯ แล้ว และได้รับการดูแลโดยทีม Flight Controller ใน NASA Johnson Space Center ที่ดูแลกิจกรรมบนสถานีอวกาศนานาชาติ ซึ่งเราเคยเล่าไปในบทความ การติดต่อสื่อสาร และจัดการงานกับลูกเรือบนสถานีอวกาศนานาชาติ รวมถึงจะมี Flight Surgeon หรือทีมแพทย์ที่คอยดูแลสุขภาพของนักบินอวกาศทุกคนอย่างใกล้ชิด

และแน่นอนว่า Butch และ Suni ก็ไม่ได้อยู่ว่าง ๆ บนสถานีฯ แน่ ๆ เพราะการส่งคนหนึ่งคนขึ้นไปประจำการบนสถานีฯ นั้นใช้เงินมหาศาล และตอนนี้สถานีอวกาศนานาชาติก็เต็มไปด้วยการทดลองและงานต่าง ๆ มากมาย ทำให้ทั้งสองก็จะต้องมาคอยช่วยงาน ทำการทดลองต่าง ๆ ทั้งการทดลองที่เป็นฝั่งวิทยาศาสตร์ และการมีส่วนร่วมกับภาคการศึกษา อย่าง Suni Williams เอง ซึ่งมีใบอนุญาติวิทยุสมัครเล่น ก็ได้ใช้เครื่องวิทยุสมัตรเล่น ติดต่อสื่อสารกับคนบนโลก เพื่อขอความช่วยเหลือ เอ้ย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจกับนักเรียน นักศึกษาจากทั่วโลก


ติดอย่างไรให้กลายเป็นผู้บัญชาการสถานีฯ

Suni Williams เองยังได้เป็นตำแหน่งสูงสุดในภารกิจการสำรวจอวกาศของสถานีฯ นั่นก็คือการเป็น “Station Commander” หรือผู้บัญชาการสถานีฯ ที่มีหน้าที่จัดการความเรียบร้อยและวางแผนการทำงานต่าง ๆ ร่วมกับ Flight Controller ภาคพื้นดินด้วย โดยเธอเป็นผู้บัญชาการในระหว่างวันที่ 22 กันยายน 2024 ถึง 7 มีนาคม 2025

กิจกรรมที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นแค่เรื่องงานเท่านั้น แต่ในช่วงปลายปี 2024 ก็มีกิจกรรมหลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นบนโลก ไม่ว่าจะเป็นโอลิมปิก 2024 ที่ปารีส หรือการฉลองเทศกาลอย่างวันขอบคุณพระเจ้า วันคริสต์มาส และปีใหม่ ซึ่งลูกเรือบนสถานีฯ ก็ได้ใช้เวลาเหล่านี้ในการเฉลิมฉลองเหมือนกับคนบนโลก

Nick Hague และ Suni Williams กำลังจัดโต๊ะรอบประทานอากาศในวันคริสต์มาส ที่มา – NASA

และนอกจากการทำภารกิจทั่ว ๆ ไปแล้ว ทั้ง Butch Wilmore และ Suni Williams ยังได้ทำสิ่งที่ตอนแรกไม่ได้แพลนว่าจะได้ทำด้วยนั่นก็คือการออกไปนอกสถานีฯ เพื่อซ่อมบำรุงสถานีตามแผนปกติ ก็คือการทำ Extravehicular Activity หรือ EVA นั่นเอง

การทำ EVA ถึงสองครั้ง ที่ทำให้การเดินทางไปอวกาศรอบนี้สุดจะคุ้ม

Nick Huge และ Suni Williams ได้ออกไปทำ EVA นอกตัวสถานีในวันที่ 17 มกราคม 2025 ทั้งคู่ช่วยกันบำรุงรักษาอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ และตรวจสอบโครงสร้างภายนอกของตัวสถานีอวกาศนานาชาติ ภารกิจดังกล่าวนับเป็นการทำ EVA ครั้งแรกของปี 2025 ทั้งของสถานีฯ และทั้งฝั่งสหรัฐฯ หลังจากที่ปี 2024 ภารกิจ EVA ของนักบินอวกาศ Tracy Dyson และ Michael Barratt ต้องจบลงในเวลา 30 นาทีเท่านั้น เนื่องจากปัญหาในชุดของ Dyson

Butch Wilmore และ Suni Williams กำลังเตรียมใส่ชุดสำหรับทำ EVA ออกไปนอกสถานี ที่มา – NASA

ในวันที่ 30 มกราคม 2025 สองคู่หูภารกิจ Starliner ทั้ง Butch และ Suni ก็ได้ทำ EVA คู่กันเป็นครั้งแรก โดยการทำ EVA รอบนี้กินระยะเวลากว่า 5 ชั่วโมง 26 นาที เป้าหมายของภารกิจคือการไปจัดการกับโครงสร้างต่าง ๆ นอกตัวสถานีฯ และเก็บตัวอย่างเชื้อต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในบริเวณโครงสร้างส่วนนอกสถานีฯ เข้ามาวิจัย ภารกิจของทั้งสองเป็นไปได้ด้วยดี

Butch Wilmore ขณะทำ EVA อยู่นอกตัวสถานีอวกาศนานาชาติ ที่มา – NASA

ก่อนหน้านี้ทั้ง Butch และ Suni มีประสบการณ์ในการทำ EVA มาแล้ว ก่อนจะบินกับภารกิจ Starliner อย่าง Suni Williams เคยทำ EVA มากถึง 7 ครั้ง รวมกับสองครั้งหลังทำให้กลายเป็น 9 ครั้ง ส่วน Butch Wilmore นั้นเคยทำ EVA มาแล้ว 4 ครั้ง รวมกับครั้งล่าสุดทำให้กลายเป็น 5 ครั้งด้วยกัน

ในขณะเดียวกันกับที่ปฏิบัติการบนสถานีฯ เป็นไปอย่างปกติชาวโลกก็ทะเลาะกันอีกแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเกิดดราม่า เมื่อ Trump สั่ง SpaceX ให้ไปรับลูกเรือ Starliner ให้เร็วที่สุด ทั้งที่ NASA มีแผนทุกอย่างอยู่แล้ว

ข้าวของเครื่องใช้ และชุดนักบินอวกาศถูกส่งมาให้กับ Butch และ Suni

ทีนี้มาถึงสำคัญว่า ในเชิง Logistic การที่มีนักบินอวกาศเพิ่มขึ้นมา 2 คนจากแผนเดิมส่งผลอย่างไรกับการจัดการบนสถานีอวกาศนานาชาติ คำตอบก็คือส่งผลอยู่แล้ว แต่สิ่งนี้มันซับซ้อนกว่าที่คิด เพราะต่อให้เป็นภารกิจทั่ว ๆ ไปการจัดการกับ Logistic ของสถานีอวกาศนานาชาตินั้นมีความซับซ้อนมาก แต่อย่างในกรณีของ Butch Wilmore และ Suni Williams นั้น นอกจากการส่งข้าวของเครื่องใช้ (ซึ่งปกติอยู่แล้ว) ก็จะรวมถึงการส่งชุดนักบินอวกาศของยาน Dragon ขึ้นมาให้ เนื่องจากชุดของยาน Starliner นั้น ไม่สามารถใส่เดินทางในยาน Dragon ได้

Butch Wilmore และ Suni Williams รวมถึง Nick Hague และ Aleksandr Gorbunov สวมใส่ชุดสำหรับเดินทางกลับโลกของ SpaceX บนสถานีฯ​ ที่มา – NASA

ในระหว่างที่ Butch และ Suni อยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ ได้มียานอวกาศแบบเติมเสบียงเข้าเทียบท่าสถานีฯ ทั้งสิ้น 5 ภารกิจด้วยกัน โดยจากฝั่งของสหรัฐฯ นั้นจะเป็นเที่ยวบิน CRS-21 ของยาน Cygnus และ CRS-31 ของฝั่ง SpaecX Dragon อุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ถูกนำส่งไปพร้อมกับยาน Dragon ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 รวมถึงชุดนักบินอวกาศสำหรับทั้งสอง ที่เดินทางขึ้นไปพร้อมกับภารกิจ Crew-9

การท่องอวกาศระยะเวลานานหลักปี เป็นเรื่องปกติ

อีกหนึ่งคำถามที่หลายคนสงสัยก็คือการอยู่ในอวกาศเป็นระยะเวลานานส่งผลต่อสุขภาพของนักบินอวกาศหรือไม่ คำตอบก็คือส่งผลอยู่แล้ว แต่ถ้าใช้วิธีคิดแบบนี้เรากจะต้องบอกได้ว่าทุกอย่างส่งผลต่อสุขภาพ เหมือนถามว่านั่งหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ ส่งผลต่อสุขภาพหรือไม่ นอนไม่พอส่งผลต่อสุขภาพหรือไม่ ดื่มเหล้าสูบบุหรี่ส่งผลต่อสุขภาพหรือไม่ ดังนั้น ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ว่าส่งผลหรือไม่ส่งผล แต่เรามีวิธีจัดการกับมันอย่างไร

โดยปกติแล้ว ในรอบหนึ่งการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจบนสถานีฯ ลูกเรือจะใช้ชีวิตในสถานีฯ​ ในหลัก 4-6 เดือน แต่ในบางครั้ง อาจเป็นการทดสอบการอยู่ในอวกาศในระยะเวลานาน อาจกินเวลามากกว่า 1 ปี แล้วแต่การออกแบบภารกิจ ดังนั้นเป้าหมายภารกิจเดิมของ Starliner นั้นที่กำหนดไว้ในช่วงแรก 8 วัน ถือว่าสั้นมาก ๆ เมื่อเทียบกับระยะเวลาประจำการปกติ

Butch Wilmore และ Sumi Williams กำลังทำงานในการตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ บนสถานีฯ​ ภาพถ่ายในช่วงเดือนกันยายน 2024 ที่มา – NASA

ในกรณีของ Butch Wilmore และ Suni Williams นั้นทั้งสองเคยผ่านการอยู่อาศัยในสถานีอวกาศนานาชาติเป็นระยะยาวมาแล้ว ดังนั้นก็จะรู้วิธีการปฏิบัติตัวรวมถึงการอยู่ในสถานีฯ อย่างที่บอกไปว่าไม่ใช่จะทำอะไรก็ทำแต่จะได้รับการดูแลและจัดการตารางชีวิตโดยทีม Flight Controller ว่าต้องออกกำลังกายตอนไหน ต้องกินอะไร ต้องนอนกี่ชั่วโมง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นองค์ความรู้ที่มีการสั่งสมกันมาเป็นเวลานาน ที่ทำให้โครงการสถานีอวกาศนานาชาติสามารถปฏิบัติการได้

การเตรียมพร้อมและการเดินทางกลับสู่โลก

หมดเวลาสนุกแล้ว ตารางการเดินทางของ Crew-10 นั้นตอนแรกถูกกำหนดไว้เป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แต่ถูกเลื่อนมาเป็นเดือนมีนาคม จากรายละเอียดของการสลับเปลี่ยนยาน Dragon ลำที่จะใช้ ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดได้ถูกรายงานไว้ในบทความ เจาะลึก Crew-10 ภารกิจส่งลูกเรือสู่สถานีอวกาศนานาชาติแรกของปี 2025

หลังจากที่ยาน Dragon สำรับภารกิจ Crew-10 เทียบท่ากับสถานีอวกาศนานาชาติสำเร็จเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2025 ที่ผ่านมา ตอนนี้ลูกเรือกลุ่ม Crew-9 ก็ได้ส่งไม้ต่อสถานีฯ ให้กับลูกเรือกลุ่มใหม่แล้ว และเตรียมเดินทางกลับโลก มีการปิดฝายานเพื่อเตรียมเดินทางเวลา วันที่ 18 มีนาคม 2025 ตามเวลาประเทศไทย ต่อด้วยการถอนการเชื่อมต่อออกจากสถานีฯ และยาน Dragon พร้อมกับ Butch Wilmore และ Sumi Williams ก็ได้ลงจอดนอกชายฝั่งฟลอริดาเป็นอันจบสิ้นภารกิจ

Suni Williams หลังจากเดินทางกลับโลกบนเรือของ SpaceX ก่อนจะถูกนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ที่มา – NASA/Keegan Barber

ภารกิจ Crew-9 นั้น กินระยะเวลา 171 วัน นับจากวันปล่อยในวันที่ 28 กันยายน 2024 พร้อมกับสองลูกเรือ Hague และ Gorbunov ในขณะที่สองลูกเรือจากภารกิจทดสอบ Starliner ได้แก่ Buch Wilmore และ Suni Williams นั้น รวมระยะเวลาอยู่ในอวกาศนับจากภารกิจทดสอบ Starliner นานทั้งสิ้น 287 วัน

สถิตินี้ทำให้ Suni Williams กลายเป็นนักบินอวกาศหญิงที่ครองสถิติอันดับสองในการใช้ชีวิตในอวกาศนานที่สุดรวมทุกภารกิจ ทั้งสิ้น 608 วัน ในขณะที่ Butch Wilmore รวมระยะเวลาอยู่ในอวกาศจากทุกภารกิจ 464 วันด้วยกัน

Butch Wilmore หลังจากออกจากยาน Dragon ที่มา – NASA/Keegan Barber

สำหรับขั้นตอนปกติหลังลงจอด ลูกเรือทุกคนจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินตรงไปยัง NASA Johnson Space Center ในเท็กซัส เพื่อตรวจเช็คสุขภาพ โดยทีมแพทย์อย่างละเอียด และบรีฟจบภารกิจ ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติที่ทำกันอยู่แล้ว ไม่จำกัดแค่การกลับโลกของ Butch Wilmore และ Suni Williams ในบางครั้งหากนักบินอวกาศต้องการความช่วยเหลือพิเศษ จะมีการบินตรงไปยังโรงพยาบาล

ภารกิจบนสถานีอวกาศนานาชาติ ณ ตอนนี้ยังคงดำเนินต่อไป หลังจากที่ลูกเรือกลุ่ม Crew-10 เดินทางถึงสถานีฯ คิวต่อไปจะเป็นการผลัดเปลี่ยนลูกเรือจากฝั่งรัสเซียบ้าง ซึ่งจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2025


สรุปก็พิจารณาเอาว่าแบบนี้เรียกว่าติดหรือไม่ติด

สรุปแล้วจากที่เราเล่ามาทั้งหมดนี้ ก็พิจารณาเอาเองได้ว่าแบบนี้เรียกว่าติดหรือไม่ติด ถ้าจะบอกว่าติดคือการที่ยังไม่ได้กลับบ้านก็ใช่ เพราะภารกิจนั้นถูกยืดให้เวลายาวนานขึ้น เหมือนกับการสลับผลัดเปลี่ยนลูกเรือที่เกิดขึ้นบนสถานีอวกาศนานาชาติเป็นปกติ แต่ถ้าจะบอกว่าติดคือการที่ขึ้นไปอยู่บนนั้นโดดเดี่ยว ไม่มีข้าวกิน ภาพอิดโรย ไม่มีอะไรทำ ก็ต้องถามว่าว่าไปเอาภาพแบบนั้นมาจากไหน มาจากจินตนาการของตัวเองหรือไปอ่านข่าวในเว็บไวรัลที่ไม่ได้สนความถูกต้องของเนื้อหาอะไร

ขยายความให้ว่าจริง ๆ แล้วเนื่องจากทั้งสอง ทั้ง Butch Wilmore และ Suni Williams เป็นนักบินอวกาศที่ประจำการอยู่ใน NASA อยู่แล้ว การที่ทั้งสองเดินทางในอวกาศเป็นระยะเวลานานถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก ๆ ทั้งสองไม่ได้เป็นนักบินที่แค่มาให้ทดสอบกับ Starliner แต่ทั้งสองคนนี้อาจจะถูกเรียกไปบินหรือขึ้นไปประจำการบนสถานีอวกาศฯ นานาชาติเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้น การที่ทั้งสองคนทำภารกิจและกลายเป็นลูกเรือ Expedition 71 และ 72 บนสถานีฯ ก็เปรียบเสมือนการทำงาน การเข้าออฟฟิศเหมือนกัน แค่ออฟฟิศของพวกเขาอยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ

ลูกเรือ Expedition 72 ร่วมฉลอง 3,000 วันของปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องของสถานีอวกาศนานาชาติ ที่มา – NASA

ส่วนในกรณีของยาน Boeing Starliner นั้นก็คงว่ากันไปตามการทดสอบ Boeing จำเป็นจะต้องปรับแก้จุดผิดพลาดของยานและสร้างความน่าเชื่อถืออีกครั้งให้กับตัวเองเพื่อนำเอายานมาให้บริการ NASA ได้ตามความตั้งใจไว้

สุดท้ายเรื่องนี้ก็สอนให้เรารู้ว่าอวกาศนั้นมีกระบวนการคิดและซับซ้อนรวมถึงมีคนเก่ง ๆ มากมายที่ทำงานอยู่ ตามแผนการณ์ ระเบียบ กฏข้อบังคับ และมาตรฐานต่าง ๆ ที่สูงกว่าการทำงานปกติมาก ๆ ดังนั้นถ้าไม่ดูจากบริบททั้งหมด มันก็จะกลายเป็นว่ายาน Boeing เฮ็งซวยห่วยแตก พาสองคนไปติดบนอวกาศ แต่ถ้าดูจากการทำงานจริง ๆ แล้วเราจะเห็นรายละเอียดและขั้นตอนกระบวนการคิดที่ซับซ้อนมากที่สุดในอุตสาหกรรมนึงของโลก

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.