เมื่อเวลา 03:45 นาฬิกาของเช้ามืดวันที่ 7 กุมภาพันธ์ SpaceX ได้ทำการส่งจรวด Falcon Heavy จรวดที่ทรงพลังที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน เดินทางขึ้นสู่อวกาศพารถยนต์ Tesla Roaster ของ Elon Musk เดินทางสู่วงโคจรของดาวอังคารโคจรรอบดวงอาทิตย์เรียบร้อย นับเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการสำรวจอวกาศ ไม่ใช่เพียงเท่านั้น หลังจากความสำเร็จนี้ SpaceX ยังได้พาจรวดทั้ง 3 ท่อนมาลงจอดยังโลกสำเร็จ ภาพที่ปรากฏดูน่าตกตะลึงเหมือนกับว่าเราอยู่ในโลกอนาคต
Falcon Heavy จรวดที่ทรงพลังที่สุดในโลก
Falcon Heavy จะเป็นจรวดที่ทรงพลังที่สุดในโลกที่สามารถใช้งานได้ในปัจจุบัน ซึ่งเกิดมาจากการนำจรวด Falcon 9 สามลำมารวมร่างเข้าด้วยกัน (แน่นอนว่ามันไม่ง่ายเหมือนกับที่ทุกคนนึกไว้) และนั่นทำให้เธอสามารถส่งดาวเทียมที่มีน้ำหนักมากถึง 64 ตันขึ้นสู่วงโคจร Heliocentric ได้อย่างไม่ยากเย็น เทียบได้กับการส่งเครื่อง Boeing 737 พร้อมผู้โดยสาร ลูกเรือ กระเป๋าและน้ำมันอยู่ในนั้นขึ้นสู่วงโคจร
จรวด Falcon Heavy นั้นพัฒนามาตั้งแต่ช่วงปี 2010 และมีกำหนดเที่ยวบินแรกในปี 2013 แต่ทั้งหมดก็ถูกเลื่อนมาจนถึง ณ วันนี้วันที่เราได้เห็น Falcon Heavy บินขึ้นจริง ๆ
เกิดอะไรขึ้นบ้างสำหรับเที่ยวบินประวัติศาสตร์นี้
แม้ว่ากำหนดการปล่อยเดิมจะอยู่ที่ตีหนึ่งครึ่ง แต่ก็ดันมีความไม่พร้อมของสภาพอากาศทำให้การปล่อยต้องเลื่อนมาเป็นเวลาชั่วโมงกว่า และมีการเลื่อนหลายครั้งด้วยกัน ในที่สุดก็มาเริ่มเวลาปล่อยในช่วง 03:45 ซึ่งนับว่าถ้ามีการเลื่อนอีกครั้งก็จะเลย Launch Window หรือช่วงเวลาทำการปล่อยของวันนี้ไปและต้องยกเลิกการปล่อย แต่ SpaceX ก็สามารถปล่อย Falcon Heavy ขึ้นสู่อวกาศได้อย่างทันเวลา
Falcon Heavy พุ่งขึ้นจากสถานที่ประวัติศาสตร์เพื่อสร้างประวัติศาสตร์
เมื่อนาฬิกานับถอยหลังเดินทางมาถึง T-0 เครื่องยนต์ Merlin Engine ทั้ง 27 ตัวของ Falcon Heavy ก็ถูกจุดขึ้นพาจรวด Falcon Heavy พุ่งขึ่นจากฐานปล่อยที่ครั้งหนึ่งมันเคยส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ด้วยจรวด Saturn V ในภารกิจ Apollo และการปล่อยอีกหลายต่อหลายครั้งของกระสวยอวกาศ Spcae Shuttle แต่ในวันนี้มันคือสถานที่ที่ SpaceX จะใช้มันเป็นก้าวแรกของการสำรวจอวกาศโดยเอกชน ในแบบที่ไม่มีบริษัทใดในโลกทำได้มาก่อน Falcon Heavy ทะยานขึ้นท่ามกลางเสียงโห่ร้องของทีมงานทุกคนที่สำนักงานใหญ่ของ SpaceX ในแคลิฟอร์เนีย และผู้ชมอีกนับพันที่รวมตัวกันมาชมอยู่ที่แหลมเคอเนอเวอรัล
หลังจากที่ Falcon Heavy บินขึ้นไปซักพัก จรวดสองท่อนด้านข้างก็แยกตัวออก ปรากฏภาพจรวด 2 ลำทำการ Flip และ BoostBack Burn เพื่อเดินทางมาลงจอดยังแหลมเคอเนอเวอรัล ในขณะที่จรวดท่อนกลางก็พาจรวดท่อนบนเดินทางสู่อวกาศต่อไป
เวลาผ่านไปไม่ถึงนาที จรวดท่อนกลางก็แยกตัวกับจรวดท่อนบน ทำให้ตอนนี้จรวดทั้ง 3 ลำเดินทางกลับสู่โลก โดยจรวด 2 ลำแรกทำการ Entry เข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก และจรวดท่อนกลางก็ทำการ BoostBack Burn ลดความเร็วลงจอดบน Of Course I Still Love You
จรวดสามตัวลงจอดอย่างสวยงาม
เสียงโห่ร้องดังขึ้นอีกครั้งเมื่อภาพปรากฏจรวด 2 ลำบินกลับมาสู่แหลมเคอเนอเวอรัล ทั้งสองเดินทางมาพร้อมกัน ทำทุกอย่างเหมือนกันราวกับว่าถูกตั้งโปรแกรมไว้ (ซึ่งก็ถูกตั้งโปรแกรมไว้นี่หน่า) ทั้งสองลงจอดอย่างนิ่มนวลบน Landing Zone 1 และ Laning Zone 2 เป็นภาพที่สวยงามและหาดูได้ยาก
หากภาพการลงจอดของ Falcon 9 ตราตรึงในใจของคุณแล้ว การลงจอดของ Falcon Heavy จะบวกเพิ่มความเร้าใจนั้นถึง 3 เท่า Booster ทั้งสองลำกลับมาลงจอดที่ Landing Zone ของแหลมคาเนเวอรัล ในขณะที่ Core Stage จะลงจอดบน DroneShip Of Course I Still Love You แน่นอนว่าการนำจรวดกลับมาลงจอดนั้นไม่ใช่อะไรที่ง่ายดายนัก แต่ Booster ทั้งสองนั้นต่างก็เคยผ่านการลงจอดมาแล้วทั้งสิ้น เนื่องจากมันถูกนำกลับมาใช้งานใหม่จากภารกิจ Thaicom 8 และ CRS-11 เป็นการลงจอดครั้งที่ 2 ของจรวดสองลำนี้
และจรวดท่อนกลางหรือ Core Stage ก็ทำการกลับมาลงจอดบน Of Course I Still Love You แม้ว่าในช่วงที่ทำการลงจอดภาพจะตัดไปเนื่องจากปัญหาทางเทคนิค แต่ก็ต้องรอดูว่า Core Stage นี้จะลงจอดสำเร็จหรือเปล่า ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า SpaceX จะออกมาประกาศว่าอย่างไร
Starman กับการเดินทางสู่วงโคจรดาวอังคาร
หลังจากที่ Payload Fairing ดีดออก ก็เผยให้เราเห็นภาพหุ่น Starman หุ่นในชุดอวกาศของ SpaceX นั่งฟังเพลง Life on Mars และ Space Oddity ของ David Bowie โดยมีภาพเบื้องหลังเป็นโลกสีฟ้าของเรา ในอีกไม่กี่เดือนหลังจากนี้เจ้าหุ่น Starman และ Tesla Roaster ก็จะอยู่ในวงโคจร Mars-Earth Eliptical Orbit โคจรรอบดวงอาทิตย์อยู่เช่นนี้ไปอีกนับแสนล้านปี
สรุปภารกิจครั้งนี้
สำหรับการทดสอบเที่ยวบินประวัติศาสตร์ครั้งนี้ก็นับว่าสำเร็จไปได้ด้วยดี เราได้เห็นจรวด Falcon 9 กลับมาลงจอด และรถยนต์ Tesla Roaster ก็เดินทางสู่ Earth-Mars Eliptical Orbit เรียบร้อย นับว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของ SpaceX และน่าทึ่งมากที่ประสบความสำเร็จในเที่ยวบินแรก และแน่นอนว่าการทดสอบครั้งนี้จะเป็นพื้นฐานให้กับเที่ยวบินครั้งต่อไปแน่นอน
เราจะได้เห็น Falcon Heavy ครั้งหน้าอีกเมื่อไหร่
สำหรับเที่ยวบินของ Falcon Heavy นั้นจะปรากฏให้เห็นร่วมกับเที่ยวบินปกติของ Falcon 9 โดยในภารกิจต่อไปก็คือการส่งดาวเทียม ArabSat ของประเทศซาอุดิอาราเบีย และการส่งดาวเทียม FermoSat-1 และยานอวกาศ LighSail ในช่วงกลางปีที่เราต้องติดตามวันที่และเวลากันต่อไป แต่อาจจะเป็นข่าวร้ายเล็กน้อยคือ SpaceX เลือกที่จะเลื่อนหรือยกเลิกการใช้ยาน Dragon ร่วมกับจรวด Falcon Heavy เพื่อหันไปพัฒนาจรวด BFR หรือ Big Fucking Rocket ที่จะใช้ในการส่งคนไปยังดาวอังคารแทน
ความสำเร็จครั้งนี้นับว่าทำให้วงการอวกาศต้องเปลี่ยนไปอีกครั้ง เราได้เห็นจรวดที่ทรงพลังที่สุดในโลกบินขึ้นนับแต่การปลดระวางของ Saturn V และทีสำคัญคือจรวดลำนี้เป็นของเอกชน เป็นครั้งแรกที่เอกชนได้ครอบครองสุดยอดเทคโนโลยี ซึ่งทั้งหมดก็มาจากฝันของชายคนหนึ่งที่อยากจะพาเราทุกคนไปยังดาวอังคาร ชายผู้อยู่เบื้องหลัง SpaceX เขาคือ Elon Musk นั่นเอง