ในเดือนมิถุนายนปีหน้าเราจะได้รู้ว่าภารกิจสำรวจอวกาศลึกต่อไปที่จะได้รับเลือกจากนาซ่าจะเป็นภารกิจใด ระหว่างโดรนลงจอดบนดวงจันทร์ดาวเสาร์กับภารกิจส่งยานอวกาศไปเก็บตัวอย่างดาวหวงกลับมายังโลก
สองภารกิจที่ว่ามานั้นถูกคัดมาจาก 12 ผลงานที่ถูกส่งเข้ามา โดยภารกิจที่ได้รับเลือกจะเป็นภารกิจประเภท New Frontiers มีงบจำกัดไว้ที่ประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่ง New Frontiers เป็นภารกิจที่ใช้งบประมาณในระดับปานกลาง อยู่ระหว่าง Flagship ซึ่งเป็นภารกิจเรือธง ทุ่มงบได้เต็มที่ กับภารกิจ Discovery ซึ่งเป็นแบบประหยัด ยานนิว ฮอไรซอนส์ที่กำลังเดินทางสู่แถบไคเปอร์ ยานโอซิริส-เร็กซ์ที่เดินทางสู่ดาวเคราะห์น้อยเบนนู กับยานจูโนที่โคจรรอบดาวพฤหัสก็เป็นหนึ่งในผลผลิตของประเภท Nre Frontiers เช่นเดียวกัน
Dragonfly โดรนบนดวงจันทร์ไททัน
จากได้ข้อมูลของยานฮอยเกนส์ที่ลงจอดบนดวงจันทร์ไททันไปเมื่อปี 2005 แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ไททันจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บนนั้น นั่นทำให้ภารกิจ Dragonfly เริ่มต้นขึ้นมา เพื่อศึกษาไททันอย่างละเอียด และมันจะถูกออกแบบให้สามารถบินไปมาและลงจอดได้อย่างอิสระ ซึ่งนั่นจะช่วยให้เราเข้าใจและศึกษาข้อมูลได้ในหลายตำแหน่งมากยิ่งขึ้น
ภารกิจ Dragonfly จะถูกส่งขึ้นไปในปี 2025 เดินทางถึงดาวเสาร์ในปี 2034 มันจะใช้เวลาในการสำรวจเพียงไม่กี่ปีเท่านั้นเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายและพลังงานที่ไม่มีมากพอ แต่นี่ก็จะเป็นการทำความเข้าใจครั้งยิ่งใหญ่และจะเปลี่ยนความเข้าใจที่เราเคยมีไปตลอดกาล (ตราบใดที่ภารกิจนี้ถูกอนุมัตินะ)
CAESAR การเดินทางกลับไปหาโรเซตตา
หากคุณจะคุ้นชื่อของโรเซตตาก็ไม่แปลก เนื่องจากว่ามันเป็นยานที่สำรวจดวงหาง 67P/Churyumov-Gerasimenko ในช่วงปี 2014-2016 ที่ผ่านมานี้เอง (แต่โรเซตตาเป็นขององค์การอวกาศยุโรปนะ) ซึ่งการสำรวจในครั้งนี้มันจะนำตัวอย่างประมาณ 100 กรัมเดินทางกลับมายังโลกด้วย
CAESAR หรือ The Comet Astrobiology Exploration SAmple Return จะเป็นยานลำแรกที่ไปเก็บตัวอย่างจากนิวเคลียสของดาวหาง และพามันเดินทางกลับมายังโลก (นาซ่าเคยส่งยานไปเก็บตัวอย่างดาวหางแล้ว แต่ไม่ได้เดินทางไปถึงนิวเคลียสของมัน) โดยจะได้รับความร่วมมือจาก JAXA ผู้มีประสบการณ์ในการเก็บตัวอย่างดาวเคราะห์น้อยจากภารกิจ Hayabusa มาก่อน
CAESAR จะเดินทางไปสู่ดาวหางในปี 2025 เช่นกัน และจะกลับมายังโลกในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2038 พร้อมกับตัวอย่างของดาวหางในแคปซูลของมัน ซึ่งจะประกอบไปด้วยวัตถุตั้งแต่สมัยกำเนิดของระบบสุริยะและอาจย้อนไปถึงก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ ดาวหางยังเป็นแหล่งกำเนิดของมหาสมุทรบนโลกและชีวิตบนโลกอีกด้วย แต่ทว่าในตอนนี้เรากลับมีความเข้าใจเกี่ยวกับดาวหางที่น้อยมาก
นอกเหนือจากสองภารกิจข้างต้นแล้ว นาซ่าก็ยังเลือกที่จะให้งบประมาณกับอีกสองภารกิจอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ Enceladus Life Signatures and Habitability (ELSAH) ที่จะสำรวจความเป็นไปได้ของการมีสิ่งมีชีวิตบนดวงจันทร์เอเซลาดัสของดาวเสาร์ กับ Venus In situ Composition Investigations (VICI) ที่จะไปลงจอดบนดาวศุกร์เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงบนพื้นผิวของดาว และความเป็นไปได้ของการมีสิ่งมีชีวิตเคยอาศัยอยู่ในอดีต (นานมาก ๆ มาแล้ว)
ทั้งสองภารกิจยังต้องได้รับการปรับปรุงอีกมากมาย ELSAH นั้นยังต้องป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโรคบนดวงจันทร์เอนเซลาดัสเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจหาสิ่งมีชีวิต VICI นั้นต้องทำให้อุปกรณ์ของมันทนสภาพอากาศที่ร้อนยิ่งกว่าประเทศไทยบนดาวศุกร์ให้ได้ ซึ่งเราอาจจะได้เห็นสองภารกิจนี้เกิดขึ้นจริง ๆ ในอนาคตอันใกล้ก็เป็นได้
สำหรับในตอนนี้ทั้งสองทีมตัวจริงต่างได้รับงบจากนาซ่าเพื่อปรับปรุงและแก้ไขแผนในภารกิจของตนเอง พวกเขาจะมีเวลาจนถึงสิ้นปีนี้ที่จะปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับภารกิจของตนเอง ก่อนที่นาซ่าจะพิจารณาอีกครั้งในเดือนมิถุนายน 2019 เพื่อเลือกภารกิจไปสำรวจที่พร้อมจะไขความลับอีกมากมายในระบบสุริยะของเรา
เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co