อีกเพียงหนึ่งปีเท่านั้นก่อนการปล่อยภารกิจทดสอบ Artemis I ไปอ้อมดวงจันทร์แล้วกลับโลกด้วยยาน Orion พร้อมกับจรวดรุ่นใหม่อย่าง Space Launch System หรือ SLS ของ NASA ซึ่ง NASA บอกว่า SLS จะเป็นหนึ่งใน Launch system ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา
ตอนนี้ได้เริ่ม Update ความคืบหน้าของการสร้างจรวด SLS แล้วอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้กำลังเริ่มสร้างชิ้นส่วนแรกเลยนั่นก็คือตัว Booster ขนาบข้างของ SLS ทั้งหมดสองตัว โดยชิ้นส่วนของ Booster จากโรงงานประกอบของ Northrop Grumman เดินทางมาถึง Spaceport ที่ Florida เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากผ่านการตรวจสอบชิ้นส่วนขั้นสุดท้าย การประกอบ Booster ที่เรียกว่า Stacking ก็เริ่มขึ้นในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2020 ด้วยการย้ายชิ้นส่วนแต่ละชิ้นที่จะนำมา Stack กันเรียกว่า Segments จาก Rotation, Processing and Surge Facilty ไป Vehicle Assembly Building (VAB) หรือตึกสูง ๆ ที่ NASA ใช้ประกอบจรวดนั่นเอง
ข้อมูลเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2020 ระบุว่าวิศวกรได้ทำการ Stack ตัว Booster ที้งสองรวมกันได้กว่า 10 sub-segments แล้วและเริ่มเห็นตัว Booster เป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งถือว่าเป็นการประกอบที่เร็วพอสมควร โดยการประกอบ SLS Booster ตะแบ่งเป็น 5 ขั้นตอน คือ
- การประกอบส่วน Aft Assembly หรือส่วนตนของ SLS Booster ด้วยการประกอบ Motor segments เข้ากับ Aft Skirts ที่เป็นส่วนเกือบสุดท้ายของปลาย Nozzle จรวด
- การประกอบส่วน Aft Exit Cones เข้ากับส่วนของ Aft Assemblies ก่อนหน้านี้ ซึ่ง Exit Cones จะเป็นปลาย Nozzle ที่ไอพ่นจาก SRB (Solid Rocket Booster) จะพุ่งออกมา
- ติดตั้ง Aft Assemblies ลงกับ Mobile launcher ซึ่งเป็นฐานปล่อยเคลื่อนที่ได้ (ประกอบเสร็จก็เลื่อนออกมาจุดปล่อยพร้อมปล่อยเลย)
- จาดนั้นก็ทำการ Stack Motor segments ที่เป็นส่วนของเชื้อเพลิงแข็งที่เหลืออีก 4 segments เข้าไป
- จบด้วยการติดตั้ง Nose cones ที่เป็นส่วนของ Forward assemblies
และนี่คือสิ่งที่ NASA กำลังทำอยู่ตอนนี้
นี่คือภาพของส่วนของ Aft Assembly ของ SLS Solid Rocket Booster ที่ติดตั้งอยู่บน Mobile Launcher ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ 3 ของการ Stack SLS Booster ขั้นตอนต่อไปคือการนำส่วนของ Motor segments ซึ่งเป็นส่วนที่บรรจุเชื้อเพลิงแข็งอีก 4 ส่วนใาค่อย ๆ ต่อกันจากนั้นจึงปิดด้วยส่วน Nose cone หรือหัวของ Booster นั่นเอง
ซึ่ง Aft Assemblies จะเป็นส่วนที่ควบคุมทิศทางของ Exhaust หรือเปลวเพลิงที่พุ่งออกมาจาก SRB เพื่อควบคุมทิศทางกว่า 70% หมายความว่ามันเป็นส่วนที่สำคัญส่วนหนึ่งของจรวด SLS เลย
ด้วยขนาดของ SLS Booster หลังประกอบเสร็จซึ่งจะยาวประมาณครึ่งสนามฟุตบอลและสูงกว่าเทพีเสรีภาพ Booster แต่ละตัวจะมีพลังงานขับเคลื่อน (Thrust) กว่า 3 ล้านกิโลกรัมขณะปล่อยออกจากฐานปล่อย LC-39B ซึ่งเป็น Thrust ที่เทียบเท่าเครื่องยนต์ Turbofan ที่ใช้ในเครื่องบินพาณิชย์กว่า 14 ตัวและมากกว่าแรงขับของเครื่องยนต์ของจรวด Saturn V กว่า 15% นั่นเอง
ในเดือน ธันวาคม นี้เราคงจะได้เห็น NASA ใช้ Crane ขนาดยักษ์ที่สามารถยกน้ำหนักกว่า 325 ตันมาใช้งานเพื่อยกเจ้า Motor segments อีก 4 ส่วนเข้าไปประกอบกับส่วนของ Aft assemblies แน่นอนว่า Crane ที่ว่านี้จะต้องแม่นยำมากเช่นกันไม่ใช่เหวี่ยงแท่งเชื้อเพลิงไปมา (หล่นขึ้นมา ยุ่งแน่) โดย Crane ที่ NASA ใช้นั้นแม่นยำขนาดที่มันสามารถยกวัตถุหนัก ๆ แล้วค่อย ๆ พยุงมันไปวางบนไข่ได้โดยไม่แตก (แต่ไม่ใช่เอาไปวางแล้วปล่อยลงไปเลยนะ ฮา)
เรียบเรียงโดย ทีมงาน SPACETH.CO
อ้างอิง