ทำไม Olay ถึงมาทำแคมเปญด้านอวกาศ ฉายช่วง Super Bowl จะเงียบเหมือน Axe Apollo ไหม

ตอนนี้เกิดแคมเปญที่น่าสนใจเกี่ยวกับอวกาศถึงสองตัวจากแบรนด์ที่ไม่คิดว่าจะมาทำเรื่องอวกาศได้ ตัวแรกก็คือแคมเปญ จาก Olay ในชื่อว่า #MakeSpaceForWomen ซึ่งโฆษณาตัวแรกของแคมเปญถูกนำมาฉายในช่วง Super Bowl ที่ปกติโฆษณาในช่วงนี้จะถูกทำมาเป็นพิเศษ และแต่ละแบรนด์จะอวดโฉมแคมเปญของตัวเองกัน

สำหรับ #MakeSpaceForWomen นั้น ถ้าดูจากโฆษณาก็อาจจะดูเหมือนเป็นการขายสินค้าธรรมดา ๆ ที่มีธีมเป็นแนวอวกาศ ซึ่งก็ดูไม่แปลกเท่าไหร่ เพราะเราเห็นหลายแบรนด์ก็โหนอวกาศแบบไม่ได้มีนัยอะไร แต่หญิง 3 คนที่อยู่ในโฆษณาตัวนี้ จริง ๆ แล้วก็คือ Lilly Singh และ Busy Philipps ซึ่งเป็นดารานักแสดง ส่วนอีกคนก็คือ Nicole Stott นักบินอวกาศ ซึ่งปฏิบัติภารกิจในอวกาศถึง 5 ภารกิจ ทั้งในยุคกระสวยอวกาศและยานโซยุส

โดยในโฆษณาเราจะเห็นเธอทั้งสามคน เดินสวมชุดนักบินอวกาศ และมีพื้นหลังเป็นจรวด Space Launch System ของ NASA ซึ่งอยู่ระหว่างทดสอบสำหรับภารกิจไปการส่งมนุษย์กลับไปดวงจันทร์ ซึ่งเป็นลายของ Olay อยู่ แต่รายละเอียดของโฆษณานี้ก็ยังไม่ได้บอกอะไร บอกแค่ว่า ให้รอเปิดตัววันที่ 2 เดือน 2 ปี 2020

ทำไมแบรนด์ที่ดูไม่เกี่ยวกับอวกาศถึงมาทำเรื่องอวกาศ

ก่อนหน้านี้ มีแคมเปญคล้าย ๆ กันซึ่งเป็นแบรนด์ฝั่งผู้ชายคือ Axe Apollo ซึ่งเล่นใหญ่ในช่วงปี 2013 จัดพร้อมกัน 60 ประเทศ ซึ่งมาแนวเดียวกัน เล่นใหญ่ เอา Buzz Aldrin นักบินอวกาศในโครงการ Apollo 11 มาเป็นพรีเซนเตอร์ โดยจะคัดเลือกผู้ที่มีสิทธิ์จะได้บินกับเครื่องบินอวกาศ (แบบ Sub-orbital) XCOR Lynx แต่สุดท้ายโครงการก็เงียบไป ส่วนบริษัทที่ทำยานอวกาศ Lynx ตอนนี้ก็เจ๊งไปแล้ว

ตอนนี้เราอาจจะยังพูดอะไรไม่ได้มากสำหรับ Olay ว่าแคมเปญจะออกมาในลักษณะที่ตามรอย Axe Apollo ไปหรือเปล่า เพราะไม่รู้ว่า #MakeSpaceForWomen อาจจะไม่ได้คิดตื้น ๆ ว่าแค่คัดเลือกคนไปอวกาศ ถ่ายรูปแล้วจบ แต่เราก็หวังว่าจะเป็นการผลักดันพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์จริง ๆ

ซึ่งพูดในแง่ของสิ่งที่ Olay ทำนั้นก็คือเครื่องสำอาง และ Skin Care มองได้สองแง่ว่า Olay นั้นจะเล่นแนวเชิงความเท่าเทียมทางเพศ และแง่ที่สองคือ Olay อาจจะเล่นในแง่ของ Cosmatic in Space ซึ่งไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหน ณ จังหวะตอนนี้ก็ดูจะไปได้สวยกว่า Axe Apollo แน่นอน เพราะ

  • ตอนนี้กระแสด้าน Space Commercial กำลังมาแรงมาก ๆ เราได้เห็นหลาย ๆ แบรนด์เช่น Red Bull ส่งทีม Pit Stop ไปทำ Pit Stop บนเที่ยวบิน Zero-G เพื่อทดสอบการทำงานที่กดดันในสภาวะไร้น้ำหนัก เราได้เห็นแบรนด์ไวน์ G.H. Mumm ทำแก้วแชมเปญสำหรับดื่มบนอวกาศ หรือแม้กระทั่ง Toyota ก็ประกาศทำรถสำหรับสำรวจดวงจันทร์ร่วมกับ JAXA ทำให้การที่แบรนด์จะกระโดดเข้ามาในการแข่งจากธุรกิจที่เป็น Non-space มาสู่ Space นั้นค่อนข้างน่าสนใจ
  • นอกจากโครงการที่เป็นฝั่งวิทยาศาสตร์แล้ว ก็ยังมีการนำ Space มาเป็นโฆษณามากขึ้น เช่น Samsung ทำแคมเปญ SpaceSelfie
  • NASA กำลังมีโครงการ Artemis ซึ่งจะเป็นการส่งนักบินอวกาศกลับสู่ดวงจันทร์อีกครั้ง ในปี 2024
  • ในปีนี้อเมริกากำลังจะส่งนักบินอวกาศกลับขึ้นสู่วงโคจรอีกครั้งหลังจากที่ต้องซื้อเที่ยวบินบนยานโซยุสของรัสเซียมาตลอดนับตั้งแต่การปลดระวางของกระสวยอวกาศ ซึ่งบริษัทที่ทำยานก็ได้แก่ SpaceX และ Boeing

ซึ่งถ้าดูจากแคมเปญของ Olay น่าจะไม่ใช่ การเล่นกับอวกาศแบบผิว ๆ เพราะถือว่ากล้าเปิดตัวใน Super Bowl ถือว่าสร้างความคาดหวังกับคนไว้แล้ว (และเราก็มีเคสของ Axe Apollo เป็นตัวอย่าง)

แก้วแชมเปญสำหรับดื่มในสภาวะไร้น้ำหนักของ G.H. Mumm ซึ่งส่งไปทดสอบในเที่ยวบิน Zero-G

เอาเข้าจริง ๆ เราก็ค่อนข้างเบื่อแล้วกับแคมเปญที่แตะอวกาศแค่ผิว ๆ ซึ่งเราคาดหวังว่าในปี 2020 เป็นต้นไป เราจะได้เห็นหลาย ๆ สนใจเข้ามาทำเรื่องอวกาศมากขึ้น เพราะจริง ๆ อวกาศอาจจะดูไกลสำหรับ ณ ตอนนี้ แต่ให้ลองนึกภาพดูว่า อวกาศ ไม่ใช่แค่ทำจรวด หรือดาวเทียม อีกต่อไป เพราะคนจะไปอยู่ในอวกาศมากขึ้น และเมื่อคนไปอยู่ในอวกาศ ทุกอย่างก็จะต้องตามขึ้นไป อาหาร, เสื้อผ้า, ความบันเทิง, สุขภาพ หรืออย่างเรื่อง Skin Care จริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยมีการทดสอบ Skin Care อย่างจริงจังบนสถานีอวกาศนานาชาติมาตั้งแต่ปี 2007 นำโดย ESA Commercial Agent for Biotechnology, Health, Food and Nutrition ซึ่งศึกษาผลกระทบต่อผิวของมนุษย์ในสภาวะไร้น้ำหนัก และอากาศที่แห้งในยานอวกาศ​ รวมถึงรังสีต่าง ๆ

ก็ต้องรอดูว่า Olay ซึ่งถ้าไม่นับโครงการ L’Oréal-UNESCO For Women in Science Awards ของ L’Oréal ที่มอบรางวัลให้กับผู้หญิงในวงการวิทยาศาสตร์ ก็นับว่า Olay เป็นแบรนด์ Cosmatic แรก ๆ ที่มาพูดถึงเรื่องอวกาศเลย

เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co

Technologist, Journalist, Designer, Developer - 21, I believe in anti-disciplinary. Proud to a small footprint in the universe. For Carl Sagan.