ในปี 2024 ควรจะเป็นปีของการเดินทางกลับสู่ดวงจันทร์ในภารกิจ Artemis II ที่ลูกเรือทั้ง 4 จะได้เดินทางไปโคจรรอบดวงจันทร์พร้อมกับยาน Orion อย่างไรก็ดี เมื่อช่วงต้นปี เราได้เห็น NASA ออกมาประกาศ NASA เลื่อน Artemis II เป็น 2025 และการลงจอดเลื่อนเป็นปี 2026 โดยให้เหตุผลด้านการเตรียมพร้อมเพื่อความปลอดภัย ทำให้โครงการ Artemis ทั้งก้อน ดูล่าช้าไปกว่าที่กำหนด แต่เราก็ได้เห็นความคืบหน้าของโครงการอย่างค่อยเป็นค่อยไปตลอดปี 2024 ที่ผ่านมานี้
ทำไมจรวด SLS ถึงได้มีชื่อที่สิ้นคิดแบบนี้
เริ่มต้นจากการที่ NASA ได้เคลื่อนย้ายจรวด Space Launch System หรือ SLS ท่อน Core Stage จากฐานการผลิตที่ NASA Michoud Assembly Facility ในรัฐหลุยเซียนา มายัง NASA Kennedy Space Center ในเดือนกรกฎาคม ซึ่ง ณ ตอนนี้ เดือนธันวาคม 2024 ตัวจรวด SLS Core Stage ก็ยังคงอยู่ในอาคาร Vechicle Assembly Building หรือ VAB ของ NASA อยู่ เพื่อเตรียมยกเข้าประกอบในส่วน High Bay 3 ของอาคาร VAB

จรวด SLS ส่วน Core Stage ท่อนนี้นั้นนับว่าเป็นจรวด SLS ท่อนที่สองที่ถูกสร้างขึ้นมา ต่อจาก SLS ที่ถูกใช้ในภารกิจ Artemis II ที่แน่นอนว่า SLS ไม่ได้มีคุณสมบัติในการนำกลับมาใช้ใหม่ ทำให้ NASA จำเป็นต้องสร้าง SLS ใหม่ทุกครั้งหลังจากภารกิจ Artemis แต่ละภารกิจ

อาคาร VAB ของ NASA จะเป็นแหล่งประกอบแห่งสุดท้าย (Final Assembly) ให้กับตัวจรวด SLS และโครงสร้างพื้นฐานสำหรับโครงการ Artemis ทั้งหมด (ที่ NASA เรียกว่า Exploration Ground Systems) และเมื่อจรวดเสร็จสมบูรณ์ตัวจรวด และส่วนหอคอยปล่อย Mobile Launcher จะถูกเคลื่อนย้ายด้วยรถ Crawler ขนาดยักษ์ไปยังฐานปล่อย LC-39B เพื่อทำการปล่อยต่อไป ที่ในรอบ Artemis II นี้เอง จะเป็นครั้งแรกที่มนุษย์จะได้เดินทางไปกับจรวด SLS
อัพเดท 12 ธันวาคม 2024 NASA ได้เริ่มยกเอาจรวด SLS Core Stage เข้าไปไว้ในส่วน High Bay 2 ของอาคาร VAB แล้ว เนื่องจากเป็นการเคลียร์โถงของ VAB ให้รองรับการเข้าและออกของฮาร์ดแวร์ชิ้นอื่น ๆ โดยในระหว่างนี้ NASA จะดำเนินการประกอบ Solid Rocket Booster ทั้งสองข้างของ SLS ในส่วน High Bay 3 หลังจากนั้น จะมีการยกเอา SLS เข้าไปประกอบกับ Solid Rocket Booster ใน High Bay 3 อีกครั้งเมื่อพร้อม

เราเคยพาทุกคนเข้าไปยังอาคาร VAB ในบทความ พาชมด้านในและขึ้นหลังคาอาคาร Vehicle Assembly Building ของ NASA

ในขณะที่ฮาร์ดแวร์อื่น ๆ ของโครงการ Artemis ก็เริ่มทยอยถูกส่งมายังอาคาร VAB ขึ้นเรื่อย ๆ เช่น Launch Vehicle Stage Adapter หรือ LVSA ที่เป็นโครงสร้างที่เชื่อมจรวดท่อน Interim Cryogenic Propulsion Stage หรือ ICPS เข้ากับตัว Core Stage ของ SLS ซึ่งเดินทางมาถึงอาคาร VAB ในเดือนกันยายน 2024 เรียบร้อย

และในเดือนพฤศจิกายน 2024 จรวด Solid Rocket Booster หรือ SRB ที่เป็นจรวดขนาบข้างของ SLS ก็ได้ถูกทยอยเคลื่อนย้ายจาก Rotation Processing and Surge Facility ใน Kennedy Space Center มายังอาคาร VAB เช่นกัน เพื่อเตรียมทำการ Stack หรือประกอบร่างกันในแต่ละท่อนจนเป็นจรวดที่สมบูรณ์ ซึ่งเราก็ได้เห็นตัวท่อนแรกของ SRB ถูกวางคู่กันภายในส่วน High Bay 3 เรียบร้อย ซึ่งบรรยากาศแบบนี้ก็จะคล้ายกับตอนที่ NASA เริ่มประกอบ SLS Booster ชิ้นส่วนแรกของ Artemis I ย้อนกลับไปในปี 2020

ยังไม่มีแผนแน่ชัดว่า NASA จะยกเอา SLS Core Stage เข้ามาวางในส่วน High Bay 3 เมื่อไหร่ แต่ก็คาดว่าน่าจะเป็นในช่วงต้นปีหน้า หากเราดูจากในไดอะแกรมที่แสดงส่วนต่าง ๆ ของ SLS ด้านบน จะพบว่าของที่เข้ามาอยู่ใน VAB เพื่อเตรียมประกอบค่อนข้างครบแล้ว
ในขณะที่จรวดท่อนที่สอง ICPS นั้น เนื่องจากมันถูกพัฒนาโดย United Launch Alliance ในส่วนงานของ Boeing มันจึงถูกสร้างในฐานการผลิตของ ULA ที่อลาบามา และได้ถูกย้ายมาประกอบในขั้นสุดท้าย ณ อาคาร Delta Operations Center ของ ULA บริเวณ Cape Canaveral Space Force Station ปัจจุบันเดือนธันวาคม 2024 จรวดท่อน ICPS ก็ยังอยู่ที่นั่นและยังไม่ได้เคลื่อนย้ายมาประกอบใน VAB เกร็ดเพิ่มเติมก็คือ ICPS ตัว I ตัวแรกนั้นย่อมาจากคำว่า Interim หรือชั่วคราว หมายความว่าจริง ๆ NASA จะต้องผลิตจรวดท่อน 2 ของ SLS เอง แต่เนื่องจากเวลาและทรัพยากรที่จำกัด ทำให้ NASA ต้องหยิบยืมตัว Second Stage ของจรวด Delta IV Heavy มาใช้แทน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะในการทดสอบครั้งแรกของ Orion ในปี 2014 ยาน Orion ก็ขึ้นบินด้วยจรวด Delta IV Heavy นั่นแหละ

ในตอนนี้ ULA ก็ได้เริ่มดำเนินการเตรียมความพร้อมจรวด ICPS ไปจนถึงท่อนที่จะถูกใช้สำหรับภารกิจ Artemis III เรียบร้อยแล้ว เรียกได้ว่าสต็อกของได้ค่อนข้างดี เตรียมพร้อมสำหรับการหยิบมาใช้งานได้ทันที
และชิ้นส่วนที่น่าจับตามองมาก ๆ อย่างตัวยานอวกาศ Orion และส่วน Service Module ที่ตั้งชื่อว่า European Service Module หรือ ESM ที่พัฒนาโดย ESA ก็ได้ถูกส่งมายัง NASA Kennedy Space Center เรียบร้อยแล้วเช่นกัน โดยได้ถูกเก็บไว้ใน อาคาร Neil Armstrong Operations and Checkout และได้ถูกทดสอบเรื่อย ๆ ตลอดปี 2024 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบความสั่นสะเทือนด้วยเสียง (Acoustic Chamber) หรือทดสอบในห้องสุญญากาศ (Vacumm Chamber)

ปกติแล้วยาน Orion จะเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายที่ถูกยกเข้ามาและติดตั้งกับ SLS ในอาคาร VAB เนื่องจากเป็นชิ้นส่วนที่อยู่ด้านบนสุดของตัวจรวด ตามด้วยการติดตั้ง Launch Escape Tower หรือปลายยอดจรวดที่ติดตั้งเครื่องยนต์จรวดสำหรับดีดตัวฉุกเฉินในกรณีที่ต้องมีการดีดตัว
Emergency Egress แผนการอพยพออกจากฐานปล่อยหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
จากความคืบหน้าดังกล่าวถือว่าค่อนข้างสมเหตุสมผลกับ Timeline ใหม่ที่เลื่อนภารกิจ Artemis II ไปเป็นปี 2025 ซึ่งก็ต้องติดตามกันว่าในปี 2025 จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีก และการเดินทางกลับสู่ดวงจันทร์ของมนุษยชาติจะเกิดขึ้นในปีดังกล่าวหรือไม่
เรียบเรียงโดย ทีมงาน Spaceth.co